23 ส.ค. เวลา 09:58 • หุ้น & เศรษฐกิจ

“ลาตินอเมริกา” ดินแดนแห่งความอุดมสมบูรณ์กับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย

ทุกท่านทราบหรือไม่ว่า “ลาตินอเมริกา” ดินแดนที่ดูเหมือนจะห่างไกลจากเราในทางภูมิศาสตร์ กำลังได้รับความสนใจจากนักลงทุนต่างชาติมากขึ้นเรื่อย ๆ ในฐานะตลาดใหม่ที่มีศักยภาพสำหรับแสวงหาแหล่งวัตถุดิบและทรัพยากรธรรมชาติไปใช้ประโยชน์ เนื่องจากลาตินอเมริกาเป็นภูมิภาคที่อุดมสมบูรณ์ทั้งทรัพยากรทางบกและทางทะเล และยังมีทรัพยากรหายากอีกหลายอย่าง
แผนที่ภูมิภาคลาตินอเมริกาและแคริบเบียน ที่มา: เว็บไซต์ European Parliamentary Research Service (EPRS)
ปัจจุบัน ลาตินอเมริกามีคู่ค้าที่สำคัญในหลายภูมิภาคทั่วโลก โดยลาตินอเมริกาและแคริบเบียนเป็นตลาดใหม่ที่เปิดโอกาสทั้งด้านการค้าและการลงทุนจากต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง หลายท่านเริ่มสงสัยกันหรือไม่คะว่า แล้วไทยเรานั้น มีการแลกเปลี่ยนทางการค้าและการลงทุนกับลาตินอเมริกาอย่างไรบ้าง
บรรยากาศภายในงานการบรรยาย ที่มา: กระทรวงการต่างประเทศ
ในบทความนี้ จะขอพาผู้อ่านทุกท่านไปทำความเข้าใจกับความสัมพันธ์ทางการค้าและการลงทุนระหว่างไทยและลาตินอเมริกาให้มากขึ้น จากงานสัมมนา ไทย-ลาตินอเมริกา ครั้งที่ 4 ในหัวข้อ “Flavours of Opportunities: Nourishing Trade and Investment between Thailand and Latin America”
โดยเป็นงานสัมมนาที่กรมอเมริกาและแปซิฟิกใต้ กระทรวงการต่างประเทศ จัดขึ้นโดยร่วมกับสถานเอกอัครราชทูตภูมิภาคลาตินอเมริกาและแคริบเบียนประจำประเทศไทย 9 ประเทศ ได้แก่ อาร์เจนตินา บราซิล ชิลี โคลอมเบีย คิวบา กัวเตมาลา เม็กซิโก ปานามา และเปรู เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2567 ที่ผ่านมา โดยมีนายรัศม์ ชาลีจันทร์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศ เป็นประธานกล่าวเปิดงาน
วัตถุประสงค์ของงานสัมมนาฯ แสดงถึงความมุ่งมั่นในการยกระดับความสัมพันธ์และส่งเสริมพลวัตการค้าและการลงทุนระหว่างไทยกับลาตินอเมริกาและแคริบเบียน ซึ่งสะท้อนนโยบาย “การทูตเศรษฐกิจเชิงรุก” ของกระทรวงการต่างประเทศ โดยการเปิดแนวรุกตลาดให้แก่สินค้าไทยที่มีศักยภาพสูง และเปิดโอกาสการค้าและการลงทุนเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจ
ยิ่งไปกว่านั้น การจัดงานสัมมนาฯ จัดขึ้นในช่วงเวลาเดียวกับงาน ‘THAIFEX-Anuga Asia 2024’ จึงทำให้สาระสำคัญของงานสัมมนาฯ ครั้งนี้ มุ่งเน้นไปที่กลุ่มสินค้าด้านอาหารและเกษตร ซึ่งเป็นกลุ่มสินค้าเป้าหมายที่ทั้งไทยและลาตินอเมริกาต่างมีศักยภาพสูง
นายรัศม์ ชาลีจันทร์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวเปิดงาน ที่มา: กระทรวงการต่างประเทศ
ในคำกล่าวเปิดงานฯ นายรัศม์ ชาลีจันทร์ ได้แสดงให้เห็นมุมมองเชิงบวกของไทยต่อภูมิภาคลาตินอเมริกาและแคริเบียน โดยมองว่า ภูมิภาคนี้มีกำลังซื้อสูงเพราะมีจำนวนผู้บริโภคถึงกว่า 665 ล้านคน อีกทั้งมีแนวโน้มการขยายตัวทางเศรษฐกิจร้อยละ 2.5 ในปีนี้ จึงถือว่าเป็นโอกาสอันดีของไทยที่จะขยายตลาดสินค้าจำพวกอาหารและเกษตร
นอกจากนี้ ลาตินอเมริกายังเป็นทั้งตลาดส่งออกและนำเข้าสินค้าของไทย จึงมีความสำคัญต่อเศรษฐกิจไทยอยู่เสมอ ตลอดจนทั้งสองฝ่ายยังมีเอกสารความตกลงที่เปิดช่องทางการค้าระหว่างกัน เช่น ความตกลงการค้าเสรี ไทย-ชิลี และไทย-เปรู ซึ่งจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของสินค้าไทยและอำนวยความสะดวกแก่นักธุรกิจไทยได้เป็นอย่างดี
บรรยากาศภายในงาน ที่มา: กระทรวงการต่างประเทศ
บรรยากาศภายในงาน ที่มา: กระทรวงการต่างประเทศ
เอกอัครราชทูตและอุปทูตฯ จากกลุ่มประเทศลาตินอเมริกาและแคริบเบียน รวมถึงผู้แทนภาคเอกชน ได้ใช้โอกาสภายในงานดังกล่าว เป็นเวทีผลักดันการขยายการค้าและการลงทุนระหว่างกัน ผ่านการนำเสนอข้อมูลทางเศรษฐกิจของประเทศต่าง ๆ ที่โดดเด่นน่าสนใจ โดยเฉพาะด้านอาหารและการเกษตร รวมถึงชี้ชวนให้พิจารณาไปประกอบธุรกิจ และสิทธิประโยชน์แก่ผู้ประกอบการไทยในลาตินอเมริกา
เริ่มต้นจากอาร์เจนตินา ที่ย้ำถึงศักยภาพของตนในการผลิตและส่งออกสินค้าเกษตรที่หลากหลาย เช่น ถั่วเหลือง ธัญพืช เนื้อวัว และไวน์ ภายใต้นโยบายเศรษฐกิจที่เปิดกว้าง
ส่วนชิลี มีสำนักงานการค้าชิลี (ProChile) ในไทยแล้ว ตามความตกลงการค้าเสรีกับไทย ขณะที่เปรู มุ่งส่งเสริมความมั่นคงทางอาหารและการเกษตรที่ยั่งยืน โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ที่อุดมด้วยคุณค่าทางโภชนาการในระดับสูง
และที่เม็กซิโก เน้นย้ำจุดเด่นในฐานะผู้นำด้านโครงสร้างพื้นฐานที่เอื้อต่อการผลิตและส่งออกสินค้าอาหารและเครื่องดื่ม เช่น อโวคาโด และเครื่องดื่มมี แอลกอฮอลล์ รวมถึงบราซิล ที่นำเสนอศักยภาพในการส่งออกวัตถุดิบหลายชนิดมายังไทยในราคาที่แข่งขันได้ในตลาด และให้ความสำคัญกับการลงทุนเพื่อการวิจัยและพัฒนาการเกษตร และเป็นผู้ส่งออกสินค้าหลัก ๆ อย่างเช่น น้ำตาลทราย กาแฟ และถั่วเหลือง
นอกจากนี้ ภายในงานยังมีการจัดแสดงสินค้าขนาดเล็ก (Mini Business Fair) รวม 15 บูธ และงานเลี้ยงอาหารกลางวันเพื่อสร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างภาคธุรกิจและภาคส่วนต่าง ๆ (Business Networking Luncheon) โดยเปิดโอกาสให้มีการนำผลิตภัณฑ์สำคัญของผู้เข้าร่วมมาจัดแสดง และจัดให้พบปะแลกเปลี่ยนข้อมูล และความสนใจในการดำเนินธุรกิจระหว่างกัน
ทุกท่านอาจคาดไม่ถึงนะคะว่า ปัจจุบันไทยนำเข้าสินค้าสำหรับชีวิตประจำวันจากลาตินอเมริกาเป็นจำนวนมาก ทั้งในรูปแบบวัตถุดิบและสำเร็จรูป เช่น ธัญพืช ไวน์ อโวคาโด เมล็ดกาแฟ และอื่น ๆ อีกมากมาย ด้วยเหตุนี้ ไทยจึงมีความพยายามกระชับความสัมพันธ์กับลาตินอเมริกาเพื่อขยายการค้าและการลงทุนมาอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2566 มูลค่าการค้ารวมระหว่างไทยกับภูมิภาคลาตินอเมริกาและแคริบเบียนมีกว่า 17,195 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าประมาณร้อยละ 3 และทั้งสองฝ่ายยังมีศักยภาพที่จะเพิ่มพูนการค้าระหว่างกันได้อีกมาก
จะเห็นได้ว่า งานสัมมนาฯ ในครั้งนี้ สะท้อนความมุ่งมั่นของกระทรวงการต่างประเทศในการขับเคลื่อนความสัมพันธ์ด้านการค้าและการลงทุนระหว่างไทยกับภูมิภาคลาตินอเมริกาและแคริบเบียน ซึ่งเป็นภูมิภาคที่เปรียบเสมือนเป็น ‘กุญแจสำคัญ’ ดอกใหม่ที่จะช่วยส่งเสริมการเติบโตและศักยภาพทางเศรษฐกิจของไทยในระยะยาวได้ไม่น้อย โดยเฉพาะมิติด้านอาหารและการเกษตรที่เป็นจุดแข็งของไทยในตลาดโลกมาอย่างยาวนานผ่านการส่งออกและนำเข้ากับนานาประเทศ
ความสัมพันธ์ในมิติเศรษฐกิจระหว่าง ไทย-ลาตินอเมริกา จึงเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่น่าติดตามต่อไปว่า จะมีพัฒนาการที่เต็มรูปแบบมากขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้ อย่างไรบ้างค่ะ
โฆษณา