27 ส.ค. เวลา 10:47 • หุ้น & เศรษฐกิจ

หุ้นต้น-กลาง-ปลายน้ำ คืออะไร? ซื้อตอนไหนดีสุด

การเรียกต้น-กลาง-ปลายน้ำนั้นมาจากคำว่า upstream-midstream-downstream
ซึ่งแปลมาตรงตัวเลยจากภาษาอังกฤษ โดยมีจุดเริ่มต้นการใช้งานมาจากอุตสาหกรรม Oil and Gas เพื่อใช้ในการอธิบายกระบวนการผลิตในอุตสาหกรรมตั้งแต่ขุดน้ำมันดิบขึ้นมา แปรรูปไปจนถึงบริการขายที่หน้าปั้ม ต่อมาวิธีเดียวกันถูกนำไปใช้อธิบายอุตสาหกรรมอื่นด้วย
ซึ่งโดยปกตินั้น ธุรกิจปลายน้ำบางธุรกิจ สามารถเป็นธุรกิจต้นน้ำของอุตสาหกรรมอื่น ๆ ได้ หาก ธุรกิจนั้น ๆ เป็นอุตสาหกรรมการผลิตวัตถุดิบ
ยกตัวอย่างเช่น อุตสาหกรรม Fashion อาจมีปลายน้ำจากอุตสาหกรรมเคมี เป็นต้นน้ำอุตสาหกรรม เพื่อผลิตใยผ้า สีย้อมผ้า สังเคราะห์ใยผ้า เป็นต้น
บางอุตสาหกรรมอาจแบ่งผู้เล่นต้นน้ำ-ปลายน้ำได้ยาก บางบริษัทก็เป็นผู้เล่นหลายตำแหน่งในอุตสาหกรรมเดียวกัน
แต่รวม ๆ แล้ว ธุรกิจ ต้น-กลาง-ปลายน้ำ มีจุดเด่น จุดด้อยที่แตกต่างกันพอสังเกตุได้ประมาณนี้
#หุ้นต้นน้ำ
ความสามารถในการเติบโตจะขึ้นอยู่กับการขยายกำลังการผลิตเป็นหลัก ส่วนใหญ่ธุรกิจต้นน้ำจะมีความสัมพันธ์กับราคาสินค้าโภคภัณฑ์ ซึ่งราคาผันผวนตามนโยบายของประเทศต่าง ๆ และ demand อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ กำไรจึงค่อนข้างขึ้น ๆ ลง ๆ ตามต้นทุนและการบริหารจัดการ
ข้อเสียคือ ธุรกิจต้นน้ำโดยรวมคือ ไม่สามารถกำหนดอัตรากำไรที่สูงมากได้ การขยายธุรกิจในพื้นที่ใหม่ ๆ ค่อนข้างทำได้ยาก และด้วยความที่สินค้าอยู่ในลักษณะวัตถุดิบ หรือสินค้าโภคภัณฑ์ ทำให้มีคู่แข่งมาก การแข่งขันสูง
ยกตัวอย่างหุ้นต้นน้ำ เหมืองลิเธียม SQM, Albermarle
#หุ้นกลางน้ำ
เป็นตัวกลางในการแปรรูปวัตถุดิบหรือนำสินค้าจากบริษัทต้นน้ำมาสร้างเป็นผลิตภัณฑ์เพื่อส่งขายต่อ ส่วนใหญ่ธุรกิจกลางน้ำอยู่ในรูปแบบของโรงงานผลิต หรือแปรรูปสินค้าจากต้นน้ำไปเป็นสินค้าอื่น
ธุรกิจกลางน้ำมีเงินสดค่อนข้างสม่ำเสมอจากการซื้อ-ขายสินค้าในรูปแบบสัญญา การเปลี่ยนแปลงค่อยเป็นค่อยไปกว่าต้นน้ำและปลายน้ำ มีคู่แข่งและ ความผันผวนจากราคาวัตถุดิบน้อยกว่าต้นน้ำ ส่วนใหญ่ธุรกิจกลางน้ำจะสามารถถ่ายทอดต้นทุนไปสู่ลูกค้าที่อยู่ปลายน้ำได้ไม่มากก็น้อย ความสามารถในการเติบโตจะขึ้นอยู่กับความสามารถในการผลิตสินค้าที่โดดเด่นตอบโจทย์ลูกค้าได้
ข้อเสียของธุรกิจกลางน้ำคือ ส่วนใหญ่อยู่ในลักษณะ โรงงานทำให้มีต้นทุนการวางโครงสร้างที่สูง ใช้เงินลงทุนสูง และด้วยลักษณะที่เป็นตัวกลางทำให้สามารถถูก Disruption ได้ง่าย รวมถึงเมื่อเกิด Supply Shortage จะส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจโดยตรง
ยกตัวอย่างหุ้นกลางน้ำ แบตเตอรี่ CATL, LG Energy
#หุ้นปลายน้ำ
รับสินค้าจากกลางน้ำมาเพื่อกระจายสินค้า จัดจำหน่าย หรือนำสินค้าจากกลางน้ำไปประกอบ สร้างสินค้าสำเร็จรูปอีกต่อ สามารถทำกำไรเพิ่มเติมได้เยอะจากการเพิ่มขึ้นของ Demand ในขณะเดียวกัน สามารถทำการตลาด สร้างแบรนด์เพื่อเพิ่มมูลค่าให้สินค้าและบริการได้ ปลายน้ำจึงเป็นส่วนที่อัตราทำกำไรค่อนข้างสูง หากธุรกิจประสบความสำเร็จ
ยกตัวอย่างหุ้นปลายน้ำ รถยนต์ไฟฟ้า Tesla BYD
ซึ่งโดยทั่วไปหุ้นต้นน้ำ-ปลายน้ำจะสร้างผลตอบแทนได้ดีในแต่ละช่วงของวัฏจักรเศรษฐกิจที่ต่างกัน
#EarlyExpansion
ช่วงเศรษฐกิจเริ่มขยายตัว ฟื้นตัวจากช่วงเศรษฐกิจตกต่ำหรือชะลอตัว ลักษณะโดยทั่วไปของช่วงนี้ คือ Demand ต่าง ๆ เริ่มฟื้นตัว ธุรกิจต่าง ๆ เริ่มมีความมั่นใจในการลงทุนมากขึ้น
หุ้นต้นน้ำจะเป็นหุ้นที่ได้ประโยชน์ในช่วงแรก ๆ ของวัฏจักรเศรษฐกิจ
จากความต้องการวัตถุดิบ สินค้าโภคภัณฑ์ต่าง ๆ ที่มากขึ้น การบริโภคพื้นฐานจะเป็นตัวกระตุ้นการเติบโตกำไรในหุ้นต้นน้ำได้ดี ในขณะที่หุ้นกลางน้ำ-ปลายน้ำจะยังไม่มีการเติบโตที่ชัดเจน แต่นักลงทุนก็สามารถเริ่มเลือกหุ้นกลางน้ำ-ปลายน้ำสำหรับลงทุนได้แล้วเพราะแนวโน้มเศรษฐกิจที่ดี สามารถทำให้หุ้นกลางน้ำและปลายน้ำขึ้นได้เช่นกัน
ในขณะเดียวกันเราสามารถใช้มุมมองจากบริษัทต้นน้ำถึงอนาคตเป็นตัวบอกแนวโน้มเศรษฐกิจได้ หรือบ่งบอกว่าเศรษฐกิจกำลังอยู่ในช่วงไหน
#Mid&LateExpansion
เศรษฐกิจจะโตต่อเนื่องจนจากช่วงแรกจนถึงจุดสูงสุด การบริโภคและการผลิตต่าง ๆ แข็งแกร่ง ในขณะที่การจ้างงานและเงินเฟ้อเพิ่มขึ้น ผู้บริโภคจะมีกำลังซื้อสินค้าฟุ่มเฟือยมากขึ้น
หุ้นกลางน้ำและปลายน้ำจะทำผลงานได้ดีจากความต้องการบริโภคที่เพิ่มขึ้น การส่งผ่านต้นทุนสินค้าและบริการให้ผู้บริโภค เป็นข้อดีของธุรกิจ กลาง-ปลายน้ำ ทำให้แม้เงินเฟ้อเพิ่มขึ้นก็ยังไม่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจกลาง-ปลายน้ำ ตรงกันข้ามเป็นผลดีและเพิ่มอัตรากำไรของบริษัทให้สูงขึ้นด้วย
#Recession
เป็นช่วงที่ความต้องการบริโภคชะลอตัว นำไปสู่ความต้องการวัตถุดิบและสินค้าโภคภัณฑ์ที่ชะลอตัวไปด้วย เมื่ออยู่ในช่วงเศรษฐกิจชะลอตัวหุ้นทุกกลุ่มจะได้รับผลกระทบไปด้วย เนื่องจาก การใช้จ่ายและลงทุนในภาคธุรกิจที่ลดลง
หุ้นต้นน้ำจะเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบหนักกว่าปลายน้ำ เนื่องจาก ต้นทุนในการผลิตของกลุ่มต้นน้ำจะค่อนข้างคงที่ กำไรจึงผันผวนตามการดำเนินงานซึ่งเปลี่ยนไปตามราคาสินค้าโภคภัณฑ์ ซึ่งเพิ่ม/ลดตามความต้องการบริโภค
ในขณะที่หุ้นกลางน้ำ/ปลายน้ำ จะได้รับผลกระทบที่น้อยกว่าเล็กน้อย เนื่องจากมีความสามารถในการลดค่าใช้จ่ายได้มากกว่าธุรกิจต้นน้ำ รวมถึงสามารถส่งผ่านต้นทุนให้ผู้บริโภคได้
ทั้งนี้จากข้อความข้างต้นเป็นเพียงลักษณะโดยรวมเท่านั้น แต่ละอุตสาหกรรมและแต่ละรอบของวัฏจักรเศรษฐกิจ (ราว ๆ 12 ปี) มักมีรูปแบบแตกต่างกันไป การที่เราติดตามข้อมูลแต่ละอุตสาหกรรมสม่ำเสมอจะทำให้เราเห็นโอกาสที่ซ่อนอยู่ในแต่ละอุตสาหกรรม
.
BottomLiner
โฆษณา