Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
วศ. นฤพนธ์ เพ็งอ้น
•
ติดตาม
28 ส.ค. เวลา 11:26 • หนังสือ
ฟิวชัน = การเกิด * เต๋า☯️ อ่อนจึงเกิดก๊าซไฮโดรเจน แข็งจึงเกิดแกนเหล็ก ดาวฤกษ์ยุบตัว#NP
ระบบสุริยะก่อตัวขึ้น เมื่อ 4.568 พันล้านปีก่อน จากการยุบตัวด้วยแรงโน้มถ่วงของเมฆโมเลกุล กลุ่มฝุ่น แก๊สไฮโดรเจน และพลาสมาในอวกาศ ขนาดใหญ่
ระหว่างดาวขนาดยักษ์
มวลสารทำให้แรงของสองสิ่งดึงดูดซึ่งกันและกัน
หรือการล่มสลายของเนบิวลา (ไม่เกิดฟิวชัน = การดับ คล้อยตามเต๋า☯️คืนสู่ความว่าง เต๋า☯️)
แข็งเกินไปเป็นแกนเหล็ก
จึงหยุดฟิวชัน ระเบิดกลับไปเป็นฝุ่นและแก๊ส*เต๋า☯️ ให้กำเนิด ดาวฤกษ์และหลุมดำ)
สรรพสิ่ง/สรรพชีวิตเกิดดับเป็นไปตามธรรมชาติ
#นฤพนธ์ เพ็งอ้น
แปลเรียบเรียงและตีความ
จวงจื่อ กล่าวว่า ทิศทั้งสี่ด้านบนและด้านล่างเรียกว่าจักรวาล
ทั้งอดีตและปัจจุบันเรียกว่าจักรวาล (กว่า 2,300 ปีมาแล้ว) แสดงถึงความไม่มีที่สิ้นสุดและความลึกของอวกาศและเวลา
จวงจื้อกล่าวว่า
“เต๋าเป็นบ่อเกิดของทุกสิ่ง
ผู้ที่สูญเสียเต๋า☯️ย่อมดับ
และผู้ที่ได้เต๋า☯️ มีชีวิตรอด
หากฝืนเต๋า☯️ ย่อมล้มเหลว และหากปฏิบัติตาม เต๋า☯️ย่อมประสบความสำเร็จ”
#นฤพนธ์ เพ็งอ้น
แปลเรียบเรียงและตีความ
1
จวงจื่อ กล่าวว่า ทิศทั้งสี่ด้านบนและด้านล่างเรียกว่าจักรวาล ทั้งอดีตและปัจจุบันเรียกว่าจักรวาล (กว่า 2,300 ปีมาแล้ว)
เล่าจื้อ กล่าวว่า
"มีหลายสิ่งที่ปะปนกัน
โดยกำเนิดจากสวรรค์และโลก โดดเดี่ยวและโดดเดี่ยว
เป็นอิสระ และไม่เปลี่ยนแปลง" เคลื่อนที่ได้ไม่ตาย
และเป็นแม่ของโลกได้
ไม่รู้ชื่อ แต่เรียกมันว่า "เต๋า"
เล่าจื้อกล่าวว่า
"เต่าให้กำเนิดหนึ่ง ให้กำเนิดสอง สองให้กำเนิดสาม
และสามให้กำเนิดทุกสิ่ง
ทุกสิ่งมีหยิน
และโอบกอดหยาง
และเรียกเก็บชี่เพื่อความสามัคคี...
#นฤพนธ์ เพ็งอ้น
แปลเรียบเรียงและตีความ
สัมพัทธภาพทั่วไปของไอน์สไตน์กล่าวว่าความโน้มถ่วงไม่ใช่แรง แต่เป็นความบิดโค้งของปริภูมิเวลาที่เกิดจากมวล
เช่น ลูกบอลโลหะที่วางบนแผ่นยางที่ขึงตึง
แผ่นยางเสมือนโครงข่ายของปริภูมิเวลา
มวลของลูกบิลโลหะกดแผ่นยางบุ๋มลง และดึงแผ่นยางบริเวณข้างเคียงให้บิดโค้ง
ลองใส่บอลลูกเล็กลงไปใกล้ ๆ
มวลนั้นก็จะเบี่ยงเบนทิศทาง
ตีโค้งเข้าหาลูกบอลโลหะ
การเบี่ยงเบนนี้ไม่ได้เกิดจาก
ลูกบอลโลหะดูด
แต่เป็นเพราะบอลลูกเล็กไหลไปตามความลาดโค้งของแผ่นยาง
#นฤพนธ์ เพ็งอ้น
แปลเรียบเรียงและตีความ
อันตรกิริยาใด ๆ ในเอกภพย่อมเคลื่อนที่ด้วยความเร็วไม่เกินความเร็วแสง ความโน้มถ่วงจึงไม่ใช่สนามคงตัว
แต่เป็นการแผ่ออกจากมวลโดยมีความเร็วจำกัด
นั่นคือความเร็วแสง
การโก่งตัวของแสงในสนามโน้มถ่วงทำให้เกิด
ปรากฏการณ์ เลนส์โน้มถ่วง เนื่องจากกาล-อวกาศบิดเบี้ยวใกล้กับวัตถุท้องฟ้าขนาดใหญ่ แสงจึงโค้งงอเมื่อผ่านเข้าใกล้วัตถุท้องฟ้าขนาดใหญ่
#ไอนสไตน์#
สมมติว่ามีเทห์ฟากฟ้าขนาดใหญ่เป็นเส้นตรงจากผู้สังเกตไปยังแหล่งกำเนิดแสง
ผู้สังเกตจะเห็นภาพหนึ่งภาพ
หรือมากกว่า
โดยภาพนั้น เกิดจากการโค้งงอของแสง เรียกว่าปรากฏการณ์เลนส์โน้มถ่วง
#ไอนสไตน์#
ดังนั้นเมื่อวัตถุมีมวลนั้นเคลื่อนที่ ความบิดโค้งของปริภูมิเวลา
จะเปลี่ยนแปลงไป
ตามการแผ่ออกจากมวลที่เคลื่อนที่
และมวลมีการเคลื่อนที่เร็วพอ ความเปลี่ยนแปลงของความบิดโค้ง จะปรากฏในลักษณะของระลอกคลื่นบนปริภูมิเวลา
มีระยะทางเดินแผ่ออกไปด้วยความเร็วแสง
#นฤพนธ์ เพ็งอ้น
แปลเรียบเรียงและตีความ
ปี 1911 ไอน์สไตน์เสนอว่าแสงจากดวงดาวที่อยู่ไกลออกไปจะเบี่ยงเบนไปเล็กน้อยเมื่อมันผ่านพื้นผิวดวงอาทิตย์
ได้รับการพิสูจน์เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 1919
นักดาราศาสตร์ชาวอังกฤษ เอ็ดดิงตัน
ทีมหนึ่งสังเกตสุริยุปราคาเต็มดวงบนเกาะปรินซิปี (Principe) แอฟริกาตะวันตก
ทีมสองสังเกตสุริยุปราคาเต็มดวงที่ประเทศบราซิล
ข่างภาพของทั้งสองทีมสังเกตสุริยุปราคาเต็มดวงเป็นเวลา 6 นาที จนได้ถ่ายภาพที่ชี้ถึงการบิดโค้งเล็กน้อยของลำแสงจากดาวฤกษ์ เมื่อเข้าใกล้ดวงอาทิตย์
#นฤพนธ์ เพ็งอ้น
แปลเรียบเรียงและตีความ
ข้อสังเกตดังกล่าวยืนยันผล ของเลนส์โน้มถ่วง
วัตถุที่อยู่ตรงกลางที่ทำให้เกิดเอฟเฟกต์เลนส์โน้มถ่วงเรียกว่าวัตถุตั้งต้น
เอฟเฟ็กต์นี้อาจสร้างภาพซ้อนหรือหลายภาพที่มีโครงสร้างสเปกตรัมและการเลื่อนเส้นเหมือนกัน
ภายใต้สถานการณ์พิเศษ ภาพถ่ายของเทห์ฟากฟ้าที่อยู่ห่างไกลอาจก่อตัวเป็นวงแหวนไอน์สไตน์
#นฤพนธ์ เพ็งอ้น
แปลเรียบเรียงและตีความ
ปรมาจารย์เล่าจื้อกล่าวต่อว่า
มีหลายสิ่งปะปนกัน... โดดเดี่ยวและโดดเดี่ยว อนุมานแทนด้วยอนุภาคมูลฐาน
เป็นอิสระและไม่เปลี่ยนแปลง, อนุภาคมูลฐานเคลื่อนที่ได้ไม่ตาย... และเป็นมารดาของโลกได้
สรรพสิ่งในโลกรวมทั้งโลกเกิดจากอนุภาคมูลฐาน
#นฤพนธ์ เพ็งอ้น
แปลเรียบเรียงและตีความ
ขีดจำกัดที่ดาวฤกษ์ที่ไม่หมุนรอบตัวเอง (ขีดจำกัด Chandrasekhar)
ทุกสิ่งมีความอ่อนจึงอยู่ยง ความอ่อนอวบกอดความแข็ง... ทุกสิ่งแรกเริ่มเป็นจานพอกมวลฝุ่นและแก๊ส คงความอ่อนยืนยง ต่อมาฝุ่นและแก๊สอวบกอดอัดแน่นรวมตัวเป็นความแข็ง เช่น ดิน หิน แร่ธาตุ
เกิดชี่พลังงาน และสามมัคคี คือรวมเป็นหนึ่งเดียวกับเต๋า☯️
เกิดดวงดาว กาแล็กซี
#นฤพนธ์ เพ็งอ้น
แปลเรียบเรียงและตีความ
ดาวฤกษ์ 3 ดวง จากอภิปรัชญาปรมาจารย์เล่าจื้อ เต่าให้กำเนิดหนึ่ง ให้กำเนิดสอง สองให้กำเนิดสาม ดาวฤกษ์ทั้งสามดวงต่างก็มีพลังงานจลน์แตกต่างกัน พลังงานจลน์กลายเป็นพลาสมาถ่ายเทพลังงานให้ดาวฤกษ์ 2 ดวงมีขนาดมวลพอ ๆ กัน เกิดสมดุลเต๋า☯️และของอี้จิ้ง☯️ กลายเป็นดาวฤกษ์คู่โคจร ส่วนดาวฤกษ์ดวงที่สามมีมวลน้อยกว่า จะถูกแรงผลักออกไปจากกลุ่ม ซึ่งดาวฤกษ์ดวงที่สาม จะให้กำเนิดสิ่งต่างต่อไป
#นฤพนธ์ เพ็งอ้น
แปลเรียบเรียงและตีความ
เต่าให้กำเนิดหนึ่ง ให้กำเนิดสอง สองให้กำเนิดสาม
และสามให้กำเนิดทุกสิ่ง
เมื่อดาวฤกษ์คู่โคจร ถูกนิวตรอนหรือหลุมดำซึ่งมีมวลมากกว่าโคจรเข้ามา เป็น 3 ดวง เกิดอันตรกิริยาแรงโน้มถ่วง ทำให้ดาวฤกษ์ที่มีมวลน้อยที่สุด ถูกผลักออก เป็นดาวทวิลักษณ์
เช่น นิวตรอน-ดาวฤกษ์
หรือหลุมดำ-ดาวฤกษ์ ส่วนดาวฤกษ์มวลน้อยก็ก่อเกิดสิ่งต่าง ๆ ต่อไป
#นฤพนธ์ เพ็งอ้น
แปลเรียบเรียงและตีความ
ในทางทฤษฎี เมื่อ หยินหยางปะทะกันมีทั้งสร้างสรรค์และทำลายล้าง เช่น
การสร้างสรรค์ : ดาวฤกษ์ 2 ดวง มีมวลเท่ากัน โคจรมาปะทะกัน จะหลอมรวมกันเป็นดาวฤกษ์ดวงใหม่ มีความสว่างเท่าเดิม
การทำลายล้าง :
ดาวนิวตรอนปะทะดาวฤกษ์
หลุมดำปะทะดาวฤกษ์
ดาวนิวตรอน&หลุมดำ มีมวลมากกว่าจะดูดดาวฤกษ์ด้วยสนามโน้มถ่วงที่ความเข้มสูงทำให้ดาวฤกษ์บิดเบี้ยวเสียรูป (tidal capture) กลายเป็นพลาสมาแล้วปล่อยรังสีเอกซ์ออกมา
#นฤพนธ์ เพ็งอ้น
แปลเรียบเรียงและตีความ
สนามแม่เหล็กโลก >> ทุกสิ่งมีหยิน และโอบกอดหยาง และเรียกเก็บชี่พลังงาน เพื่อความสามัคคี เป็นหนึ่งเดียวกับเต๋า☯️ #นฤพนธ์เพ็งอ้นแปลเรียบเรียงและตีความ
ดังนั้น สิ่งต่าง ๆ อาจได้รับความเสียหาย
(ทวิลักษณ์หักล้าง)
และได้รับประโยชน์
(ทวิลักษณ์เสริมสร้าง)
หรืออาจได้รับผลประโยชน์และเสียหาย"
(ทวิลักษณ์เสริมสร้างและหักล้าง)
เอกภพจะมีทวิลักษณ์ที่เด่นชัด เช่น การชนกันระหว่างดาวนิวตรอนคู่ หรือกิโลโนวา (Kilonova)
#นฤพนธ์ เพ็งอ้น
แปลเรียบเรียงและตีความ
เล่าจื้อกล่าวว่า “มีจุดเริ่มต้น,
มีจุดเริ่มต้น กับไม่มีจุดเริ่มต้น,
ไม่มีจุดเริ่มต้น กับมีจุดเริ่มต้น,
มีความมีอยู่ กับมีความไม่มีอยู่
มีความไม่มีอยู่ กับจุดเริ่มต้น "
ในระบบเฉื่อย ใด ๆ ในเอกภพ
ความเร็วของแสง แทนด้วยสัญลักษณ์c ในสุญญากาศจะเท่ากันคือ 299,792,458 m/s(ความคงที่ของความเร็วแสงในสุญญากาศ)
#นฤพนธ์ เพ็งอ้น
แปลเรียบเรียงและตีความ
ปรมาจารย์เล่าจื้อกล่าวว่า
"ความมีอยู่ ความมีชีวิต การดำรงชีพ" เช่นนั้น
แต่ก็มี "ไม่มีอะไร" เช่นกัน
มี กับ "ไม่มีอะไร"
สิ่งที่ไม่เคยมีมาก่อน
และยังมี "ไม่มีอะไร"
ที่ไม่เคยมีมาก่อน
มีจักรวาลอื่น
อยู่ก่อนการกำเนิดของจักรวาล
#นฤพนธ์ เพ็งอ้น
แปลเรียบเรียงและตีความ
ปัจจุบันสันนิษฐานว่า
ก่อนเกิดบิ๊กแบง
ก็มีจักรวาลอยู่ก่อนแล้ว
เช่น ดาวฤกษ์เมธูเสลาห์ Methuselahห่างโลก 202 ปีแสง มีอายุ>14,600 ล้านปี> เอกภพ มี อายุ> 13,820 ล้านปี Methuselah มีธาตุไฮโดรเจนที่อยู่ภายในดาวฤกษ์ กำลังเปลี่ยนเป็นฮีเลียม ทำให้ตรวจจับยากขึ้น
#นฤพนธ์ เพ็งอ้น
แปลเรียบเรียงและตีความ
แรงทั้งห้าในจักรวาล แรงและพลังงานอี้จิ้ง☯️ 1. น้ำ (พลังงานศักย์ด้านบนลงสู่ พลังงานด้านล่าง) 2. แสงสว่าง (พลังงานจลน์ศูนย์กลางด้านล่างสู่พลังงานด้านด้านบน) 3. ไม้ (พลังงานและพลังงานที่แผ่ออกไปด้านนอก) 4. ทองคำและธาตุ (พลังงานและพลังงานที่บรรจบกันภายใน) 5. ดิน (พลังงานและพลังงานที่สมดุลและมั่นคง) #นฤพนธ์ เพ็งอ้น แปลเรียบเรียงและตีความ
เต๋า☯️ เป็นกลไกดำเนินงานเชิงวิวัฒนาการของทุกชีวิตในโลก, เต๋าคือสิ่งที่มีแก่นสาร
และมีศรัทธา
เต๋า☯️ เป็นผู้กำหนด "ความมีอยู่" หรือ "ความว่างเปล่า"
ของสรรพชีวิต
เต๋า☯️ คือ การดำรงอยู่
ของ "ชีวิต" หรือ "ความตาย" ของสิ่งมีชีวิต
#นฤพนธ์ เพ็งอ้น
แปลเรียบเรียงและตีความ
ดังนั้น เต๋า☯️เปรียบได้ดั่งน้ำ ที่อ่อนนุ่ม จึงมีชีวิตยืนยาว
ไม้ที่อ่อนนุ่มจึงมีขีวิตยืนยาว
ไม้แข็งไร้ใบผุพังตามกาลเวลา
ขนมปังและข้าวที่อ่อนนุ่มเป็นอาหารที่สำคัญต่อสรรพชีวิต,ขนมปังและข้าวที่แข็งไม่เหมาะสมกับการบริโภค หากบริโภคจักเกิดอันตรายต่อฟันและระบบทางเดินอาหาร
#นฤพนธ์ เพ็งอ้น
แปลเรียบเรียงและตีความ
แถบดาวเคราะห์น้อย (asteroid belt) ถึงดวงอาทิตย์ มีดาวเคราะห์หิน 4 ดวง ได้แก่ พุธ ศุกร์ โลก อังคาร รวมเป็น 5 ธาตุของอี้จิ้ง☯️ ให้กำเนิดสรรพชีวิต #นฤพนธ์เพ็งอ้นแปลเรียบเรียงและตีความ
ในเอกภพ โลกเท่านั้น ที่มีธาตุุไม้ ดังนั้นโลกจึงให้กำเนิดมีชีวิต เต๋า☯️ให้ความสำคัญกับอู๋เหวย คือการอ่อนน้อมถ่อมตน ในที่นี้ ข้าพเจ้าขอแทนตนเองว่า เป็นดวงดาวที่โคจรเป็นระเบียบในเอกภพ เป็นหนึ่งด้วยตนเองแต่มิเคยโอ้อวด พลังงานการเคลื่อนไหวของตนเอง เคลื่อนที่ไปในเอกภพ โดยไร้เยื่อใย ไร้เยื่อใย คือ สู่จุดศูนย์กลาง หรือสมดุล ☯️ ดาวฤกษ์จึงเป็นผู้นำการปกครองวงโคจรของตนเอง ดาวเคราะห์ก็มีวงโคจรของตนเอง
#นฤพนธ์ เพ็งอ้น
ผู้เขียน
จากรูป
ดวงอาทิตย์ แทนธาตุแห่งแสงสว่าง
โลก แทนธาตุไม้ เพราะโลกคือหนึ่งเดียวในเอกภพ ที่มีธาตุไม้ ดังคำกล่าวของปรมาจารย์เล่าจื้อ คน, โลก, เอกภพ, เต๋า☯️ และธรรมชาติ ยิ่งใหญ่ ทั้งนี้โลกยิ่งใหญ่เพราะมีธาตุไม้
#นฤพนธ์เพ็งอ้น
อ้างอิงจากคัมภีร์เต้าเต๋อจิง☯️
ดาวศุกร์ แทนธาตุน้ำ
เนื่องจากดาวศุกร์มีเมฆไอน้ำ
บนชั้นบรรยากาศจำนวนมหาศาล
ดาวอังคาร แทนธาตุดิน
จากการสำรวจโดยรถแลนด์โรเวอร์
เก็บตัวอย่างหินและดินบนดาวอังคาร
ดาวพุธ แทนธาตุทอง
ซึ่ง ดาวพุธ หมายถึง ธาตุปรอท ซึ่งเป็นธาตุโลหะหนัก ซึ่งในทางทันตกรรม ใช้อะมัลกัม (amalgam) ทอง+ปรอท เป็นสารเฉื่อย เพื่ออุดฟัน
ด้วยวัสดุอมัลกัม (Traditional Amalgam Fillings)
และสารปรอทใช้สำหรับร่อนทอง สารปรอทแยกตัวไม่ได้จับกับทองคำ
#นฤพนธ์ เพ็งอ้น
อ้างอิงจากคัมภีร์อี้จิ้ง ☯️
อี้จิ้ง☯️ บันทึกธาตุทั้ง 5 หมายถึง ธาตุทั้งห้าบนโลกมนุษย์เท่านั้น เพราะไม้มีเฉพาะบนโลกมนุษย์ ดังนั้น ธาตุทั้งห้าของอี้จิ้ง☯️
จึงให้กำเนิดสิ่งมีชีวิต
#นฤพนธ์ เพ็งอ้น
อ้างอิงคัมภีร์อี้จิ้ง☯️
สรรพชีวิตทำไมจึงต้องคล้อยตามเต๋า☯️ คล้อยตามธรรมชาติ
เพราะว่าเต๋าให้กำเนิดหนึ่ง หนึ่งให้กำเนิดสอง สองให้กำเนิดสรรพชีวิต ดังนั้นหากต้องการเปลี่ยนชีวิตเป็นอมตะเช่นเต๋า☯️
ต้องเปลี่ยนจากสรรพชีวิต ลดทอนเป็นสาม จากสามลดทอนเป็นสอง จากสองลดทอนเป็นหนึ่ง จากหนึ่งซึ่งใกล้ชิดกับเต๋า☯️ เมื่อจิตหนึ่งเดียวกับเต๋า☯️ย้อนคืนสู่เต๋า☯️ จึงเป็นเต๋า☯️อมตะนิรันดร์กาล
#นฤพนธ์ เพ็งอ้น
อ้างอิงจากคัมภีร์เต้าเต๋อจิง☯️
ธาตุทองอาจเกิดจากปฏิกิริยาของธาตุทั้ง 3 ของอี้จิ้ง☯️
ทำปฏิกิริยา เช่น ดิน แสงสว่างไฟฟ้า สารละลาย
(ทองคำ มี เลขอะตอม สูงที่สุดใน บรรดาธาตุที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติในเอกภพ)
#นฤพนธ์ เพ็งอ้น
แปลเรียบเรียงและตีความ
1. นักวิทยาศาสตร์สมมติฐานว่า ทองคำสร้างขึ้นจากการหลอมละลายของซูเปอร์โนวา
เมื่อดาวนิวตรอน สอง ดวงชนกัน
ทำให้ทองคำกระจัดกระจายไปทั่วเอกภพ โดยก่อนเกิดระบบสุริยะ ทองคำได้กระจัดกระจายในจานฝุ่นแก๊ส ต่อมาก่อตัวเป็นดาวเคราะห์โลก จึงปรากฏทองคำอยู่บนโลก ธาตุทองจมลึกลงไปในโลก เมื่อเกิดแผ่นดินไหวดินชั้นที่มีทองคำกลับขึ้นมาใกล้พื้นผิวโลก
#นฤพนธ์ เพ็งอ้น
แปลเรียบเรียงและตีความ
2. ดาวเคราะห์น้อยที่มีธาตุทอง
พุ่งชนโลก
(อี้จิ้ง☯️ทองทำปฏิกิริยากับดิน)
ทำให้ทองคำมีมากกว่าเดิม
เกล็ดเล็ก ๆ ถึงก้อนขนาดใหญ่ที่มีน้ำหนักได้ถึงหลายสิบกิโลกรัม 3. ทองคำไหลผ่านรอยแตกในเปลือกโลกซึ่งมีสารละลายไซยาไนด์ ทำให้ทองคำหลุดออกจากหินและดิน
ทองคำทำปฏิกิริยากับสังกะสี และกำมะถันจะแยกตัวออกจากสารละลายไซยาไนด์
เต๋า☯️เป็นอิสระไม่เปลี่ยนแปลงเดินไม่อันตราย (น้ำขึ้นน้ำลงจากดวงจันทร์)
เต๋า คือ ปรากฏการณ์ ทางธรรมชาติที่มาจากความไม่มีอะไร (มีกับไม่มีเกิดจากเต๋า☯️ เมื่อมีดับเกิดความไม่มี)
นำไปสู่ความว่างเปล่า (ไม่มีอะไรนำไปสู่ความว่างเปล่า = ย้อนหลังสู่ต้นกำเนิดเดิม = เต๋า☯️)
จากบางสิ่งไปสู่ความว่างเปล่า
ซ้ำแล้วซ้ำ (เกิด ดับ ว่างเปล่า เกิด ดับ ว่างเปล่า ๆๆๆ)
#นฤพนธ์ เพ็งอ้น
แปลเรียบเรียงและตีความ
เต๋า☯️เป็นอิสระไม่เปลี่ยนแปลงเดินไม่อันตราย (น้ำขึ้นน้ำลงจากดวงจันทร์) #นฤพนธ์เพ็งอ้นแปลเรียบเรียงและตีความ
เต๋าเปรียบเหมือนว่า
"เต๋า" จะทำให้ทุกสิ่งเติบโต ไร้ทิศทาง กระทั่งหยุดเติบโตแบบไร้ทิศทางชั่วคราว.
อย่าพึ่งมัน ทุกสิ่งเติบโตโดยเต๋า☯️ไม่เคยขัดขวางการเติบโต
หวูเว่ย หมายถึง การกระทำตามสถานการณ์และกระแสผ่านการคิดอย่างรอบคอบ
(ดาวเคราะห์มีแรงโน้มถ่วงกระทำ และไหลตามกระแสสนามโน้มถ่วงระหว่างดวงดาว = หวูเว่ย)
#นฤพนธ์ เพ็งอ้น
แปลเรียบเรียงและตีความ
ดาวเคราะห์มีแรงโน้มถ่วงกระทำ และไหลตามกระแสสนามโน้มถ่วงระหว่างดวงดาว = หวูเว่ย=ดาวเคราะห์ไม่ต้องทำอะไรเลยเพราะยึดมั่นในเต๋าจึงโคจรไปรอบดวงอาทิตย์โดยไม่ต้องทำอะไรเลย #นฤพนธ์เพ็งอ้น แปลเรียบเรียงและตีความ
นั่นคือ
ดาวเคราะห์โคจรตามดวงอาทิตย์
ดวงอาทิตย์โคจรตามกาแล็กซีทางช้างเผือก ฯลฯ
เพื่อให้สิ่งต่าง ๆ ในเอกภพคงไว้
ตามธรรมชาติ
โดยไม่ต้องประดิษฐ์
จึงบรรลุเป้าหมายเต๋า☯️
" ไม่ทำอะไรเลย
โดยไม่ทำอะไรเลย
" วงโคจรของดาวเคราะห์รอบดวงอาทิตย์ก็เป็นเช่นนั้นนิรันดร์ โดยไม่ต้องทำอะไรเลย = หวูเว่ยเต๋า☯️ปฏิบัติตามกฎธรรมชาติ
ที่เปลี่ยนแปลงตามกาลเวลา
เพื่อให้สิ่งต่าง ๆ ในเอกภพ
คงไว้ซึ่งธรรมชาติ
#นฤพนธ์ เพ็งอ้น
แปลเรียบเรียงและตีความ
หวูเว่ย ปฏิบัติตามกฎธรรมชาติ ที่เปลี่ยนแปลงไป เพื่อให้สิ่งต่าง ๆ คงไว้ซึ่งธรรมชาติ
แรงโน้มถ่วงตามธรรมชาติ
ดึงดูดฝุ่นและแก๊สไฮโดรเจน หนาแน่น มีมวลมาก
แรงโน้มถ่วงมาก
ความดันสูง อุณหภูมิสูง
เกิดปฏิกิริยาฟิวชั่น
กลายเป็นดวงอาทิตย์
#นฤพนธ์ เพ็งอ้น
แปลเรียบเรียงและตีความ
การเกิดดับเป็นวัฏจักรของเอกภพ เนบิวลา กำเนิดจาก
ดาวฤกษ์ที่แกนภายในแข็งเป็นแกนเหล็ก ไม่สามารถฟิวชันได้
(ฟิวชัน = การเกิด คล้อยตาม เต๋า☯️)
ดวงดาวฤกษ์ต่าง ๆ เกิดการระเบิดเป็นฝุ่นและเศษซากต่าง ๆ ฝุ่นและเศษซากต่าง ๆ ก็จับตัวกันเป็นเนบิวลา
#นฤพนธ์ เพ็งอ้น
แปลเรียบเรียงและตีความ
เนบิวล่า มี 2 ชนิด สว่าง และมืดตามผู้สังเกตุบนพื้นโลก
1. เนบิวลาสะท้อนแสง
(Reflection nebula) มีสีฟ้า, สีน้ำเงินจากการสะท้อนแสงของดาวที่อยู่ข้างเคียง
2. เนบิวลาปล่อยแสง
(Emission nebula)
เกิดการกระตุ้นด้วยรังสีอัลตราไวโอเลตจากดาวฤกษ์ข้างเคียง ปล่อยแสงในช่วงคลื่นตามแก๊สองค์ประกอบของเนบิวลา
มีสีต่าง ๆ กัน
สีแดงจากแก๊สไฮโดรเจน
สีเขียวจากแก๊สออกซิเจน
#นฤพนธ์ เพ็งอ้น
แปลเรียบเรียงและตีความ
ดวงอาทิตย์มีมวลมากกว่า 99% ในระบบสุริยะ ทำให้อวกาศโค้งรอบดวงอาทิตย์ ☯️
เป็นศูนย์กลางของแรงโน้มถ่วง ในระบบสุริยะ
ตำนานผานกู แบ่งฟ้าดิน
=แถบดาวเคราะห์น้อย
ดิน = ดาวเคราะห์ดิน(หิน)
ในระบบสุริยะชั้นในแถบดาวเคราะห์น้อย
ฟ้า = ดาวเคราะห์ฟ้า(แก๊ส)
ในระบบสุริยะชั้นนอกแถบดาวเคราะห์น้อย
#นฤพนธ์ เพ็งอ้น
แปลเรียบเรียงและตีความ
ดาวเคราะห์ในระบบสุริยะชั้นใน
มีดาวเคราะห์ ขนาด เล็ก สี่ดวง
ได้แก่ดาวพุธ ดาวศุกร์ โลกและดาวอังคาร
เรียกว่าดาวเคราะห์ ธาตุดินและทอง ยกเว้น โลกมีธาตุไม้หนึ่งเดียวในเอกภพ
#นฤพนธ์ เพ็งอ้น
แปลเรียบเรียงและตีความ
ดาวเคราะห์ในเอกภพมี ธาตุดินและทอง ยกเว้น โลกมีธาตุไม้หนึ่งเดียว ในเอกภพ #นฤพนธ์เพ็งอ้นแปลเรียบเรียงและตีความ
ดาวเคราะห์ 8 แปดดวงในระบบสุริยะ สามารถจัดเรียงได้ 8 ทิศ โดยมีวงกลมคล้ายดวงอาทิตย์อยู่ตรงกลาง สมดุล☯️,
ขาวแบ่งเส้นตัว S กับดำ,
ในขาวมีดำ ในดำมีขาว
#นฤพนธ์ เพ็งอ้น
แปลเรียบเรียงและตีความ
ดาวเคราะห์สี่ดวงชั้นนอก
อยู่เลยแถบดาวเคราะห์น้อย
(asteroid belt)
เรียกว่าดาวเคราะห์ยักษ์
และมีมวลมากกว่าสี่ดวงชั้นใน
ดาวพฤหัสและดาวเสาร์ซึ่งเป็นดาวเคราะห์ก๊าซยักษ์ทั้งสองดวง ที่มีส่วนประกอบหลักคือไฮโดรเจนและฮีเลียม
ดาวเคราะห์ชั้นนอกสุดสองดวงคือดาวยูเรนัสและดาวเนปจูนเป็นดาวยักษ์น้ำแข็ง ซึ่งระเหยง่าย โดยมีจุดหลอมเหลวสูงกว่าไฮโดรเจนและฮีเลียม เช่น
น้ำแอมโมเนียและมีเทน
#นฤพนธ์ เพ็งอ้น
แปลเรียบเรียงและตีความ
วัตถุในแถบคอยเปอร์ เป็นหินปนน้ำแข็ง มีวงโคจรอยู่ถัดจากดาวเนปจูน ดังนั้น จึงเป็นเสมือนเขตรั้วของดาวเคราะห์ทั้งแปดดวง
#นฤพนธ์ เพ็งอ้น
แปลเรียบเรียงและตีความ
ดาวเคราะห์ทั้งแปดโคจรรอบดวงอาทิตย์ ดุจแผนผังแปดทิศของอี้จิ้ง☯️ #นฤพนธ์เพ็งอ้น
ระบบของสุริยะ 🆚 ผังอี้จิ้ง☯️
ดาวฤกษ์ 1 ดวง
ดวงอาทิตย์
ดาวเคราะห์ 8 ดวง
พุธ
ศุกร์
โลก
อังคาร
พฤหัสบดี
เสาร์
ยูเรนัส
เนปจูน
#นฤพนธ์ เพ็งอ้น
แปลเรียบเรียงและตีความ
ระบบของสุริยะ 🆚 ผังอี้จิ้ง☯️#นฤพนธ์ เพ็งอ้น แปลเรียบเรียงและตีความ
ดาวเคราะห์แคระ
(Dwarf planets)
มีวงโคจร
ไม่แน่ชัดเป็นวงรี ซ้อนทับกับวงโคจรดาวเคราะห์อื่น และไม่สามารถควบคุมแรงดึงดูด และวงโคจรของวัตถุต่างๆ เช่น
1. ซีเรส หินและน้ำแข็ง ไอน้ำ
ไร้ชั้นบรรยากาศ
2. พลูโต พื้นผิวปกคลุมด้วยน้ำแข็ง มีดวงจันทร์บริวาร 5 ดวง ไม่มีวงแหวนแบบดาวเสาร์
3. เฮาเมอา มีธาตุคาร์บอนและน้ำแข็ง เป็นองค์ประกอบหลัก
เฮาเมอามีดวงจันทร์บริวาร 2 ดวง
4. มาคีมาคี พื้นผิวเป็นมีเทนและอีเทนแข็ง มีไนโตรเจนในชั้นบรรยากาศ
5. อีรีส พื้นผิวเป็นของแข็งและน้ำแข็ง
ลมสุริยะเป็นกระแสของอนุภาค
มีประจุที่ไหลออกจากดวงอาทิตย์ ทำให้เกิดบริเวณคล้ายฟองในวัสดุระหว่างดวงดาว ปะทะกับตัวกลางระหว่างดวงดาวและหยุดนิ่ง
เรียกว่าเฮลิโอสเฟียร์
เฮลิโอพอสคือจุดที่ความดันของลมสุริยะและวัตถุระหว่างดวงดาวเข้าสู่สภาวะสมดุล ☯️
และขยายไปจนถึง "ฟอง"
น้ำแข็ง หิน แอมโมเนียและฝุ่นขนาดยักษ์ล้อมรอบระบบสุริยะ
เรียกว่าขอบของ ดิสก์ไดเวอร์เจนต์เมฆออร์ต เป็น แหล่งกำเนิดของ ดาวหางคาบยาว
#นฤพนธ์ เพ็งอ้น
แปลเรียบเรียงและตีความ
เฮลิโอพอสคือจุดที่ความดันของลมสุริยะและวัตถุระหว่างดวงดาวเข้าสู่สภาวะสมดุล ☯️ และขยายไปจนถึง "ฟอง" น้ำแข็ง หิน แอมโมเนียและฝุ่นขนาดยักษ์ล้อมรอบระบบสุริยะ เรียกว่าขอบของ ดิสก์ไดเวอร์เจนต์เมฆออร์ต #นฤพนธ์ เพ็งอ้นแปลเรียบเรียงและตีความ
ก่อนระบบสุริยะ มันถูกเรียกว่าเนบิวลาก่อนสุริยะ สันนิษฐานว่ามีเม็ดฝุ่นเป็นส่วนหนึ่งในองค์ประกอบ เพราะว่าพบเม็ดฝุ่นขนาด 8 ไมโครเมตร ซึ่งผ่านรังสีคอสมิกในอวกาศ การหาปริมาณของไอโซโทปฮีเลียม-3 (He-3) และนีออน-21 (Ne-21) มีอายุ 7.5 พันล้านปี จากอุกาบาตในออสเตรเลีย
#นฤพนธ์ เพ็งอ้น
แปลเรียบเรียงและตีความ
(presolar nebula การหมุนของเนบิวลาเร็วขึ้น หดตัวหมุนเร็วขึ้นเรื่อย ๆ และมันเริ่มแบน ยุบตัวพังทลายเนื่องจากแรงโน้มถ่วง กลายเป็นดาวที่มีจานรวมมวล จากนั้นดาวเคราะห์ต่าง ๆ
จะควบแน่นจากการแข็งตัว
ของอนุภาคฝุ่นกลายเป็นวัตถุที่มีขนาดเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ)
#นฤพนธ์ เพ็งอ้น
แปลเรียบเรียงและตีความ
ดาวเคราะห์ชั้นในแถบดาวเคราะห์น้อย
ก่อตัวขึ้น จากการสะสมมวลสาร
ในแถบดาวเคราะห์น้อย
ซึ่งมีแรงดึงดูดของฝุ่นและก๊าซ
คล้ายธาตุทั้งห้าของอี้จิ้ง☯️ สร้างและหักล้างไปมา
เกิดดวงดาว ควบแน่นกลายเป็น
ดาวเคราะห์ก่อกำเนิดหลายร้อยดวงในยุคแรก ๆ
ของระบบสุริยะ
รวมตัวกันหรือถูกทำลาย
เหลือดาวเคราะห์
ดาวเคราะห์แคระ
และวัตถุขนาดเล็ก
โลหะมีจุดหลอมเหลวสูง
คงสถานะแข็งระบบสุริยะชั้นใน
ต่อมาก่อตัวเป็นดาวเคราะห์หิน ได้แก่ ดาวพุธ ดาวศุกร์ โลก
และดาวอังคาร
#นฤพนธ์ เพ็งอ้น
แปลเรียบเรียงและตีความ
แรงดึงดูดของฝุ่นและก๊าซ คล้ายธาตุทั้งห้าของอี้จิ้ง☯️ สร้างและหักล้างไปมาเกิดดวงดาว ควบแน่นกลายเป็น ดาวเคราะห์ก่อกำเนิดหลายร้อยดวงในยุคแรก ๆ ของระบบสุริยะหลังการหักล้างของธาตุทั้งห้าระบบสุริยะชั้นใน ก่อตัวเป็นดาวเคราะห์หิน ได้แก่ ดาวพุธ ดาวศุกร์ โลก และดาวอังคาร #นฤพนธ์ เพ็งอ้น แปลเรียบเรียงและตีความ
แถบดาวเคราะห์น้อย คือ
เส้นเยือกแข็งอยู่ระหว่าง
ดาวอังคารกับดาวพฤหัสบดี จึงเกิดเส้นแบ่งดาวเคราะห์หินกับเาวเคราะห์แก๊ส คล้ายเส้นแบ่งหยินหยาง ☯️
ดาวเคราะห์ยักษ์
(ดาวพฤหัส ดาวเสาร์ ดาวยูเรนัส และดาวเนปจูน)
ก่อตัวขึ้นนอกเส้นเยือกแข็ง อุณหภูมิที่นี่ต่ำมาก
และวัสดุที่ระเหยได้สามารถดำรงอยู่ในสถานะของแข็งได้
มีน้ำแข็งมากกว่าโลหะ
และซิลิเกต
เส้นเยือกแข็งแบ่งหยินหยาง☯️
ดาวเคราะห์หลังเส้นเยือกแข็งแถบดาวเคราะห์น้อย มีขนาดใหญ่ขึ้นและกักเก็บไฮโดรเจนและฮีเลียมจำนวนมาก
เป็นองค์ประกอบที่มีมากที่สุดในระบบสุริยะ
วัสดุในระบบสุริยะที่ไม่สามารถก่อตัวดาวเคราะห์ได้กระจุกตัวอยู่ในแถบดาวเคราะห์น้อยแถบ
ไคเปอร์และบริเวณเมฆออร์ต
#นฤพนธ์ เพ็งอ้น
แปลเรียบเรียงและตีความ
50 ล้านปีแรก
ณ ใจกลางดาวฤกษ์
ก่อนเกิดระบบสุริยะ
ไฮโดรเจนมีความหนาแน่นและความดัน อุณหภูมิ อัตราการเกิดปฏิกิริยา มากพอทำให้เกิดปฏิกิริยาอย่างเลวร้ายหรือรุนแรง ดั่งขุมอเวจี:
ไฮโดรเจนเพิ่มขึ้นจนกระทั่ง
ความดัน, ความร้อนของของไหล
ชดเชยแรงโน้มถ่วง
จนถึงสถานะสมดุลสถิต (สมดุลเต๋า☯️)
ณ จุดศูนย์กลางนี้ ดาวฤกษ์กำเนิดเป็นดวงอาทิตย์ ตั้งแต่ต้นจนจบ นับระยะเวลาได้ 1 หมื่นล้านปี (ปฏิกิริยาอย่างเลวร้ายหรือรุนแรง ดั่งขุมอเวจี)
#นฤพนธ์ เพ็งอ้น
แปลเรียบเรียงและตีความ
ในขณะที่ระยะอื่น ๆ ทั้งหมด
รวมทั้งช่วงชีวิตของเศษซากนั้น รวมทั้งหมดเพียง 2 พันล้านปี
ลมสุริยะจากดวงอาทิตย์
ก่อตัวเป็นเฮลิโอสเฟียร์
(ฟองในวัสดุระหว่างดวงดาว ปะทะกับตัวกลางระหว่างดวงดาวและหยุดนิ่ง = สมดุลของเต๋า☯️)
และพัดก๊าซและฝุ่นที่ตกค้างจากดิสก์(จานมวลรวม)
ก่อกำเนิดดาวเคราะห์
ออกสู่อวกาศระหว่างดวงดาว
การพัฒนาของดาวเคราะห์ถึงที่สุด(สมดุลเต๋า☯️)
เป็นดาวเคราะห์ 8 ดวง
โคจรรอบดวงอาทิตย์
ในยุคแรก ๆ ดวงอาทิตย์สว่างเพียง 70% ของความสว่างในปัจจุบัน
ดวงอาทิตย์จะยังคงอยู่ในสถานะปัจจุบันจนกว่าไฮโดรเจนที่อยู่ใจกลางจะเปลี่ยนเป็นฮีเลียมอย่างสมบูรณ์ภายในห้าพันล้านปี
นี่ถือเป็นการสิ้นสุดของดวงอาทิตย์ (แต่ไม่ระเบิด)
แกนกลางฮีเลียมของดวงอาทิตย์
เริ่มพังทลายลง
และพลังงานที่ส่งออกไปก็มีมากกว่าปัจจุบัน
เมื่อแกนกลางฮีเลียมของดวงอาทิตย์ เริ่มพังทลายลง
เส้นผ่านศูนย์กลางของชั้นนอกสุดของดวงอาทิตย์จะขยายพื้นที่ผิวเป็นประมาณ 260 เท่าของขนาดปัจจุบัน
และดวงอาทิตย์จะกลายเป็น
ดาว ยักษ์แดง
อุณหภูมิของพื้นผิวดวงอาทิตย์ ต่ำกว่าอุณหภูมิของดาวฤกษ์
โดยเฉลี่ย
(อุณหภูมิต่ำสุดคือประมาณ 2,600 เคลวิน = 2,326.85 เซลเซียส)
ดวงอาทิตย์พ่นแก๊สขยายตัวถึงดาวพุธ
สภาพแวดล้อมของโลกอยู่ไม่ได้
ในที่สุด อุณหภูมิของแกนดวงอาทิตย์ทำให้แกนกลางฮีเลียมหลอมละลาย
การสันดาปฮีเลียมและไฮโดรเจน
เมื่อมวลของดวงอาทิตย์ไม่เพียงพอ ทำให้เกิดปฏิกิริยาฟิวชันของธาตุที่หนักกว่าไฮโดรเจน
และฮีเลียม ปฏิกิริยาธาตุหนักกว่า ฮีเลียมในแกนกลางของดวงอาทิตย์ ฟิวชันจะอ่อนลง
วัสดุชั้นนอกของดวงอาทิตย์จะกระจายไปในอวกาศ
ส่วนที่เหลือ ก่อตัวเป็นดาวแคระขาว มีความหนาแน่นสูง
แต่มีมวลครึ่งหนึ่งของดวงอาทิตย์
มีปริมาตรใกล้เคียงกับมวล
ชั้นนอกที่หลุดออกไป
ก่อให้เกิดเนบิวลาดาวเคราะห์ โดยส่งสสารบางส่วน
ที่ประกอบเป็นดวงอาทิตย์
กลับคืนสู่อวกาศระหว่างดวงดาว
และมีธาตุที่หนักกว่าฮีเลียม เช่น คาร์บอน
(การกลับคืนสู่ธรรมชาติ เต๋า☯️)
#นฤพนธ์ เพ็งอ้น
แปลเรียบเรียงและตีความ
สนามแม่เหล็กของโลกป้องกัน
ไม่ให้ ชั้นบรรยากาศของโลก
ถูกลมสุริยะดึงออกไป
ตรงกันข้ามกับ
ดาวศุกร์และดาวอังคาร
ไม่มีสนามแม่เหล็ก
ดังนั้นลมสุริยะจึงทำให้บรรยากาศ หายไปในอวกาศ
และสนามแม่เหล็กจำนวนมากออกจากพื้นผิวดวงอาทิตย์
เกิดประจุอนุภาคเข้าสู่ชั้นบรรยากาศของโลก
ทำให้เกิดแสงออโรรา
ใกล้กับขั้วแม่เหล็ก
สนามแม่เหล็กของโลก เสมือนเต๋า☯️ คุ้มครองสรรพชีวิตบนโลก หนึ่งเดียวในเอกภพ #นฤพนธ์เพ็งอ้นแปลเรียบเรียงและตีความ
ดาวหางเก่า ซึ่ง มีวัสดุระเหยหมดไปเนื่องจากความร้อนจากแสงอาทิตย์ จัดเป็นดาวเคราะห์น้อย
#อี้จิ้ง☯️ ปฏิกิริยาเคมี
การเปลื่ยนแปลงของอุณหภูมิแสงสว่างกับน้ำแข็ง ทวิลักษณ์ดาวหางไม่มีแสงแต่มีน้ำแข็ง ดวงอาทิตย์มีแสงแต่ไม่มีน้ำแข็ง
#นฤพนธ์ เพ็งอ้น
แปลเรียบเรียงและตีความ
ชาวจีนบันทึกดาวหางเป็นครั้งแรกตั้งแต่สมัยราชวงศ์โจว
หรือ 613 ปีก่อนคริสต์ศักราช หรือ 2637 ปีก่อน ระบุว่า ปีที่ 14 เหวินอ๋อง แคว้นหลู่ดวงดาวเข้าสู่เป่ยโถว ปัจจุบัน คือ
ดาวหางฮัลเลย์
ก่อนหน้าปรมาจารย์เล่าจื้อและขงจื๊อเล็กน้อย
ปีที่ 13 ของกษัตริย์โจวจิง ราชวงศ์โจว หรือ 532 ปีก่อนคริสตกาล (ยุคสมัยปรมาจารย์เล่าจื้อและขงจื๊อ)
มีดาวดวงหนึ่งปรากฏบนหวู่หนู เป็นบันทึก แสดงว่ามีดาวฤกษ์ดวงใหม่เกิดขึ้น
#นฤพนธ์ เพ็งอ้น
แปลเรียบเรียงและตีความ
ภาพดาวหาง ที่มา iStock
อนึ่ง 1,400 ปีก่อนคริสตกาล (3,424 ปีก่อน)
ราชวงศ์ซางของจีน
ได้บันทึกสุริยุปราคา
และจันทรุปราคา สอดคล้องกับเรื่องราวการพบกันระหว่างขงจื๊อวัยหนุ่มเป็นผู้ประกอบพิธีกรรมของแคว้น ได้พบเจอปรมาจารย์เล่าจื้อ ระหว่างทางเกิดสุริยุปราคา ปรมาจารย์เล่าจื้อ แนะนำให้ขงจื๊อประกอบพิธีกรรมหยุดชั่วคราว สักครู่ก็กระทำพิธีกรรมต่อไปได้
#นฤพนธ์ เพ็งอ้น
แปลเรียบเรียงและตีความ
สุริยุปราคา ที่มา Pixabay
1. ดวงอาทิตย์ ส่องแสงสว่างมาโลก
2. ดวงจันทร์โคจรมาบังแสงนั้นพอดี
3. ทำให้โลกมองเห็นดวงจันทร์ที่ไร้แสงบดบังแสงจากดวงอาทิตย์
จึงเรียกว่า ทั้งสามจึงก่อเกิดสุริยุปราคา
#นฤพนธ์ เพ็งอ้น
แปลเรียบเรียงและตีความ
ข่าวรอบโลก
จีน
เทคโนโลยี
2 บันทึก
5
6
2
5
6
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย