28 ส.ค. 2024 เวลา 15:40 • กีฬา

บาโลเตลลี่ นักเตะจอมอินดี้ กับ 1 ปีที่ล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงที่ลิเวอร์พูล

ลิเวอร์พูลเป็นสโมสรที่มีดวงชะตาไม่ค่อยคลิกกับนักเตะจากอิตาลี
ที่ผ่านมา ไม่เคยมีนักเตะอิตาเลียนคนไหนที่ประสบความสำเร็จในแอนฟิลด์ กาเบรียล ปาเล็ตต้า, ดานิเอเล่ ปาเดลลี่, อันเดรีย ดอสเซน่า, ฟาบิโอ บอรินี่ และ อัลแบร์โต้ อควิลานี่ แต่ละคนเจ๊งทั้งนั้น
แต่ถ้าพูดถึงความล้มเหลวอันดับหนึ่ง ชื่อของมาริโอ บาโลเตลลี่ คงเด้งขึ้นมาเป็นคนแรก เพราะเป็นนักเตะที่ถูกคาดหวังเยอะมาก แต่กลับล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง
ในช่วงซัมเมอร์ ปี 2014 ลิเวอร์พูล ขายหลุยส์ ซัวเรซ ให้กับบาร์เซโลน่า ในราคา 75 ล้านปอนด์ นี่ถือเป็นการสูญเสียในระดับหายนะ เพราะ ณ เวลานั้น ซัวเรซ คือกองหน้าระดับท็อปทรีของโลก เป็นดาวซัลโวพรีเมียร์ลีก และนักเตะยอดเยี่ยมทุกสถาบัน
เมื่อเสียนักเตะเกรดเอแบบนี้ ทำให้สโมสรต้องหากองหน้าสักคนมาแทนที่ และในที่สุดก็ตัดสินใจยื่นข้อเสนอซื้อตัวมาริโอ บาโลเตลลี่ หัวหอกวัย 24 ปี มาจากเอซี มิลาน
3
บาโลเตลลี่เป็นนักเตะที่เก่ง ทุกคนทราบตรงนี้ เขามีร่างกายแข็งแรง เทคนิคดี ยิงแม่น ยิงแรง ในวันที่เขาท็อปฟอร์ม ใครก็หยุดไม่อยู่
อย่างเช่น ในเกมยูโร 2012 รอบรองชนะเลิศ ที่อิตาลีชนะเยอรมัน เขายิงคนเดียว 2 ประตู ก่อนถอดเสื้อเบ่งกล้าม กลายเป็นมีมของโลกฟุตบอลในช่วงเวลานั้น
แต่ปัญหาของบาโลเตลลี่ คือเขามีดราม่าเยอะเกินไป ไม่ค่อยโฟกัสกับการซ้อม จนไม่สามารถรักษาฟอร์มที่สม่ำเสมอเอาไว้ได้
เคย์สึเกะ ฮอนดะ เพื่อนร่วมทีมที่เอซี มิลาน เล่าว่า "มาริโอมีพรสวรรค์อันยิ่งใหญ่ แต่เขาไม่คิดจะทำอะไรเพื่อให้มันพัฒนาขึ้นกว่าเดิมเลย ครั้งหนึ่งผมบอกเขาว่า 'มาริโอ เชื่อฉันนะ ถ้านายฝึกหนัก นายสามารถเป็นสุดยอดผู้เล่นแห่งยุคได้เลย' เขาก็ฟังที่ผมพูดนะ วันต่อมา เขาเข้ามาโรงยิม เพื่อฟิตร่างกายตั้งแต่ 40 นาที ก่อนรูทีนการซ้อม เขาทำแบบนั้นได้ 2 วัน พอวันที่ 3 เขาก็เลิก เพราะเบื่อ นั่นแหละมาริโอ"
เอซี มิลานขายบาโลเตลลี่ ในราคา 16 ล้านปอนด์ ขาดทุนจากตอนที่ซื้อมาจากแมนฯ ซิตี้ (19 ล้านปอนด์) มันก็พอเป็นสัญญาณได้แล้วว่า มิลานอยากรีบขายให้เร็วๆ เลย จะได้โละ Toxic ชิ้นนี้พ้นไปจากทีม
1
ลิเวอร์พูลเห็นสัญญาณเตือนดังอยู่ขนาดนั้น แต่พวกเขาก็ยังพร้อมจะเสี่ยง โดยคิดในแง่ดีว่า ถ้าหากปรับนิสัยของบาโลเตลลี่ได้ มันก็โอเคแล้วไม่ใช่หรอ?
25 สิงหาคม 2014 บาโลเตลลี่เซ็นสัญญา 5 ปี กับทีมหงส์แดง รับค่าเหนื่อยสัปดาห์ละ 110,000 ปอนด์
ตอนแฟนๆ ลิเวอร์พูลรู้ข่าวว่าได้ตัวบาโลเตลลี่ บรรยากาศก็ตื่นเต้นกันมาก เพราะแม้นักเตะจะเป็นตัวป่วน แต่เขาก็มีพรสวรรค์จริง ถ้าปรับให้เข้าร่องเข้ารอยได้ ทีมหงส์แดงก็จะมีกองหน้าเก่งๆ ไว้ใช้งานหนึ่งคน
แถม ณ เวลานั้น ลิเวอร์พูลมีผู้เล่นซีเนียร์อย่างสตีเว่น เจอร์ราร์ดอยู่ทั้งคน บาโลเตลลี่แสบยังไง ก็คงไว้หน้านักเตะระดับเลเจนด์แบบนั้นกันบ้างล่ะ
เมื่อย้ายทีมเรียบร้อย บาโลเตลลี่ให้สัมภาษณ์ในวันแรกอย่างมั่นใจว่า "ผมต้องการไปให้ไกลที่สุดในทุกๆ รายการ ผมอยากจะคว้าแชมเปี้ยนส์ลีกให้กับลิเวอร์พูล คือสมัยอยู่อินเตอร์ มิลาน ผมได้แชมป์ยุโรปมาครั้งหนึ่งก็จริง แต่ผมไม่ค่อยได้ลงเล่นมากนัก แต่คราวนี้มันจะไม่เหมือนเดิม"
สำหรับเบอร์เสื้อ บาโลเตลลี่ ยังคงเลือก 45 สาเหตุเพราะเป็นเรื่องโชคลาง ในสมัยเยาวชนที่อินเตอร์ มิลาน นักเตะจากอะคาเดมี่จะเลือกเบอร์ได้แค่ 36-50 ซึ่งบาโลเตลลี่จึงเลือก เบอร์ 45 เพราะ 4+5 ได้ 9 ซึ่งเป็นเบอร์ของกองหน้า แล้วพอใส่เบอร์ 45 เขาก็ยิงได้มาตลอด จึงชอบที่จะใส่เบอร์นี้ไม่เปลี่ยน
มิโน่ ไรโอล่า เอเยนต์ของบาโลเตลลี่ ย้ำให้เขาทำตัวดีๆ ที่ลิเวอร์พูล เพราะนี่อาจจะเป็นโอกาสสุดท้ายแล้ว ที่จะได้ลงเล่นกับทีมใหญ่ระดับแชมเปี้ยนส์ลีก สโมสรอื่นๆ เขาเอือมระอากันหมดแล้ว ไม่มีใครอยากเอานักเตะตัวปัญหามาอยู่กับทีม
47
ดังนั้นไรโอล่า ขอให้บาโลเตลลี่ อย่าเกเร อย่าทำตัวมีปัญหา และระเบิดฟอร์มออกมาในสนามให้ได้ในทุกสัปดาห์
1
แฟนบอลหงส์แดงโดยรวมๆ ชอบดีลนี้ หนังสือพิมพ์ลิเวอร์พูลเอ็คโค่ สำรวจกองเชียร์ท้องถิ่น ปรากฏว่า 85% มองว่าเป็นดีลที่ยอดเยี่ยม นักเตะของดี ราคาไม่แพง ขณะที่มาร์ก ลอว์เรนสัน กูรูฟุตบอลชื่อดังบอกว่า "บาโลเตลลี่คือนักเตะราคาประหยัด ความผิดพลาดที่ผ่านมาของเขา จะถูกทิ้งไว้เบื้องหลัง"
อย่างไรก็ตาม ฝั่งอิตาลีกลับมองตรงข้าม มาริโอ สคอนแซร์ติ นักข่าวจากคอร์ริเอเร่ เดลล่า เซร์ร่า เตือนลิเวอร์พูลว่า "บาโลเตลลี่ เป็นนักเตะที่แปลก เพราะเขาจะทำให้ผู้คนมีความสุขในวันแรกที่ซื้อเข้ามา แต่จะมีความสุขมากกว่า ในวันที่ทีมขายทิ้ง"
1
ฤดูกาล 2014-15 เริ่มต้นขึ้น ในช่วงแรกแฟนบอลลิเวอร์พูล ยังคงชื่นชอบบาโลเตลลี่ เพราะเขาเล่นได้ไม่เลว 16 กันยายน 2014 ในเกมยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก รอบแบ่งกลุ่มนัดแรก ลิเวอร์พูลชนะลูโดโกเร็ตซ์ จากบัลแกเรีย 2-1 บาโล ยิงได้ 1 ประตู วันนั้นเจอร์ราร์ดก็ยังชมว่าบาโลใช้โอกาสไม่เปลือง ทั้งเกมได้จบทีเดียวก็ยิงได้
แต่ปัญหาของบาโลเตลลี่ คือเป็นนักเตะที่อารมณ์สวิงมาก ถ้าไม่แฮปปี้อะไรนอกสนาม ก็จะเอาอารมณ์มาลงในสนามซ้อมด้วย ว่าง่ายๆ คือเป็นผู้เล่นที่ไม่มีความเป็นมืออาชีพมากพอ
1
หลังจากชนะลูโดโกเร็ตซ์ บาโลเตลลี่ทะเลาะอย่างรุนแรงกับแฟนสาว แฟนนี่ เนเกชา เพราะบาโลเตลลี่อยากให้ผู้หญิงเลิกไปทำงานแล้วมาอยู่ข้างๆ เขา เขาจะรับผิดชอบเรื่องค่าใช้จ่ายให้เอง
แต่เนเกชา ที่มีอาชีพเป็นแดนเซอร์ ไม่อยากเลิกทำงาน ไปๆ มาๆ หาทางออกไม่ได้ ก็เลยเลิกรากันไป
พอมีสิ่งเร้าจากข้างนอก เขาก็ทำตัวไม่น่ารักมากขึ้นเรื่อยๆ
30 กันยายน 2014 นักเตะหงส์แดงเดินทางไปที่สวิตเซอร์แลนด์ เพื่อลงแข่งแชมเปี้ยนส์ลีกเกมที่สอง เจอกับสโมสรบาเซิล เมื่อถึงช่วงหัวค่ำทุกคนก็เข้านอนกันตามปกติ
แต่ในคืนนั้น เพื่อนๆ ของบาโลเตลลี่ขับรถมาจากเมืองมิลาน เพื่อมานั่งคุยด้วย ไปๆ มาๆ ตอนตี 2 ก็ยังคุยกันอยู่ บาโลเตลลี่ไม่ยอมนอน แถมยังดูดบุหรี่ไปด้วย คือวันรุ่งขึ้นคุณจะแข่งแชมเปี้ยนส์ลีกอยู่แล้วแท้ๆ
วันต่อมา 1 ตุลาคม ลิเวอร์พูลลงสนามเจอบาเซิล แล้วแพ้ไป 1-0 บาโลเตลลี่เล่นได้แย่มากๆ ทั้งๆ ที่อยู่ในสนาม 90 นาที หลังจบเกมเจอร์ราร์ดด่าตรงๆ เลยว่า "เล่นด้วยฟอร์มที่สิ้นหวัง"
19 ตุลาคม 2014 ลิเวอร์พูลลงเล่นกับควีนสพาร์ก เรนเจอร์ส ที่ลอฟตัส โร้ด เกมนั้นหงส์แดงชนะ 3-2 ก็จริง แต่ฟอร์มของบาโลเตลลี่ถึงขั้นเลวร้ายมาก ลิเวอร์พูลมีจังหวะสวนกลับเร็ว บาโลเตลลี่ได้บอล เพื่อนๆ วิ่งไปรอรับบอลกันหมดแล้ว แต่บาโลเตลลี่ซัดเปรี้ยงข้ามคานออกไปเลย โดยไม่สนใจคนรอบข้าง จังหวะนั้นอดัม ลัลลาน่าถึงกับเงยหน้ามองฟ้า ด้วยความผิดหวัง
2
จากนั้นในครึ่งหลัง บาโลเตลลี่ก็ยังทำเป็นเล่น มีจังหวะตอกส้นแบบงงๆ ออกหลัง แถมยังไม่วิ่งไล่ ยืนค้ำหน้าเป้าเฉยๆ ขณะที่เพื่อนๆ ทั้งราฮีม สเตอร์ลิ่ง และ ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ เหนื่อยกันแทบตาย
จบเกม จอร์แดน เฮนเดอร์สัน และ อดัม ลัลลาน่า น็อตหลุด เดินไปด่าบาโลเตลลี่ ว่าเล่นฟุตบอลอะไรกัน นี่คือรอยร้าวที่เกิดขึ้นในทีมหงส์แดง
22 ตุลาคม 2014 บาโลเตลลี่ สร้างเรื่องอีก ในเกมแชมเปี้ยนส์ลีกนัดที่ 3 ทีมหงส์แดง โดนเรอัล มาดริด ขึ้นนำ 3-0 ในครึ่งแรก พอจบพักครึ่งเขาขอแลกเสื้อแข่งกับเปเป้ ทั้งๆ ที่ยังไม่จบเกมด้วยซ้ำ
นี่เป็นเรื่องที่แปลกประหลาดมาก คือทำไปทำไม เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ไม่พอใจ จึงเปลี่ยนตัวเอาบาโลเตลลี่ออกจากสนามทันที แล้วส่งลัลลาน่าลงเล่นแทน ก่อนจะด่าซ้ำหลังจบเกมว่า ไม่รู้ประเทศอื่นทำยังไง แต่ที่ลิเวอร์พูลไม่มีการแลกเสื้อกันระหว่างพักครึ่ง
ฟิล เนวิลล์ ด่าบาโลเตลลี่ว่า "ถ้าคุณตามหลังคู่แข่ง 3-0 ในแชมเปี้ยนส์ลีก สิ่งสุดท้ายที่คุณอยากเห็น คือนักเตะตัวเองไปขอแลกเสื้อกับนักเตะทีมตรงข้าม"
สิ่งที่บาโลเตลลี่สร้างขึ้นมาคือ "บรรยากาศของความไม่จริงจัง" เขาเป็นคนเล่นๆ ทุกอย่าง ซ้อมเล่นๆ ลงแข่งเล่นๆ ทำอะไรตามอารมณ์ ไม่มีวินัย และมันส่งผลต่อความรู้สึกโดยรวมของสโมสรด้วย
แหล่งข่าวจากลิเวอร์พูล ที่ไม่เปิดเผยชื่อ ระบุว่า "เพื่อนร่วมทีมไม่สามารถเชื่อใจเขาได้ แม้จะถูกขอให้ทำภารกิจที่เล็กน้อยแค่ไหนก็ตาม คือถ้าเพื่อนๆ ไม่เชื่อใจคุณแบบนี้ ก็เกมโอเวอร์แล้ว"
1
สมมุติว่าเพื่อนขอให้เล่นเกมรับ ไม่มีทางรู้เลยว่า บาโลเตลลี่จะยอมทำตามไหม หรือจะวิ่งไปซ้ายไปขวา ตามอารมณ์อินดี้ของตัวเอง
เดือนธันวาคม 2014 บาโลเตลลี่ หงุดหงิดเพื่อนตอนซ้อมที่เล่นพลาด ไม่รู้เขาอารมณ์ไหน อยู่ๆ ก็หวดบอลเปรี้ยง 50 หลา เข้าประตูตัวเองเฉยเลย เรื่องนี้ทำให้มามาดู ซาโก้ โมโหมาก จนทะเลาะกันในแคมป์ใหญ่โต เหตุการณ์นี้ทำให้บาโลเตลลี่ ไม่มีชื่อทั้งตัวจริง และตัวสำรอง ในเกมเจออาร์เซน่อล วันที่ 21 ธันวาคม
1
อีกเหตุการณ์หนึ่ง ที่เพื่อนร่วมทีมเซ็ง คือบาโลเตลลี่ บอกว่าร่างกายไม่สมบูรณ์ ขอเว้นการซ้อมหนึ่งเซสชั่น คนอื่นก็ไปซ้อมกันมา ปรากฏว่าจริงๆ บาโลเตลลี่ไปแอบซื้อโทรศัพท์ไอโฟนรุ่นใหม่ เขาแค่หาข้ออ้างโดดซ้อมเฉยๆ
1
ช่วงปลายปี 2014 บาโลเตลลี่ ซิ่งรถยนต์ด้วยความเร็ว 175 กิโลเมตร ในถนนสาย M62 โดนตำรวจจับได้ จนโดนแบนห้ามขับรถในอังกฤษช่วงหนึ่ง คือเห็นได้เลยว่า แม้แต่กฎระเบียบวินัยจราจรพื้นฐานเขายังทำไม่ได้
2
19 กุมภาพันธ์ 2015 ลิเวอร์พูลลงแข่งยูโรป้าลีก กับเบซิคตัส นาทีที่ 85 ทีมได้จุดโทษ จริงๆ เป็นหน้าที่ของจอร์แดน เฮนเดอร์สัน แต่บาโลเตลลี่แย่งบอลจากมือ แล้วขอยิงเอง ตอนนั้นแดเนียล สเตอร์ริดจ์ บอกว่าให้คืนบอลเฮนเดอร์สันไป แต่บาโลเตลลี่ไม่คืน
1
สุดท้ายเฮนเดอร์สันก็ให้ และบาโลเตลลี่ก็ยิงเข้า แต่มันก็ทำให้เห็นเลยว่า เขาไม่ได้เคารพกฎเกณฑ์อะไรเลย
จริงๆ ทุกคนพยายามเข้าใจมากๆ แล้ว ว่านักเตะต้องการเวลาในการปรับตัวกับลีกใหม่ และสงสารบาโลเตลลี่ด้วย ที่ต้องอยู่ไกลจากลูกสาวชื่อ เปีย ที่อยู่ในประเทศอิตาลี แต่พอเจอความไร้สาระซ้ำแล้ว ซ้ำเล่า น็อตมันก็หลุดเหมือนกัน
คือทำไมทุกคนในทีมต้องมารับมือกับอารมณ์ที่คาดเดาไม่ได้ขนาดนี้ด้วย อายุบาโลเตลลี่ก็ 24 แล้ว เป็นผู้ใหญ่ได้แล้ว ไม่ใช่ทำตัวเด็กๆ อยู่ตลอดเวลาแบบนี้
และที่สำคัญที่สุดคือเรื่องฟอร์มการเล่น ถ้าบาโลเตลลี่เล่นดี ยิงเยอะ แม้จะมีพฤติกรรมแย่ คนอื่นๆ อาจจะมองข้ามไปได้ แต่พอในสนามก็เล่นไม่ออก ไม่วิ่ง ไม่ตั้งใจเล่น ยิงได้น้อย บวกกับการสร้างปัญหานอกสนามบ่อยครั้ง ทำให้ร็อดเจอร์สและผู้เล่นในทีมก็หมดความอดทนในที่สุด
ในครึ่งฤดูกาลหลังของพรีเมียร์ลีก บาโลเตลลี่ ได้ลงตัวจริง 2 นัด สำรอง 4 นัด ที่เหลือคือไม่มีส่วนร่วม กลายเป็นคนที่ถูกเมินโดยสมบูรณ์
จริงอยู่เขามีอาการบาดเจ็บบ้าง เช่นเจ็บกล้ามเนื้อและเป็นหวัด แต่เหตุผลหลักจริงๆ ที่ไม่ได้ลง นั่นคือ ทีมเล่นดีกว่า เวลาเขาไม่อยู่
สรุปแล้วผลงานทั้งซีซั่น 2014-15 ที่ย้ายมาลิเวอร์พูล บาโลเตลลี่ได้เล่นในพรีเมียร์ลีก ทั้งหมด 16 นัด (ตัวจริง 10 สำรอง 6) ยิงได้แค่ 1 ประตู นี่เป็นผลงานที่เลวร้ายเกินบรรยาย สำหรับนักเตะราคา 16 ล้านปอนด์
สำนักข่าว เดลี่ เทเลกราฟ จัดอันดับบาโลเตลลี่เป็นการซื้อตัวแย่ที่สุดอันดับสองของพรีเมียร์ลีกในซีซั่นนั้น เป็นรองแค่อังเคล ดิ มาเรีย คนเดียวเท่านั้น
เดลี่ เทเลกราฟวิจารณ์ว่า "เหมือนคุณเอารถตุ๊กตุ๊กมาแทนที่เฟอร์รารี่" จะสื่อว่าบาโลเตลลี่ มีคุณภาพที่ต่ำเกินไป จนทดแทนซัวเรซไม่ได้เลย
เบรนแด็น ร็อดเจอร์ส เคยให้สัมภาษณ์ติดตลกว่า "ผมควรได้ค่าจ้างสองเท่า เพราะต้องมาเป็นโค้ชให้มาริโอ" คือแม้จะพูดขำๆ แต่ทุกคนรู้ว่าร็อดเจอร์สพูดความในใจของตัวเองออกมา
ท้ายที่สุดแล้ว ทีมหงส์แดงก็ยอมแพ้ ในช่วงซัมเมอร์ปี 2015 พวกเขาส่งบาโลเตลลี่คืนให้เอซี มิลาน จากนั้นในปี 2016 ก็ยอมฉีกสัญญาปล่อยให้บาโลเตลลี่ย้ายไปสโมสรนีซ ได้ฟรีๆ แบบไม่มีค่าตัว
ท้ายที่สุดแล้ว 16 ล้านปอนด์ ที่เหมือนจะเป็นราคาที่ไม่แพง แต่ก็ละลายหายไปเลย ไม่มีอะไรตอบแทนคืนกลับมา นอกจากความปั่นป่วนที่เขาทิ้งไว้
3
ฤดูกาลที่มีซัวเรซ เป็นกองหน้าตัวเป้า ลิเวอร์พูลยิงได้ 101 ลูกในลีก แต่พอซีซั่นต่อมาที่เป็นบาโลเตลลี่ ทีมยิงได้ 52 ลูกในลีก ลดลงไปครึ่งหนึ่ง
คือเสียซัวเรซก็แย่แล้ว แต่พอมาแทนที่ด้วยตัวปัญหาแบบนี้ ทุกอย่างยิ่งเลวร้ายกว่าเดิมอีกมากเลยทีเดียว
หลังจากบาโลเตลลี่ ลิเวอร์พูลก็เข็ดกับนักเตะจากอิตาลี ไม่ซื้อใครมาเสริมทัพอีกเลยแม้แต่คนเดียว จนมาถึงเฟเดริโก้ เคียซ่า ในวันนี้ด้วยราคา 10.9 ล้านปอนด์ (13 ล้านยูโร)
1
สิ่งที่คล้ายกัน ของเคียซ่า กับ บาโลเตลลี่ คือย้ายมาในราคาที่ย่อมเยามากๆ เหมือนกัน (บาโลเตลลี่ 16 ล้านปอนด์, เคียซ่า 10.9 ล้านปอนด์) รวมถึงย้ายมาในอายุที่ไม่เยอะนัก (บาโลเตลลี่ 24 , เคียซ่า 26) และเป็นผู้เล่นตำแหน่งใกล้กันคือตัวรุก
ต้องมาดูกันว่า เคียซ่า จะลงเอยเหมือนบาโลเตลลี่หรือไม่ หรือว่าจะสร้างความพิเศษได้มากกว่านั้น และล้างคำสาปนักเตะอิตาเลียนในแอนฟิลด์ได้เสียที
สำหรับบาโลเตลลี่นั้น ปัจจุบันอายุ 34 ปี ยังไม่ได้แขวนสตั๊ด แต่ไม่มีสโมสรไหนจ้างงานเขาแล้ว
แน่นอน บาโลเตลลี่คือนักเตะที่มีพรสวรรค์มากที่สุดคนหนึ่ง โค้ชและผู้เล่นหลายคนก็ยอมรับเขามีเทคนิคดี ร่างกายก็แข็งแรง แต่กลับไม่สามารถต่อยอดจากสิ่งที่ตัวเองมีมาแต่กำเนิดได้ จนสุดท้ายร่วงโรย ไม่สามารถก้าวไปสู่ความยิ่งใหญ่ได้
คิดเล่นๆ ว่าถ้าหากในอดีต เขาตั้งใจซ้อม ทำตัวดีๆ ไม่สร้างปัญหา พัฒนาตัวเองไปเรื่อยๆ ให้เก่งที่สุดเท่าที่จะเก่งได้ อยากรู้เหมือนกันว่าจะไปได้สูงขนาดไหน
แต่ก็น่าเสียดาย ที่สิ่งนั้นไม่มีวันเกิดขึ้น เป็นแค่จินตนาการเฉยๆ
และภาพจำของแฟนบอลยุคใหม่ เวลาคิดถึงเขา ก็เป็นแค่นักเตะอินดี้จอมสร้างปัญหาเท่านั้นเอง
#ITALIANDISASTER
โฆษณา