30 ส.ค. เวลา 04:00 • ท่องเที่ยว
เชียงใหม่

แม่กำปอง…แม่กำใจ และเจียงใหม่ม่วนหลาย

สวัสดีกันด้วยนะ เกือบปีที่เพจแบกเป๋าแบกเป้ ไม่ได้ทำเพจมานาน เพราะช่วงที่ผ่านมานี่ไม่ว่างเลย เพราะเตรียมตัวและอบรมมัคคุเทศก์ หรือไกด์นั่นเอง เลยหายหน้าหายตากันไป ช่วงนี้ก็กลับมาแล้ว กลับมาเดินเครื่องรีวิวที่เที่ยวกันต่อเด้อ
และในรีวิวนี้ก็สืบเนื่องจากการ Outing ที่ภาคเหนือที่ปันได้ไปมานี่แหละ โดยโพสต์นี้ก็เป็นการรีวิวที่เที่ยวที่เชียงใหม่ และแม่กำปองแบบ One Day Trip
แม่กำปอง เชียงใหม่
ความจริงแล้วในทริปนี้ปันมาอยู่เชียงใหม่ 4 วัน 3 คืน แต่ 3 วันแรกเป็นการมา Outing ซึ่งเดี๋ยวจะทำรีวิวแยก เกี่ยวกับสถานที่ๆ ปันไปได้เที่ยวชมตอน Outing นะ มีหลายที่ ที่อยากจะรีวิว
เอาล่ะ เริ่มเรื่องกันเลย วันที่ปันไปเที่ยวแม่กำปองและตัวเมืองเชียงใหม่ 1 วัน เกิดขึ้นเมื่อ 13 สิงหาที่ผ่านมา (13 สิงหา 2024) ปันได้ออกจากที่พักแถวนิมมานเหมินทร์ ไปที่กาดวโรรส ริมแม่น้ำปิง ใช้เวลาเดินทางประมาณ 20 นาที ด้วยรถเครื่อง ปันจะต้องมาก่อนเวลารถออกเที่ยวแรก นั่นก็คือ 07:40
ท่ารถขึ้นไปที่แม่กำปอง
ท่ารถจะเป็นเต๊นท์ขายตั๋วรถไปแม่กำปอง อยู่ตรงข้ามกาด หรือตลาด โดยใครที่เอารถมา สามารถเอารถไปจอดได้ที่อาคารจอดรถฝั่งตรงข้ามได้เลย ค่าบริการประมาณ 5฿
และเรายังสามารถขึ้นรถจากตรงนี้ไปยังที่เที่ยวต่างๆ ในเชียงใหม่ได้ เช่น ม่อนแจ่ม ดอยอินทนนท์ รวมไปถึงบ่อน้ำพุร้อนสันกำแพง ที่รถตู้แม่กำปองจะแวะจอดด้วย
ปันได้ซื้อตั๋วรถเที่ยว 07:40 และขากลับช่วง 13:20 ในราคา 300฿ (150฿ ต่อเที่ยว) แนะนำว่าให้โทรจองก่อนเดินทาง เพราะบางเที่ยวรถจะเต็ม
อย่างปันได้ 13:20 ก็จริง แต่รถเกือบเต็มแล้ว เลยแนะนำว่าให้จองก่อนดีกว่า
ลิ้งค์จองรถ:
หลังจากขึ้นรถแล้ว รถออกตรงเวลา จากตลาดวโรรสตัวเมืองเชียงใหม่ไปที่แม่กำปอง ระยะทางประมาณ 50 กม. ใช้ระยะเวลาในการเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง ปล่อยแวะจอดที่น้ำพุร้อนสันกำแพง แค่แป๊บเดียว
ปันมาถึง แม่กำปองเวลาประมาณ 9 โมงกว่า ทางขึ้นที่แม่กำปองโค้งค่อนข้างเยอะแล้วก็ชัน ใครที่เอารถส่วนตัวมาก็ขับอย่างระวังแล้วกัน
ชุมชนแม่กำปอง เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อม ตั้งอยู่ที่ตำบลห้วยแก้ว อำเภอแม่ออน จังหวัดเชียงใหม่ อยู่บริเวณแนวใกล้ชายแดนรอยต่อระหว่างจังหวัด นั่นก็คือเชียงใหม่กับลำปาง ตั้งอยู่บนเทือกเขาขุนตาล
เสน่ห์ของแม่กำปองที่ปันสัมผัสได้นั่นก็คือ วัฒนธรรมของคนในพื้นที่ ที่ยังคงความเสน่ห์ของความเป็นภาคเหนือ ไม่ว่าจะเป็นด้านอาหาร ด้านชีวิตความเป็นอยู่
และสิ่งแวดล้อม ที่หมู่บ้านแม่กำปองล้อมรอบไปด้วยปากขาวเขียวขจี และมีสายน้ำไหลผ่าน น้ำกระทบหินที่เปรียบเสมือนน้ำตก ที่ไหลลงจากที่สูงของภูเขา ลงมามายังด้านล่างในบริเวณที่เป็น ที่ราบเชียงใหม่ ทำให้แม่กำปองเป็นสถานที่ที่ครั้งหนึ่งในชีวิตต้องมา โดยยังคงมีมนต์เสน่ห์ของวัฒนธรรมและธรรมชาติที่สวยงามนั่นเอง
แผนที่เดินทางแม่กำปอง
เมื่อมาถึงแม่กำปองแล้วเราก็สามารถเดินทางไปยังเส้นทางต่างๆได้ โดยเส้นทางแม่กำปองมี 2 เส้นทาง คือเส้นสีแดง และก็สีน้ำเงิน (ตามป้ายที่เห็น) เส้นสีน้ำเงินเราต้องนั่งรถสองแถวขึ้นไป เพราะระยะทางไกลมาก แต่เส้นทางนี้ก็สวยมาก เพราะเป็นแนวสันเขาที่อยู่สูงกว่าที่รถตู้มาจอด
และร้านที่ถือว่าเป็นไฮไลท์สำคัญของ เส้นทางนี้ก็คือร้าน The Giant Cafe ร้านร้านกาแฟร่มรื่นใต้ต้นไม้ยักษ์ ใครที่ไปมาแล้วก็มาแชร์ประสบการณ์ได้ เพราะปันไม่ได้ขึ้นไป 🤣
คนที่มาเช้าเย็นกลับไม่ค่อยมีเวลา ก็สามารถเดินได้ที่เส้นทางสีแดง ซึ่งปันก็จะใช้เส้นทางนี้ในการรีวิวในครั้งนี้
ร้านข้าวซอยกลอยใจแม่กำปอง
ที่แรกที่ปันแวะ นั่นก็คือร้านข้าวซอยกลอยใจ มาทานข้าวเช้าที่นี่ เพราะตั้งแต่ออกมาจากโรงแรม ยังไม่ได้กินข้าวเลย ร้านนี้ทีเด็ดเลยคือ ข้าวซอย และอาหารเหนือต่างๆ นั่นเอง
ปันสั่งเป็นข้าวซอยเนื้อเปื่อย ราคา 120฿ ถึงจะดูแพง แต่ถ้าได้เห็นชามแล้วคือ “คุ้ม” เพราะให้มาค่อนข้างเยอะ ตามชามที่ให้นั่นเอง เขามีเครื่องเคียง พวกหอมแดงซอย ผักกาดดองหั่นด้วย บริการตัวเองได้เลย
และก็สั่งอีกเมนูคือ แหนมหมูย่างใบตอง กินเข้าไปแล้ว ได้กลิ่นย่างถ่านและใบตองหอม รวมทั้งหมดแล้ว 160฿
จากนั้นปันก็ได้เดินขึ้นไปต่อเส้นทางจากตรงนี้ค่อนข้างชัน ระหว่างทางก็ได้ชมบรรยากาศและน้ำคลองที่ไหลผ่านกลางหมู่บ้าน ที่เป็นบ้านไม้ร่มรื่น กับวิถีชีวิต Slow Life ซึ่งถือเป็นเสน่ห์ของที่นี่
หลังจากที่เดินขึ้นมาได้สักพัก ปันก็ได้แวะร้านกาแฟชื่อ “เฮือนกาแฟ” ร้านนี้บรรยากาศดี เพราะเป็นบ้าน 2 หลัง ที่มีสะพานเชื่อมข้ามคลอง ทำให้เราสามารถถ่ายรูปสะพานข้ามคลองได้
บรรยากาศร้านเฮือนกาแฟ
จริงๆ แล้วเส้นทางนี้ยังสามารถเดินทางไปดูน้ำตกแม่กำปอง ที่เป็นแหล่งต้นน้ำที่ไหลผ่านกลางหมู่บ้าน และดอยกิ่วฝิ่นที่เป็นยอดเขาตรงรอยต่อจังหวัดเชียงใหม่-ลำปางได้ แต่ว่าเราจะต้องอาศัยรถสองแถวขึ้นไป เพราะทางชันมาก และไม่ค่อยมีเวลาเท่าไหร่
หลังจากนี้ เลยลงมาที่ข้างล่าง แวะร้านที่อยู่ตรงข้ามข้าวซอย ชื่อร้าน “เก๊าบ่าเฟือง” ร้านนี้มีอาหารเหนือ ชาบู และไอติมซอฟครีม ปันมาที่นี่เพื่อกินข้าวเที่ยง ก่อนกลับลงไปที่ตัวเมืองเชียงใหม่
ไส้อั่ว&ไข่ป่าม
เมนูเที่ยงก็ต๊ะต่อนยอนหน่อย เป็นไส้อั่ว และไข่ป่าม ไข่ป่ามคือไข่ที่ใส่กระทงใบตอง แล้วเอาไปย่างถ่าน รสชาติและลักษณะไข่ป่าม คล้ายกับไข่ตุ๋น อร่อยตามแบบอาหารเหนือล้านนา และก็มีกาแฟด้วย รวมราคาทั้งหมดก็ 150฿ เป็นไข่ป่าม 25฿ ใส่อั่ว 55฿ และกาแฟ 70฿
จากนั้นก็ถ่ายรูปเก็บตกเอาไว้ ระหว่างนอรถกลับเชียงใหม่ตอน 13:20 สรุปแม่กำปอง คือ บรรยากาศดี ร่มรื่น น่าหลงไหล แต่แนะนำให้มานอนค้างที่นี่ จะได้ซึมซับบรรยากาศได้มากยิ่งขึ้น 😚
จากนั้นรถตู้ก็มารับ และกลับไปที่ตัวเมืองเชียงใหม่ รถออกจากแม่กำปอง 13:30 ใช้เวลาชั่วโมงครึ่ง มาถึงที่เชียงใหม่ตอนบ่าย 3 รถจะมาจอดที่ที่เราขึ้นเมื่อเช้า คือหน้ากาดวโรรส ฝั่งริมแม่น้ำปิง
จากนั้นปันก็ไปเอารถ และขับไปยังแลนด์มาร์กของเชียงใหม่ ที่ปันยังไม่ได้ไป นั่นก็คือ ข่วงประตูทาแพ และคลองแม่ข่า
เริ่มจากไปประตูท่าแพ ที่นี่ถือเป็นจุดที่เราจะไปถ่ายรูปเช็คอิน ว่าเราได้มาเชียงใหม่แล้ว ประตูท่าแพเป็นประตูเมืองเก่าเชียงใหม่ สร้างขึ้นพร้อมกับตัวเมืองเชียงใหม่ปี 1296 สร้างโดยพญามังราย หรือพญาเม็งราย สร้างขึ้นเพื่อเป็นทางเข้าออกเมืองฝั่งทิศตะวันออก และเป็นทิศที่สำคัญเนื่องจากหันหน้าไปทางแม่น้ำปิง ตรงกาดวโรรส
ปัจจุบันมีอายุ 728 ปีในปีนี้ (2024) โดยประตูท่าแพที่เห็นในตอนนี้ คือประตูท่าแพใหม่ เนื่องจากถูกรื้อทิ้งปี 1948 และสร้างขึ้นมาใหม่ในปี 1986 นั่นเองนะ
ประตูท่าแพตรงนี้ เป็นเพียงประตูเดียวในเชียงใหม่ ที่มีลานกว้างสำหรับทำกิจกรรม หรือที่ภาษาล้านนาเรียกว่า “ข่วง” เพราะงั้นจึงเป็นสถานที่ที่เป็นแลนด์มาร์กสำคัญของเชียงใหม่ ที่คนมาที่นี่ต้องมาแวะถ่ายรูป
ประตูท่าแพ
และในช่วงเทศกาลสงกรานต์ พื้นที่ข่วงประตูท่าแพก็จะจัดเป็นสถานที่เล่นน้ำสงกรานต์ที่สำคัญที่สุด รวมไปถึงรอบคูเมืองเชียงใหม่ด้วย และเป็นสถานที่ทำพิธีสงกรานต์ล้านนาเชียงใหม่ ที่เรียกว่า “งานป๋าเวณีปี๋ใหม่เมือง” ไฮไลท์คือการอัญเชิญพระพุทธสิหิงค์จากวิหารลายคำ ภายในวัดพระสิงห์ มาที่ประตูท่าแพ ให้ประชาชน นักท่องเที่ยวได้สักการะ และสรงน้ำพระ ในวันที่ 13 เมษายนของทุกปี ซึ่งเป็นวันสังขารล่อง ซึ่งเป็นวันขึ้นปีใหม่ของไทยเดิม รวมไปถึงล้านนาด้วย
ประตูท่าแพ
จากนั้นก็เดินทางต่อไปที่คลองแม่ข่า ซึ่งเป็นอันซีนอีกที่นึง ก่อนเดินทางกลับ เดิมทีนั้นคลองแม่ข่าเป็นคูเมืองเดิมของเชียงใหม่ ที่ไม่ได้เป็นคูเมืองสี่เหลี่ยมด้านเท่าแบบที่เรารู้จัก คลองสายนี้สร้างขึ้นปี 1296 พร้อมกับตัวเมืองเชียงใหม่เช่นกัน เป็นคูคลองคดเคี้ยวกว่า 30 กม.
ในปี 2017 ได้มีการพัฒนาแหล่งชุมชนคลองแม่ข่าขึ้น ระยะทาง 750 เมตร จนเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ในตัวเมือง ด้วยบรรยากาศสองฝากฝั่ง ที่ให้ความเป็นญี่ปุ่น ซึ่งหลายคนให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ที่คลองโอโตรุ ที่ฮอกไกโด จนได้ฉายาว่า “โอโตรุเมืองไทย” หรือ “โอโตรุเชียงใหม่”
สถานที่แห่งนี้เหมาะสำหรับการถ่ายภาพชิคๆคูลๆ ได้ ให้ฟีลลิ่งแบบญี่ปุ่นอย่างที่เขาลือกัน แนะนำว่ามาเชียงใหม่แล้ว ต้องแวะมาถ่ายรูปที่นี่
คลองแม่ข่า
คลองแม่ข่า
จากนี้ไปก็ถึงเวลาบอกลาเชียงใหม่กันแล้ว ปันออกจากคลองแม่ข่า และไปที่ขนส่งเชียงใหม่ (อาเขต) เพื่อเดินทางกลับบ้านที่กาญจนบุรี ซึ่งมีรถทัวร์โดยสาร จากเชียงใหม่ ตรงไปที่กาญจนบุรีได้ โดยไม่ต้องแวะต่อรถที่กรุงเทพฯ ซึ่งสะดวกมาก
รถบัสเชียงใหม่-กาญจนบุรี
รถบัสสายเชียงใหม่-กาญจนบุรี เดินรถโดยศศนันท์ ทรานสปอร์ต มี 2 เที่ยวต่อวัน คือช่วง 7 โมงเช้า และ 1 ทุ่มตรง โดยเที่ยว 1 ทุ่มจะเป็นรถ VIP ที่นั่งสบาย ยืดขาได้ และมีที่ชาร์จไฟ แต่เป็นแบบ USB-A ซึ่งในโทรศัพท์ รวมไปถึงอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สมัยนี้เป็น USB-C หมดแล้ว แนะนำว่าให้ซื้อสายชาร์จหัว USB-A มาด้วยนะ
ค่าโดยสาร ถ้าเป็นรถธรรมดา (เที่ยว 7 โมงเช้า) ราคา 625฿
รถ VIP (เที่ยว 1 ทุ่ม) ราคา 972฿
เมืองถึงเวลารถออก 1 ทุ่มตรง ล้อก็ได้หมุนตรงตามเวลา มีสายฝนปรอยๆ ส่งท้ายทริปภาคเหนือในครั้งนี้ ที่อยู่เชียงใหม่นานถึง 4 วัน 3 คืน เป็น Outing อบรมไกด์ 3 วันแรก และเที่ยวส่วนตัวอีกหนึ่งวัน รวมเป็น 4 วัน ด้วยความอบอุ่น&ความคิดถึง ที่ชวนอยากให้กลับมาอีก ความรู้สึกเหมือนตอนกลับจากญี่ปุ่นเมื่อปลายปีก่อน 🥹
หลังจากรถออกได้สักพัก พนักงานรถก็ได้มาแจกของว่าง เป็นขนมคุกกี้ และน้ำผลไม้ให้ระหว่างทาง จากนั้นก็ปิดไฟให้ผู้โดยสารได้พักผ่อน รถจะวิ่งลงใต้ไปเรื่อยๆ ผ่านลำปาง-ตาก-กำแพงเพชร และมาแวะพักที่ร้านขวัญ 2 นครสวรรค์ ให้ผู้โดยสารได้เข้าห้องน้ำ กินข้าว และซื้อของฝาก ในเวลาเกือบตี 2 จากนั้นรถออกได้ออกจากร้าน มุ่งหน้าต่อผ่านตัวเมืองนครสวรรค์-ชัยนาท-สุพรรณบุรี และมาจบที่กาญจนบุรี ซึ่งปันได้หลับตลอดทางเลย ตั้งแต่ลำปางถึงหมู่บ้านหนองขาว ที่กาญจนบุรี
และแล้วทริปท่องเที่ยวเชียงใหม่ก็ได้เสร็จสิ้นแล้ว พร้อมกับประสบการณ์ท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น และได้นำมารีวิวในเพจแบกเป๋าแบกเป้ในครั้งนี้ ☺️
สปอย!!! ต้นเดือนกันยา ปันก็มี Outing ภาคใต้ ที่สุราษฎร์ธานี-นครศรีธรรมราช และพัทลุง โดยหลังจากจบ Outing ปันก็อาจจะไปเที่ยวหาดใหญ่และปีนัง ที่มาเลเซียอีกรอบนึง
เป็นรอบเก็บตกจากที่คราวก่อนค่อนข้างจะชะโงกทัวร์ไปหน่อย โดยเฉพาะหมู่บ้าน Chew Jetty ที่คราวที่แล้วไปตอนใกล้ปิด และครั้งนี้ก็จะเก็บทุกอย่างในปีนังที่พลาดคราวที่แล้ว เช่น ปีนังฮิลล์ วัดเก๊กล๊กซี สตรีทอาร์ทแบบเจาะลึก ฯลฯ แล้วเจอกันน้าา 👋🏻
รีวิวที่ปีนังครั้งก่อน (2023)
โฆษณา