23 ส.ค. เวลา 03:39 • ท่องเที่ยว
อุทัยธานี

ชีวิตในเมือง จ.อุทัยธานี 3 วัน 2 คืน

วันนี้เรามุ่งตรงเข้าตัวเมืองอุทัยธานี และมีแพลนพักกันที่ตัวเมือง 3 วัน 2 คืน เปลี่ยนที่พักกัน 2 สถานที่ ไปวัด ไหว้ศาลหลักเมือง และหาของทานแบบ Non-Stop เช้า-กลางวัน-เย็น แบบจุกๆ
ใครอยากไปเที่ยว จ.อุทัยธานี ซึ่งหลายคนอาจจะเห็นว่าเป็นจังหวัดที่ดูแล้วไม่น่ามีอะไรเที่ยว อยากให้ลองดูว่าทริปนี้เราไปไหนบ้าง บางทีคุณอาจจะเปลี่ยนใจก็เป็นได้
☀️ คืนแรกเรานอนกันที่ "แพ บ้าน บ้าน "
แพ บ้าน บ้าน เป็นที่พักเป็นแพอยู่ริมน้ำ เป็นชุมชนริมน้ำเก่าดัดแปลงมาเป็นที่พัก มีแค่ 1 หลังเท่านั้น สามารถนอนได้ 4-6 คน มีเครื่องอำนวยความสะดวกครบครันเหมือนอยู่บ้าน
ห้องนอนมี 2 ที่ คือ ด้านนอก และมีในห้อง ซึ่งนอนได้ทั้งหมด 4 คน และมีผ้าขาวม้ามาให้แทนผ้าขนหนู
บนแพก็จะมีที่นั่งให้นั่งริมน้ำชมวิถีชีวิตชาวอุทัยธานีได้
แพ บ้าน บ้าน
เบอร์: 083-108-0998
⭐️ ตื่นเช้ามา ก็ไปตลาดเช้ากัน ไปหาอาหารเช้ารองท้องกันก่อน แวะร้านแรก
"โจ๊กกระทะ เฮียเก้า"
เบอร์: 083-622-4234
เวลา: เปิดทุกวัน ตั้งแต่ 06.00-09.30 น.
ร้านโจ๊กเล็กๆ อยู่ริมถนน แต่เป็นร้านเก่าแก่ขายมานานเกือบ 100 ปี และสิ่งที่แปลกตา คือ ร้านนี้ใช้กระทะในการต้มโจ๊กและน้ำซุปกระดูกหมูเข้มข้น อีกทั้งหมูสับชิ้นโต
⭐️ อีกร้านที่จะต้องรีบไปซื้อตั้งแต่เช้าตรู่ คือ
" หมูปิ้งบาทเดียว (หมูปิ้งป้าเล็ก-ป้าน้อย) "
เวลา: เปิด ตั้งแต่ 04.30-07.30 น. (หรือจนกว่าของจะหมด)
ร้านที่มีสูตรยาวนานกว่า 200 ปี สืบต่อกันมาจนมาถึงรุ่นป้าเล็ก-ป้าน้อย และขายเพียงวันละ 1,000 ไม้ เท่านั้น หมดแล้วหมดเลย รสชาติจะเค็มๆแต่ติดหวานนิดหน่อย และเป็นเนื้อหมูแบบเต็มคำและโคนไม้ก็จะมีมันหมูให้เคี้ยวนุ่มๆนิดนึง
ราคาก็จะไม่ได้ 1 บาทแล้ว ป้าแกขึ้นราคามาที่ 1.25 บาท และแกบอกว่าจะคงราคานี้ไว้ตลอด ไม่ขึ้นแน่นอน และวันที่เราไปไม่มีลูกค้า เลยได้คุยกับแกได้นานหน่อย
⭐️ มาถึง จ.อุทัยธานีแล้ว ก็ต้องไหว้ "ศาลหลักเมือง" เพื่อเป็นศิริมงคลกันก่อน
แต่เดิมศาลหลักเมือง อยู่ที่ วัดหัวเมือง อ.อุทัยเก่า อ.หนองฉาง ซึ่งบรรยากาศในวัดเงียบมาก ไม่มีใครไปเยี่ยมชมสักเท่าไหร่ ก็เลยย้ายมาในตัวเมืองอุทัยธานีแทน (บริเวณหน้าศาลากลางจ.อุทัยธานี ปัจจุบัน)
⭐️ ตอนเที่ยงเราก็ฝากท้องไว้ที่ "ดิ อมฤต - Coffee X Cuisine"
เวลา: เปิดทุกวัน ตั้งแต่ 09.00-21.00 น.
เป็นร้านอาหารและคาเฟ่ ในที่เดียวกัน เป็นร้านตกแต่งน่ารัก ขายอาหารแบบฟิวชั้น มีอาหารให้เลือกทานหลายอย่างมาก
⭐️ ต่อคาเฟ่นั่งชิลๆกันสักหน่อย ที่ "Craft Coffee Slow Bar 217"
เวลา: เปิดทุกวัน ตั้งแต่ 06.00-16.00 น.
ร้านกาแฟเล็กๆ มีวิธีการบด ชง กาแฟอย่างพิถีพิถัน และมีเมล็ดกาแฟให้เลือกเยอะมาก ซึ่งเราสามารถสอบถามพี่เจ้าของได้เลย แนะนำได้เป็นอย่างดี
⭐️ ตอนเย็นเราก็เตรียมตัวไปเดิน ถนนคนเดินตรอกโรงยา แต่ก็ขอแวะฝากท้องก่อนที่ ร้าน "เจ้ดาปลาลวก"
เวลา: เปิดทุกวัน ตั้งแต่ 16.30-21.00 น.
ถ้ามาถึงร้านเจ๊ดา ปลาลวก และอุทัยธานีแล้ว ก็ต้องสั่ง "ปลาแรดลวก" ซึ่งจะมีเสริฟมาคู่กับน้ำจิ้ม 3 อย่าง ทั้งซีฟู๊ด เต้าเจี้ยวเปรี้ยว หวาน
⭐️ ทานอาหารเสร็จก็ไปเดิน "ถนนคนเดินตรอกโรงยา"
เวลา: เปิดวันเสาร์ ตั้งแต่ 16.00-18.00 น.
ถนนคนเดินตรอกโรงยา ที่ใครมาอุทัยธานีก็ต้องมา มีของกิน ของใช้ ขายเยอะมาก ความยาวทั้งซอยประมาณ 130-150 เมตร เดินเพลินแน่นอน
☀️ คืนที่ 2 เราพักกันที่ " Zen Non Ban เส้น นอน บ้าน"
เบอร์: 061-664-6731
Zen Non Ban เป็นที่พักเปิดใหม่ ที่อยู่ในสังกัดเดียวกับ Zen Non Wad เป็นบ้านเก่า Renovate มาเป็นที่พักให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสความเป็นอยู่แบบดั้งเดิมของชาวอุทัยธานี
ห้องพักของเราวันนี้เป็นห้องใหญ่ สามารถนอนได้ 2-4 คน การตกแต่งเป็นเหมือนห้องสมุดน้อยๆ มีระเบียงให้นั่งชมวิวด้วย แต่ต้องระวังเรื่องการเดิน เพราะพื้นที่นี่ลื่นมากๆ
⭐️ ตอนเช้าเราไปเดินตลาดเช้า ของกินเยอะมาก อีกทั้งของสด ผัก ผลไม้ก็ดูสด น่าซื้อมากๆ
ซื้อของใส่บาตรตรงตลาด และเดินไปที่ท่าน้ำไปใส่บาตรกัน
⭐️ เดินตลาดได้ของกินติดไม้ติดมือมานิดๆหน่อยๆ แต่ก็ขอแวะทานข้าวเช้าแบบจริงจังที่ "โกตี๋ ข้าวมันไก่"
เวลา: เปิดทุกวัน ตั้งแต่ 06.00-15.00 น.
ข้าวมันไก่โกตี๋ เป็นข้าวมันไก่สูตรไหหลำ ที่ใช้ไก่พันธุ์พื้นเมือง และนำมาต้มด้วยสูตรลับของทางร้าน แต่ที่แตกต่างจากร้านอื่นคือ น้ำจิ้มมี 2 อย่าง คือ น้ำจิ้มเต้าเจี้ยวใส่ขิงสับ กับน้ำจิ้มซีฟู๊ด
⭐️ ทานอาหารเสร็จ เราก็ไปชมวิวและไหว้พระกัน "วัดสังกัสรัตนคีรี (ยอดเขาสะแกกรัง)"
วัดสังกัสรัตนคีรี ตั้งอยู่บนยอดเขาสะแกกรัง ซึ่งสามารถมองเห็นวิวมุมสูงได้แบบพาโนรามา
วัดนี้มีความโดดเด่นเรื่องบันไดพญานาค ที่ในวันออกพรรษาจะมีพระภิกษุเดินลงมาจากบันได 449 ขั้น จากวัดบนยอดเขา เพื่อมารับบิณฑบาตรจากประชาชนด้านล่าง ซึ่งดูสวยงามมาก
ทางขึ้นวัดมีอยู่ 2 ทาง คือ ขับรถขึ้นไปด้านบน จากเส้นข้างสนามกีฬา หรือจะท้าทายร่างกายตัวเอง โดยขึ้นบันได้ 449 ขั้นก็ได้
⭐️ ก่อนกลับกรุงเทพฯ ก็แวะไหว้พระกันก่อนที่ "วัดท่าซุง"
วิหารแก้ว วัดท่าซุง ถือเป็นจุดไฮไลต์สำคัญของนักท่องเที่ยว เนื่องจากมีสถาปัตยกรรมที่สวยงาม บริเวณด้านในประดับด้วยโมเสก คล้ายแก้วที่มีความระยิบระยับ เป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธชินราชจำลองและโลงแก้วของหลวงพ่อฤาษีลิงดำ
⭐️ ทานอาหารกลางวันกันก่อนกลับที่ "ศาลาโค้ก"
เบอร์: 056-502 555
เวลา: เปิดทุกวัน ตั้งแต่ 09.00-21.00 น.
ร้านนี้เป็นร้านยอดฮิตที่ใครมาไหว้พระที่วัดท่าซุงจะต้องแวะกันก่อนกลับ แต่ความเป็นมาของชื่อก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน
ร้านนี้ขึ้นชื่อปลาแรก ซึ่งเราก็สั่งกันมา 1 ตัว ซึ่งสามารถทำได้ 2 เมนู ส่วนหางเอามาทำทอดกระเทียม เนื้อปลาสด แน่น ทอดไม่แห้งเกินไป กำลังดี กระเทียมหอมกรอบ
ปลาแรดอีกส่วนนำมาทำปลา 3 รส น้ำราดเปรี้ยวๆ หวานๆ รสชาติคล้ายๆน้ำจิ้มลูกชิ้น อร่อยทานกับข้าวสวยร้อนๆ คลุกๆๆ เข้ากันได้ดีมาก
ปล. ราคาปลาในวันที่เราไป 380 บาท/ตัว (ทำได้ 2 เมนู) และอาหารอื่นๆ อีก 2-3 อย่าง
⭐️ ถ้าชอบการท่องเที่ยว โรงแรม ร้านอาหาร ดูรีวิวเพิ่มเติมได้ที่
โฆษณา