27 ส.ค. เวลา 03:00 • การตลาด

อธิบายความต่าง Inbound กับ Outbound Marketing ศัพท์การตลาดพื้นฐาน ที่ควรรู้

หลายคนน่าจะเคยได้ยินคำว่า Inbound Marketing และ Outbound Marketing กันมานานแล้ว แต่อาจจะยังไม่รู้ว่าศัพท์การตลาดทั้งสองคำนี้ มีความแตกต่างกันอย่างไรบ้าง
1
ในโพสต์นี้ MarketThink จะอธิบายให้อ่านกันแบบเข้าใจง่าย ๆ ในโพสต์เดียว..
- Inbound Marketing การตลาดแบบแรงดึงดูด
ถ้าแปลแบบตรงตัว คำว่า Inbound จะมีความหมายว่า “ขาเข้า” ก็เพราะ Inbound Marketing เป็นกลยุทธ์การตลาดที่ดึงดูด ให้กลุ่มเป้าหมายเข้าหาแบรนด์
ด้วยการใช้คอนเทนต์ที่มีความน่าสนใจ จนกลุ่มเป้าหมายมีความสนใจในสินค้าหรือบริการ แล้วเปลี่ยนสถานะกลายเป็นลูกค้าไปในที่สุด
ทำให้ Inbound Marketing ถูกเรียกอีกชื่อหนึ่งว่าเป็น การตลาดแบบแรงดึงดูด
ซึ่งการตลาดแบบ Inbound Marketing นี้ จะประสบความสำเร็จได้ด้วยความน่าสนใจของคอนเทนต์เป็นหลัก
โดยคอนเทนต์ที่ว่านี้ก็มีทั้ง คอนเทนต์บนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย เช่น โพสต์ รูปภาพ คลิปวิดีโอ
หรือจะเป็นการเขียนคอนเทนต์ตามหลัก SEO ในเว็บไซต์ของตัวเอง การรีวิวของอินฟลูเอนเซอร์ การซื้อโฆษณาบนช่องทางออนไลน์ต่าง ๆ ก็นับเป็นคอนเทนต์ของ Inbound Marketing ทั้งหมด
โดยคอนเทนต์เหล่านี้ต้องทำงานร่วมกับกลยุทธ์ Personalized Marketing และการทำ Targeting Ad เพื่อส่งคอนเทนต์ไปยังกลุ่มเป้าหมายที่เหมาะสม ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสให้กลุ่มเป้าหมายคนนั้นตัดสินใจซื้อสินค้าได้ง่ายยิ่งขึ้น
หรือถ้าจะสรุปให้เข้าใจง่าย ๆ Inbound Marketing ก็คือ การตลาดในยุคปัจจุบัน ที่ใช้โลกดิจิทัล ในการกระจายคอนเทนต์ที่มีความน่าสนใจ เพื่อดึงกลุ่มเป้าหมายให้กลายเป็นลูกค้าของแบรนด์
โดยข้อดีของการตลาดแบบ Inbound Marketing ก็คือ เรื่องประสิทธิภาพในการทำการตลาดที่สูง
เพราะเราสามารถใช้เครื่องมือต่าง ๆ เพื่อส่งคอนเทนต์ของเราไปยังกลุ่มเป้าหมายที่มีความเหมาะสม และมีแนวโน้มว่ากลุ่มเป้าหมายนั้น จะเปลี่ยนมาเป็นลูกค้าได้มากยิ่งขึ้น
เช่น Google Analytics เครื่องมือในการทำ SEO รวมถึงเครื่องมือของแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียต่าง ๆ ที่ใช้ในการทำ Personalized Marketing และ Targeting Ad ต่าง ๆ
นอกจากนี้ Inbound Marketing ยังมีข้อดีอย่างหนึ่งก็คือ การวัดผลที่ทำได้ดี เพราะเป็นการตลาดที่ให้ความสำคัญกับสื่อในยุคดิจิทัล ทำให้เราสามารถใช้เครื่องมือต่าง ๆ ในการวัดผลได้อย่างเป็นรูปธรรม
เช่น Traffic ของผู้ที่เข้าชมเว็บไซต์ในแต่ละเดือน
Conversion Rate
Awareness และ Impression
หรือ Engagement ในแต่ละคอนเทนต์
1
ที่สำคัญคือ เราสามารถนำข้อมูลเหล่านี้มาใช้ในการประเมินจุดอ่อน หรือจุดแข็งในการทำคอนเทนต์ของตัวเองได้ตลอดเวลา รวมถึงสามารถทำคอนเทนต์ให้มีความน่าสนใจสำหรับกลุ่มเป้าหมายได้แบบเรียลไทม์
- Outbound Marketing การหว่านแหหาลูกค้า
จริง ๆ แล้ว Outbound Marketing เป็นกลยุทธ์การตลาดเก่าแก่ ใช้กันมานานหลายสิบปี นับตั้งแต่ยุคการตลาด 1.0-4.0 โดยเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า Push Marketing
เป็นการตลาดที่อาศัยการ “ผลัก” ข้อมูลต่าง ๆ ไปหากลุ่มคนจำนวนมาก แม้ว่ากลุ่มคนเหล่านั้นจะไม่ได้อยากรับรู้ข้อมูลที่นักการตลาดผลักมาให้ก็ตาม
แต่ Outbound Marketing ก็มีความคาดหวังว่า ข้อมูลที่กระจายออกไปจะไปทำให้กลุ่มคนจำนวนมากเหล่านั้น เกิดความสนใจและเปลี่ยนสถานะกลายเป็นลูกค้าได้บ้าง
หรือหากเทียบให้เห็นภาพชัด ๆ Outbound Marketing ก็คือ การ “หว่านแห” เพื่อจับปลา และปลาที่จับได้ก็คือลูกค้านั่นเอง
ซึ่งการทำ Outbound Marketing นั้น ส่วนมากจะอยู่ในสื่อเก่าที่เราคุ้นเคยกันดี เช่น การซื้อโฆษณาบนป้ายบิลบอร์ดใหญ่ ๆ สื่อวิทยุ โทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ นิตยสาร อีเมล
รวมถึงสื่อในยุคดิจิทัล อย่างการซื้อแบนเนอร์โฆษณาบนหน้าเว็บไซต์ต่าง ๆ อีกด้วย
โดยจุดเด่นสำคัญของ Outbound Marketing ก็คือ การสร้างการรับรู้ (Awareness) ได้ดี จากการหว่านในการทำโฆษณาไปยังคนจำนวนมาก ทำให้คนที่ยังไม่เคยรู้จักแบรนด์ของเรามาก่อน ก็อาจได้ยินชื่อแบรนด์ของเราเป็นครั้งแรก
1
รวมถึงยังสามารถเข้าถึงกลุ่มคนรุ่นเก่า ที่อาจไม่ได้ใช้แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย หรือสื่อดิจิทัล มากเท่าคนรุ่นใหม่อีกด้วย
อย่างไรก็ตาม Outbound Marketing จะมีข้อจำกัดอยู่ตรงที่ไม่สามารถทำการตลาดให้มีความเหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมายแต่ละกลุ่ม อย่างที่ Inbound Marketing สามารถทำได้
เมื่ออ่านมาจนถึงจุดนี้ เราน่าจะรู้แล้วว่า Inbound Marketing และ Outbound Marketing นั้น มีความแตกต่างกันอย่างไร
แต่เราคงไม่สามารถฟันธงได้อย่างชัดเจนว่าการตลาดแบบใดดีกว่ากัน เพราะอย่าลืมว่าทั้ง Inbound Marketing และ Outbound Marketing ต่างก็มีจุดเด่นเป็นของตัวเอง
รวมถึงแบรนด์แต่ละแบรนด์ สินค้าแต่ละชนิด ย่อมมีความต้องการในการทำการตลาดที่ไม่เหมือนกัน ดังนั้นการเลือกกลยุทธ์การตลาดที่เหมาะสมเป็นเคส ๆ ไป น่าจะดีที่สุด
โฆษณา