สิ่งที่ได้รับจากการฟัง Deep Listening
“ไม่ว่าคุณจะสุขหรือทุกข์ ขอให้มาเล่า เราจะฟัง จนคุณสว่าง ด้วยตัวคุณเอง”
คำโปรยนี้จากเพจ วัดญาณเวศกวัน ชวนให้ฉันติดตามและตั้งตารอรายการ Deep Listening ของท่านโม (พระวรท ธมฺมธโร) จนเมื่อคืนวันศุกร์ฉันก็ได้ฟัง EP.1 ทาง Facebook live
คุณป้าผู้อาสามาเป็นเคสแรก มีความทุกข์ใจเรื่องที่ยังมีความรู้สึกติดค้างต่อคุณแม่ที่จากไปแล้ว ฉันไม่ได้ฟังเรื่องราวตอนต้น เพราะตอนที่เข้ามาไลฟ์ก็ดำเนินไปเกือบชั่วโมงแล้ว จึงขอพูดถึงสิ่งที่ฉันได้รับจากการฟังเฉพาะในช่วงเวลาที่ฉันได้ฟังก็แล้วกัน
ตอนที่เข้ามาฟังนั้นคุณป้ากำลังพูดถึงความรู้สึกของตัวเองที่อยากให้แม่รับรู้สักครั้งว่าสิ่งที่แม่เคยทำ ทำให้เด็กคนหนึ่งรู้สึกยังไงบ้าง จนถึงตอนนี้อายุ 70 แล้วก็ยังเลิกคิดไม่ได้เลย
ฉันสะดุดใจกับอายุของคุณป้า และความทุกข์ของคุณป้ามันช่างคล้ายกับความรู้สึกของฉันในตอนนี้เลย
- คิดว่าแม่ไม่รัก สงสัยว่าแม่รักเราบ้างไหม
- ลูกที่อยู่ใกล้ แม่ไม่เคยสนใจความรู้สึก สนใจถามหาแต่ลูกที่อยู่ไกล
- โกรธตัวเองที่รู้สึกไม่ดีกับแม่ บอกตัวเองว่าต้องคิดดีกับแม่สิ แบบนี้มันคิดลบนะ แต่ก็หยุดคิดไม่ได้
อืมม… แค่สามเรื่องนี้ก็ตรงกับความรู้สึกของฉันตอนนี้ทั้งหมดเลย โดยเฉพาะข้อสุดท้าย
ท่านโมตั้งคำถาม ชวนคุณป้าคุย สะท้อนความคิดให้คุณป้าได้พิจารณา และตัวฉันเองก็ได้พิจารณาไปด้วย
ช่วงสุดท้ายของรายการคุณป้าบอกว่ารู้สึกโล่งใจ รู้สึกดีที่มีพื้นที่ให้ได้พูดระบายความรู้สึกของตัวเอง และมีคนรับฟัง ส่วนทางออกหรือการแก้ปัญหาเป็นสิ่งที่คุณป้าก็รู้มาตลอด เพียงแต่มันยังหยุดคิดไม่ได้ และวนกลับไปเป็นวงกลม แต่หลังจากนี้คงได้ใช้เวลาค่อย ๆ คิดพิจารณาทางออกที่เหมาะสมกับตัวเอง
มีคนถามท่านโมว่า ท่านใช้หลักอะไรในการทำกระบวนการ Deep Listening ท่านตอบว่าใช้หลักของ 'อริยสัจ' ฉันสะดุดกับคำตอบนี้อีกครั้ง เพราะก่อนหน้านี้อยู่ ๆ ฉันก็นึกสนใจเรื่องอริยสัจและเพิ่งอ่านหนังสือจบ คุณป้ามีความทุกข์ใจ การชวนคุยและถามเพื่อช่วยหาสาเหตุของความทุกข์ คุณป้าได้พูดระบายความรู้สึกออกมาจนโล่งใจ
ในกระบวนการนี้เราแค่รับฟัง ไม่สั่งสอน ไม่แนะนำจากประสบการณ์ของตัวเราเอง เพราะการทำแบบนั้นคุณป้าจะไม่ได้ทำงานกับความรู้สึกจากประสบการณ์ของตัวเอง แต่เป็นการแก้ปัญหาโดยใช้ประสบการณ์ของคนอื่น นั่นเท่ากับว่าคุณป้าจะไม่ได้ตื่นรู้ด้วยตัวเอง
ฟังจบแล้ว… รู้สึกคลายปมในใจตัวเองไปด้วย ที่จริงช่วงก่อนหน้านี้ฉันเคยอยากเข้ารับคำปรึกษาแนวพุทธ (Buddhist Counseling) กับกิจกรรมที่ทางวัดญาณเวศกวันจัดขึ้นเหมือนกัน หรือแม้แต่คิดจะโทร.ไปสายด่วนสุขภาพจิต แต่สุดท้ายฉันก็เลือกวิธี ‘ลอง’ ค่อย ๆ แก้ปมด้วยตัวเอง ถึงแม้มันจะยังแก้ไม่ได้ แต่ฉันก็ไม่ได้ทำให้มันยุ่งเหยิงหรือแน่นไปกว่าเดิม จนมาได้ฟังคุณป้าในวันนี้ ก็รู้สึกว่ามันคลายลงเยอะเลย
🙏 ขอบคุณคุณป้าที่มาแชร์เรื่องราว ทำให้ฉันรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้แปลกประหลาดอะไร คุณป้าทำให้ฉันหายสงสัยว่าฉันจะคิดแบบนี้ไปจนถึงอายุเท่าไหร่ คุณป้าทำให้ฉันรู้ว่าถ้าเราไม่ทำงานกับความรู้สึกของตัวเองอย่างตรงไปตรงมา มันก็จะอยู่กับเราไปได้เรื่อย ๆ เท่าอายุของเรานั่นแหละ ที่ผ่านมาคุณป้าอาจจะยังไม่เจอคนที่รับฟังจริง ๆ อย่างที่ท่านโมรับฟังในวันนี้
ฉันเองก็เคยคิดอยู่บ่อย ๆ ว่า ฉันอายุ 48 แล้วนะ แต่ทำไมยังรู้สึกไม่ดีกับม๊าอยู่อีก แม้ลึก ๆ ฉันก็รู้ว่าความรู้สึกนี้มันไม่ใช่ความจริง เล่าให้ใครฟังก็ไม่ได้ เพราะโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว บางครั้งฉันเล่าให้พี่ของฉันฟัง แต่พี่ฉันก็ไม่ค่อยอยากฟัง หรือไม่พี่ก็ถามฉันว่ายังไม่ชินอีกหรือ หรือพี่บางคนก็ออกความคิดเห็นว่าก็ต้องอดทน
ในโลกของเรามีคนที่เต็มใจเป็นผู้ฟัง เต็มใจรับฟังอย่างใส่ใจโดยไม่ตัดสินน้อยมากนะ ดังนั้น…ฉันจึงคิดว่า พี่ ๆ ของฉันก็ไม่ผิดหรอกที่จะขี้เกียจฟัง หรือแนะนำอะไรแบบนั้น บางทีคำแนะนำต่าง ๆ มันก็อาจหมายถึงการบอกว่า ฉันหมดเวลาพูดแล้ว หรือคนที่กำลังฟังฉันเขาก็ไม่รู้ว่าต้องพูดยังไง หรือเขาอาจจะต้องไปทำอย่างอื่นแล้ว ฉันก็ต้องหยุดพูดซะที
คุณป้าแค่อยากมีคนรับฟัง เหมือนที่ฉันก็แค่อยากมีคนรับฟังเช่นกัน
ฉันขอส่งกำลังใจให้คุณป้าหลุดพ้นจากความรู้สึกที่ติดค้างอยู่ในใจได้สำเร็จ ส่วนฉันเองก็ไม่อยากรู้สึกติดค้างกับม๊าไปจนอายุ 70 เช่นกัน
🙏 ขอบคุณท่านโมที่ทำให้เห็นกระบวนการทำงานแบบ Deep Listening ท่านโมเป็นบุคคลต้นแบบที่ทำให้ฉันสนใจการ ‘รับฟังอย่างใส่ใจ’ และอยากพัฒนาตัวเองให้มีทักษะนี้ติดตัว เพื่อเป็นคนที่รับฟังให้ได้ในสักวันหนึ่ง
ท่านโมจัดรายการนี้ทุกวันศุกร์ตอนหนึ่งทุ่มทาง Facebook live : Mo warot chuaynoom https://www.facebook.com/mowarot.chuaynoom
ถ้าเธอเป็นคนหนึ่งที่มีความทุกข์ใจ และรู้สึกว่าไม่มีใครรับฟัง ฉันอยากให้เธอได้ลองฟังรายการนี้นะ
#ไดอารี่ของอังริน
#บันทึกส่วนตัว #PersonalBlog
#deeplistening
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
