Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
aomMONEY
ยืนยันแล้ว
•
ติดตาม
29 ส.ค. เวลา 11:30 • ครอบครัว & เด็ก
กระปุก 3 ใบ ปลูกฝังแนวคิด "ใช้จ่าย-ออม-ให้" ตั้งแต่วัยอนุบาล
เพาะกล้าความมั่งคั่งในเด็ก 3 - 5 ขวบปลูกฝังนิสัยการออมตั้งแต่อายุยังน้อย
หลายคนอาจคิดว่าการคุยเรื่องเงินกับลูกในวัยเด็กอาจเสียเวลา เพราะยังไม่ใช่จังหวะที่จะคุยเรื่องยากๆ แบบนี้ แต่ความจริงแล้ววัยเด็กจะซึมซับเรื่องเงินเร็วกว่าที่คิด เพราะได้เห็นโฆษณาในทีวี สื่อออนไลน์ ได้ยินเพื่อนๆ คุยเรื่องไปเที่ยว ของเล่นใหม่ๆ ซึ่งสามารถหล่อหลอมรสนิยมของเด็กๆ ได้ และส่งผลต่อมุมมองเรื่องเงินในอนาคตด้วย
ดังนั้น เด็กๆ จึงต้องการผู้ใหญ่ที่คอยสอน คอยช่วยกรองข้อมูลเรื่องเงิน และที่ปรึกษาการเงินคนแรกๆ ที่ต้องคอยสอนเด็กๆ คือ คุณพ่อ คุณแม่ หมายความว่า ผู้ปกครองควรเปิดอกคุยเรื่องเงิน ทั้งการหาเงิน จัดการเงิน และเก็บออม และถ้าได้ลองจับเงินจริงๆ ตั้งแต่เล็กๆ จะเป็นการเตรียมให้จัดการการเงินเองในอนาคตที่ดีได้
การให้ความรู้เด็กวัย 3 – 5 ขวบ ถือเป็นระดับที่ยังพัฒนาทักษะพื้นฐานอยู่ ควรสอนด้วยภาษาง่ายๆ สั้นๆ แต่บ่อยๆ แทรกเข้าไปในเวลาเล่น กิจวัตรประจำวัน หรือกิจกรรมที่ได้ลงมือทำจริงๆ เช่น ช่วยนับเงินทอน เรียนรู้ค่าของเงินแต่ละชนิด ลองเล่นขายของหรือร้านอาหารจำลองกับลูกเพื่อจะได้เห็นขั้นตอนการจ่ายเงินซื้อของ
นอกจากนี้ เวลาออกไปห้างสรรพสินค้า ผู้ปกครองก็แทรกการอธิบายถึงการใช้เงิน เช่น ให้อ่านยอดเงินตอนจ่ายเงิน ช่วยจ่ายเงินให้แคชเชียร์ นับเงินทอน กิจกรรมเหล่านี้ช่วยให้เข้าใจหลักการแลกเปลี่ยนเงินกับสินค้าและบริการ ได้เรียนรู้คำศัพท์ และเมื่อเด็ก เข้าใจพื้นฐานแล้ว ก็สอนให้เด็กรู้จักใช้เงินอย่างตั้งใจ และปลูกฝังนิสัยการออมตั้งแต่เด็ก
✅กระปุก 3 ใบ ปลูกฝังแนวคิด "ใช้จ่าย ออม ให้" ตั้งแต่วัยอนุบาล
วิธีที่จะสอนการจัดการเงินให้เด็ก ๆ คือ ระบบกระปุก 3 ใบ แบ่งเป็น “ใช้จ่าย ออม และให้” เริ่มจากหากระปุกหรือกล่องสามใบ ให้ลูกช่วยตกแต่งให้สวยงาม ติดป้ายชื่อแต่ละใบ อธิบายความหมายของแต่ละกระปุกอย่างง่าย ๆ
- ใช้จ่าย คือ เงินที่ใช้ซื้อของที่ต้องการ เช่น ขนม ของเล่น
- ออม คือ เงินที่เก็บไว้ใช้ในอนาคต สำหรับของที่แพงกว่าหรือสำคัญกว่า
- ให้ คือ เงินที่แบ่งปันช่วยเหลือผู้อื่นที่ต้องการความช่วยเหลือ
ทุกครั้งที่ลูกได้เงิน ไม่ว่าจะจากค่าขนม ของขวัญ หรือรางวัล ให้แบ่งใส่กระปุกทั้งสามใบ อาจใช้อัตราส่วนง่ายๆ เช่น 60:30:10
60% ใส่กระปุกใช้จ่าย
30% ใส่กระปุกออม
10% ใส่กระปุกให้
ระบบนี้สอนให้เด็กรู้จักวางแผนการใช้เงิน รู้จักรอคอย และมีน้ำใจ เป็นพื้นฐานสำคัญของการจัดการการเงินที่ดีในอนาคต
✅การเล่นเกมและกิจกรรมสมมติเพื่อแนะนำแนวคิดเรื่องเงิน
เด็กๆ ชอบเล่น ดังนั้น การเล่นก็เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการเรียนรู้ คุณพ่อ คุณแม่ก็ลองใช้เกมและกิจกรรมสนุกๆ เพื่อสอนเรื่องเงิน เช่น เล่นร้านค้าจำลอง ใช้ของเล่นหรือสิ่งของในบ้านมาเป็นสินค้า แล้วใช้กระดาษหรือเหรียญของเล่นเป็นเงิน ให้ลูกสวมบทบาทเป็นทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย สอนเรื่องการแลกเปลี่ยนสินค้ากับเงิน
อีกทั้ง กิจกรรมประดิษฐ์กระปุกออมสิน ด้วยการใช้กระป๋องหรือขวดพลาสติกมาตกแต่งด้วยกัน แล้วชวนลูกคิดว่าต้องการเก็บเงินไว้ซื้ออะไร ช่วยกันวาดรูปสิ่งนั้นติดไว้บนกระปุก เป็นการสร้างแรงจูงใจในการออมไปในตัว หรือการเล่นสมมติเป็นธนาคาร โดยให้ลูกเป็นพนักงานธนาคาร สอนเรื่องการฝากถอนเงิน ใช้สมุดบัญชีจำลองบันทึกรายการ
อย่าลืมว่าการเรียนรู้ต้องสนุก อย่าจริงจังเกินไป ถ้าลูกเบื่อหรือไม่สนใจก็เปลี่ยนไปทำอย่างอื่นก่อน แล้วค่อยกลับมาลองใหม่ วันหลัง ที่สำคัญ คือ การสร้างทัศนคติที่ดีต่อเรื่องเงิน ไม่ใช่การท่องจำความรู้
✅รู้จักเหรียญและธนบัตร วิธีสอนให้เด็กแยกแยะและเข้าใจค่าของเงิน
เด็กๆ อาจสับสนเรื่องเหรียญและธนบัตรต่าง ๆ เด็กอาจคิดว่าเหรียญมีค่ามากกว่าธนบัตร ดังนั้น ควรเริ่มจากการสอนให้รู้จักเหรียญก่อน ให้ลูกสัมผัสและสังเกตความแตกต่าง ทั้งขนาด สี น้ำหนัก ลวดลาย เล่นเกมจับคู่เหรียญที่เหมือนกัน หรือเรียงลำดับจากเล็กไปใหญ่ ส่วนธนบัตร ลองให้ลูกดูสีและตัวเลขบนธนบัตร ชี้ให้เห็นภาพบุคคลสำคัญ เล่าเรื่องราวสั้น ๆ เกี่ยวกับบุคคลนั้น จะช่วยให้จำได้ดีขึ้น
ถึงแม้ว่าการเปรียบเทียบค่าของเงินเป็นเรื่องยาก แต่สามารถทำให้เป็นรูปธรรมได้ โดยอาจใช้ขนมที่ลูกชอบเป็นตัวอย่าง เช่น ลูกซื้อขนมได้ 1 กล่องด้วยเหรียญ 10 บาท แต่ถ้ามีธนบัตร 20 บาท ลูกซื้อได้ 2 กล่องเลย
นอกจากนี้ ลองทำแผนภาพง่าย ๆ แสดงค่าของเงิน วาดวงกลมเล็ก ๆ แทนเหรียญบาท แล้วให้ลูกนับว่าต้องใช้กี่วงจึงจะเท่ากับธนบัตรใบหนึ่ง เป็นการฝึกคณิตศาสตร์ไปในตัว และอย่าลืมสอนเรื่องการดูแลรักษาเงินด้วย ไม่ขยำหรือฉีกธนบัตร ไม่นำเหรียญเข้าปาก และเก็บให้ดีไม่ให้หาย ที่สำคัญ อย่ารีบร้อน ใช้โอกาสในชีวิตประจำวันค่อย ๆ สอน เช่น ช่วงจ่ายเงินซื้อของ ให้ลูกช่วยนับเงินและรับเงินทอน เป็นการฝึกปฏิบัติจริง
✅พาช้อป พาจ่าย การใช้กิจวัตรประจำวันสอนเรื่องการแลกเปลี่ยนและมูลค่า
ชีวิตประจำวันเต็มไปด้วยโอกาสในการสอนเรื่องเงิน โดยเฉพาะช่วงพาลูกไปซื้อของ โดยก่อนออกไปซื้อของ ลองทำรายการ สิ่งของที่ซื้อด้วยกัน สอนให้ลูกรู้จักวางแผนและจัดลำดับความสำคัญ ระหว่างเดินซื้อของ ชี้ให้ลูกดูป้ายราคา อธิบายว่าทำไมของชิ้นนี้แพงกว่าอีกชิ้น เช่น ไอศกรีมถ้วยนี้แพงกว่าไอศกรีมแท่ง เพราะมีผลไม้ผสมด้วย รวมถึงให้ลูกช่วยเปรียบเทียบราคาสินค้าคล้ายๆ กันด้วย
เมื่อถึงช่วงจ่ายเงิน ให้ลูกช่วยนับเงินและรับเงินทอน เป็นการฝึกทักษะคณิตศาสตร์ไปในตัว อธิบายว่าทำไมต้องรอเงินทอน และตรวจสอบว่าได้รับถูกต้องไหม และหลังกลับบ้าน ลองทบทวนว่าซื้ออะไรมาบ้าง ใช้เงินไปเท่าไร เหลือเท่าไร เป็นการฝึก การทำบัญชีอย่างง่าย
บางครั้งพาลูกไปตลาดนัดหรือตลาดสด ให้เห็นวิธีการต่อรองราคา และความแตกต่างของราคาสินค้าในตลาดกับในห้างสรรพสินค้า และสอนให้ลูกรู้จักเปรียบเทียบคุณค่ากับราคา เช่น ทำไมถึงยอมจ่ายแพงกว่าเพื่อซื้อรองเท้าคู่นี้ เพราะใส่สบายและใช้ได้นาน ที่สำคัญ อย่าลืมสอนเรื่องการควบคุมตัวเอง ไม่ซื้อของตามใจตัวเองทุกอย่าง รู้จักแยกแยะระหว่าง “อยากได้” กับ “จำเป็นต้องมี”
ดังนั้น การพาลูกไปช้อปปิ้งด้วยเป็นโอกาสดีที่จะสอนทักษะการเงินในชีวิตจริง ทำให้เด็ก ๆ เข้าใจเรื่องการแลกเปลี่ยนและมูลค่าได้ดีขึ้น
✅นิทานสอนใจ ใช้หนังสือและเรื่องเล่าเพื่อสร้างทัศนคติที่ดีต่อการจัดการเงิน
เด็ก ๆ ชอบฟังนิทาน และนิทานก็เป็นเครื่องมือที่ยอดเยี่ยมในการสอนบทเรียนสำคัญ รวมถึงเรื่องการเงินด้วย เริ่มจากหานิทานที่ใช้เป็นบทเรียนที่ดีเกี่ยวกับการวางแผนและการออม ชวนลูกอ่านและคิดตามว่าจะเตรียมตัวอย่างไรสำหรับอนาคต หรือนิทานเรื่องห่านไข่ทองคำ สอนเรื่องความโลภและการรู้จักพอ ชวนลูกคิดว่าถ้ามีเงินมาก ๆ จะใช้อย่างไรให้เกิดประโยชน์
การอ่านนิทานไม่ใช่แค่อ่านจบแล้วจบกัน ให้ชวนลูกคุยต่อ ถามความคิดเห็น เช่น “ถ้าลูกเป็นตัวละครในเรื่อง ลูกจะทำแบบนั้นหรือไม่” “ลูกคิดว่าตัวละครควรทำอย่างไรดี” เป็นการฝึกคิดวิเคราะห์และประยุกต์ใช้บทเรียนในชีวิตจริง
อีกทั้ง ลองแต่งนิทานง่าย ๆ เกี่ยวกับการเงินด้วยกัน โดยใช้ตัวละครที่ลูกชอบหรือสมมติว่าลูกเป็นตัวเอกในเรื่อง จะช่วยให้เข้าใจและจดจำบทเรียนได้ดียิ่งขึ้น อีกทั้ง อย่าลืมว่านิทานไม่จำเป็นต้องสอนแต่เรื่องการประหยัดอย่างเดียว การใช้เงินเพื่อความสุขหรือช่วยเหลือผู้อื่นก็เป็นบทเรียนที่สำคัญ จึงควรหานิทานที่สอนเรื่องการให้และความเอื้อเฟื้อมาสอนร่วมด้วย
การใช้นิทานสอนเรื่องเงินช่วยให้เด็ก ๆ เข้าใจแนวคิดที่ซับซ้อนผ่านเรื่องราวที่สนุกและน่าสนใจ ช่วยสร้างทัศนคติที่ดีต่อการ จัดการเงินตั้งแต่เยาว์วัย ซึ่งจะเป็นรากฐานสำคัญสำหรับอนาคต
การสอนเรื่องเงินให้เด็กเล็กอาจดูเป็นเรื่องยาก แต่ด้วยวิธีการที่สนุกและเหมาะสมกับวัย สามารถปูพื้นฐานที่ดีให้กับลูกได้ตั้งแต่เยาว์วัย ไม่ว่าจะเป็นการเล่นเกมสมมติ การรู้จักเหรียญและธนบัตร การใช้ระบบกระปุก 3 ใบ การพาไปช้อปปิ้ง หรือการเล่านิทาน ล้วนเป็นโอกาสดีในการสอนแนวคิดเรื่องการเงิน
สิ่งสำคัญ คือ ต้องทำอย่างสม่ำเสมอ ใช้สถานการณ์ในชีวิตประจำวันเป็นโอกาสในการสอน และที่สำคัญที่สุด คือ ต้องเป็นแบบอย่างที่ดีในการจัดการเงิน เพราะเด็ก ๆ มักจะเลียนแบบพฤติกรรมของคุณพ่อ คุณแม่
อย่าลืมว่าเป้าหมายไม่ใช่แค่ให้ลูกรู้จักประหยัด แต่เพื่อให้มีความสัมพันธ์ที่ดีกับเงิน รู้จักใช้เงินอย่างฉลาด มีความรับผิดชอบ และรู้จักแบ่งปัน ทักษะเหล่านี้จะติดตัวเขาไปตลอดชีวิต และช่วยให้ประสบความสำเร็จทางการเงินในอนาคต
การสอนเรื่องเงินให้ลูกตั้งแต่เล็กอาจต้องใช้เวลาและความอดทน แต่ผลลัพธ์ที่ได้นั้นคุ้มค่าอย่างแน่นอน เพราะคุณพ่อ คุณแม่กำลังมอบของขวัญล้ำค่าที่จะติดตัวลูกไปตลอดชีวิต นั่นคือ ทักษะทางการเงินที่ดี
#aomMONEY #สมาคมนักวางแผนการเงินไทย #วางแผนใช้เงิน #วัยเด็ก #เก็บเงิน
22 บันทึก
25
2
25
22
25
2
25
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย