ปัจจัยเหล่านี้ทำให้เจ้าหน้าที่ในกระบวนการยุติธรรมใช้ประโยชน์จากข้อมูลเกี่ยวกับคดีได้ยาก จึงได้แก้ปัญหาโดยการนำหลักการจำแนกคดีที่เป็นสากลเข้ามาใช้ ซึ่งก็คือมาตรฐานระหว่างประเทศว่าด้วยการจำแนกประเภทอาชญากรรมเพื่อประโยชน์ทางสถิติ (ICCS: The International Classification of Crime for Statistical Purposes)
จากนั้นประยุกต์ใช้เทคโนโลยี AI เพื่อช่วยจำแนกประเภทคดีตามมาตรฐานดังกล่าว และสกัดข้อมูลสำคัญจากพฤติการณ์คดีรวมถึงเชื่อมโยงความสัมพันธ์เหตุการณ์ในคดี เพื่อเข้ามาช่วยงาน เสริมศักยภาพให้หน่วยงานช่วยให้เจ้าหน้าที่เห็นและเข้าใจภาพรวมของรูปแบบพฤติการณ์คดีของคดีอาชญากรรม จนนำไปสู่การปราบปราม รวมทั้งใช้ข้อมูลเชิงสถิติเพื่อวางมาตรการป้องกันเหตุที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
โซลูชัน AI จำแนกประเภทคดีและเชื่อมโยงความสัมพันธ์เหตุการณ์ในคดีสนับสนุนหน่วยงานยุติธรรมได้อย่างไร
ทีมงาน VISAI ได้พัฒนาโซลูชัน AI โดยผสาน AI โมเดล 3 ประเภทเพื่อช่วยงานตั้งแต่การจำแนกประเภทคดี ไปจนถึงระบุความสัมพันธ์ของสิ่งต่างๆ ในคดีนั้นๆ ได้แก่ โมเดล Text Classification (TC), Named Entity Recognition (NER), และ Relation Extraction (RE)
Text Classification - AI จำแนกข้อความ
Text Classification (TC) คือ โมเดล AI ช่วยจำแนกประเภทโดยพิจารณาจากข้อความที่โมเดลได้รับ ตัวอย่างการนำไปใช้งานเช่น นำไปใช้จำแนกประเภทข้อความโดยดูจากหัวข้อเนื้อหาในข้อความ หรือจำแนกอารมณ์ของผู้ที่แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับสินค้าบนแพลตฟอร์มซื้อขายของโดยพิจารณาจากเนื้อหาของความคิดเห็น
โซลูชัน AI ในโครงการนี้้้ Text Classification ถูกนำมาประยุกต์ใช้ในการจำแนกประเภทของคดีตามมาตรฐานระหว่างประเทศว่าด้วยการจำแนกประเภทอาชญากรรมเพื่อประโยชน์ทางสถิติ (ICCS) โมเดลดังกล่าวจะทำความเข้าใจเนื้อหาของคดีที่อยู่ในรูปตัวอักษรก่อนจะตัดสินว่าคดีดังกล่าวควรจัดอยู่หมวดหมู่อาชญากรรมประเภทใด
Named Entity Recognition - AI ระบุหาคำที่เป็นชื่อหรือสิ่งของ
Named Entity Recognition (NER) คือโมเดล AI ช่วยระบุประเภทของคำที่เป็นชื่อเฉพาะในเอกสาร เช่น ชื่อคน ชื่อองค์กร รวมถึงคำที่สำคัญอย่างเช่น ตัวเลข วันเวลา จำนวนเงิน ตัวอย่างการนำไปใช้งาน เช่น Named Entity Recognition จะระบุว่า มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เป็น “มหาวิทยาลัย” รวมทั้งในบางโมเดลยังสามารถระบุเพิ่มเติมไปได้อีกว่า เป็นมหาวิทยาลัยที่ตั้งอยู่จังหวัด “เชียงใหม่”
สำหรับโซลูชัน AI จำแนกประเภทคดีและเชื่อมโยงความสัมพันธ์เหตุการณ์ในคดี ทีมพัฒนาได้นำโมเดล Named Entity Recognition มาประยุกต์เพื่อระบุและแปะป้ายสิ่งที่เป็นชื่อเฉพาะและข้อมูลสำคัญ เช่น ชื่อผู้ต้องหา ชื่อผู้เสียหาย อาวุธ ชื่อพยาน วันที่ เวลา สถานที่เกิดเหตุ และข้อหาจากข้อมูลพฤติการณ์คดี
ประโยชน์ของเทคโนโลยี AI จำแนกประเภทคดีและเชื่อมโยงความสัมพันธ์เหตุการณ์ในคดี
เมื่อนำเทคโนโลยี AI มาช่วยจำแนกประเภทคดีและเชื่อมโยงความสัมพันธ์เหตุการณ์ในคดีเข้ามาใช้งานแล้วมีประโยชน์ต่อเจ้าหน้าที่ในการใช้ข้อมูลทางสถิติมาวางแผนออกมาตรการป้องกันอาชญากรรม หรือหาลักษณะเด่นของอาชญากรรม ซึ่งนำไปสู่การช่วยปราบปรามอาชญากรรมดังกล่าว
เมื่อใช้เทคโนโลยี AI จำแนกประเภทคดีและเชื่อมโยงความสัมพันธ์เหตุการณ์ในคดีแล้ว จะทำให้เจ้าหน้าที่ได้รับข้อมูลลักษณะเด่นหรือรูปแบบที่มีร่วมกันของคดีอาชญากรรมที่คล้ายคลึงกัน ทำให้เข้าใจพฤติกรรมของคดี จนสามารถนำไปวางแผนและปราบปรามได้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
3. ช่วยออกแบบมาตรการป้องกันล่วงหน้า
เทคโนโลยี AI จำแนกประเภทคดีและเชื่อมโยงความสัมพันธ์เหตุการณ์ในคดีช่วยให้เจ้าหน้าที่สามารถดูข้อมูลสถิติจากโมเดล Text Classification ที่จัดประเภทคดีอาชญากรรมได้ว่าแต่ละปีมีคดีอาชญากรรมประเภทใดเกิดขึ้นเยอะจนเป็นปัญหาเร่งด่วนของสังคมเพื่อนำไปหาสาเหตุและพิจารณาแก้ไขร่วมกับหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องกับการรับมืออาชญากรรมดังกล่าว
ปัจจุบัน AI สามารถเข้ามาช่วยทำความเข้าใจบันทึกคดีอาชญากรรมของประเทศที่มีปริมาณมหาศาลจนสามารถหารูปแบบและลักษณะเด่นของอาชญากรรมต่างๆ ได้นำไปสู่การวางแผนปราบปรามและออกมาตรการในการป้องกันได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น และหากองค์กรใดสนใจพัฒนาโซลูชันเฉพาะทางเพื่อเสริมศักยภาพให้กับองค์กรเช่นนี้ ติดต่อเราได้ที่บริการ AI Solutions