Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
วิเคราะห์บอลจริงจัง
ยืนยันแล้ว
•
ติดตาม
30 ส.ค. 2024 เวลา 02:18 • กีฬา
อำลาสเวน-โกรัน เอริคส์สัน กับตำนานคลาสสิคแชมป์เซเรียอา ในยุคที่ยากที่สุด
สโมสรที่รักและผูกพันกับสเวน-โกรัน เอริคส์สัน มากที่สุด คือลาซิโอ
1
เมื่อเราพูดถึง ลาซิโอ จะทราบดีว่า นี่คือสโมสรที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของอิตาลี ในปัจจุบันพวกเขามีอายุ 124 ปี
ลาซิโอ มีกองเชียร์หนาแน่น มีคนดังมากมายที่เป็นแฟนพันธุ์แท้ของสโมสร เช่น เบนิโต้ มุสโสลินี อดีตผู้นำเผด็จการ หรือ รัสเซลล์ โครว นักแสดงรางวัลออสการ์ เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม ถ้าพูดถึงเรื่องผลงานในสนาม ต้องยอมรับว่า ลาซิโอ เป็นทีมใหญ่ ที่มีความสำเร็จน้อยมาก พวกเขาเคยได้แชมป์ลีกสูงสุดของอิตาลีเพียงแค่ 2 ครั้งเท่านั้น คือฤดูกาล 1973-74 และ 1999-00
แต่แม้จะน้อยครั้ง การได้แชมป์ของพวกเขา โดยเฉพาะในฤดูกาล 1999-00 ถือว่าเป็นความมหัศจรรย์อย่างยิ่ง
สาเหตุเพราะในยุคนั้น ฟุตบอลอิตาลีถูกเรียกว่า ยุคสมัยแห่ง 7 สาวน้อย (The Seven Sisters)
7 สาวน้อย หมายถึง 7 สโมสร ที่มีนักเตะเกรดเอของโลก มาอยู่รวมกัน นั่นคือ ยูเวนตุส, เอซี มิลาน, อินเตอร์ มิลาน, ฟิออเรนติน่า, ปาร์ม่า, โรม่า และ ลาซิโอ
ยุค 1990s เซเรียอา คือจุดหมายปลายทางของนักฟุตบอลระดับโลก ถ้าคุณอยากเป็น The Best คุณต้องมาเล่นที่อิตาลี
1
ลองคิดดูว่าช่วงนั้น ยูเวนตุส มีซีเนอดีน ซีดาน, เอซี มิลาน มีอันเดร เชฟเชนโก้, อินเตอร์ มิลาน มีโรนัลโด้, ฟิออเรนติน่า มีกาเบรียล บาติสตูต้า, ปาร์ม่า มีเฮอร์นัน เครสโป และ โรม่ามีฟรานเชสโก้ ต๊อตติ แต่ละทีมมีตัวท็อปของโลกเดินชนกันเพียบ แต่ลาซิโอ สามารถเอาชนะทุกทีมทั้งหมด แล้วก้าวไปเป็นแชมป์ลีกได้ แสดงให้เห็นว่าพวกเขาสุดยอดขนาดไหน
การคว้าแชมป์ของลาซิโอ มีจุดเริ่มต้นมาจากการเทกโอเวอร์ของ แซร์โจ้ ครันย็อตติ นักธุรกิจเจ้าของแบรนด์ Cirio ในเดือนธันวาคม 1993 จากนั้นก็เอาลาซิโอเข้าตลาดหุ้นเป็นทีมแรกของอิตาลี
เมื่อได้เงินทุนจำนวนมหาศาล ครันย็อตติจึงเดินหน้าซื้อนักเตะระดับท็อปเข้ามาร่วมทีมด้วย เพื่อเป้าหมายคือคว้าแชมป์ลีกให้ได้
ตัวผู้เล่นของลาซิโอ อยู่ในระดับออลสตาร์ องค์ประกอบดีมากๆ และกลายเป็นทีมลุ้นแชมป์เต็มตัว
แต่แน่นอน การมีนักเตะดีๆ อยู่รวมกัน ไม่ได้แปลว่าคุณจะได้แชมป์ เพราะทีมอื่นก็มีตัวเก่งๆ เช่นกัน
มันจึงจำเป็นมากๆ ที่คุณต้องมีโค้ชที่เก่งกาจและหลอมรวมผู้เล่นทุกคนให้เล่นฟุตบอลในแนวทางที่ถูกต้อง
และนั่นคือเหตุผลที่ในปี 1997 ครันย็อตติ ไปถึงตัวสเวน-โกรัน เอริคส์สัน ผู้จัดการทีมชาวสวีเดน วัย 49 ปี จากซามพ์โดเรีย เข้ามาเป็นบอสใหญ่คนใหม่
สเวน เป็นคนที่คลั่งไคล้ในเกมฟุตบอลอย่างมาก มีเรื่องเล่าคลาสสิค คือที่สวีเดนถ้าคุณอยากได้โปรไลเซนส์ ต้องมาเข้าคอร์สอบรมโค้ช และในวันหนึ่ง ที่สเวนต้องเข้าพิธีวิวาห์กับแฟนสาว เขามางานแต่งของตัวเองสาย เพราะต้องไปอบรมโค้ชในช่วงเช้า คือพยายามรีบมาให้ทันงานแล้ว แต่ก็ไม่ทัน
ไม่รู้ว่าเจ้าสาวโกรธหรือไม่ แต่เรื่องนี้ก็แสดงให้เห็นได้ชัดเจนเลยว่า เขามีแพสชั่นกับการเป็นโค้ชฟุตบอลมากขนาดไหน
ในการสอบไลเซนส์ที่สวีเดน ผู้เข้าเรียนต้องส่งสารนิพนธ์กับสมาคมฟุตบอลฯ โดยสเวน ทำเรื่อง "ข้อได้เปรียบของการเล่นแผน 4-4-2 การใช้กองหน้าช่วยเพรสซิ่ง และการใช้กองหลังดันขึ้นสูง"
2
สิ่งที่สะท้อนจากสารนิพนธ์ฉบับนั้น คือสเวนไม่ชอบเล่นฟุตบอลเกมรับ ไม่ชอบให้กองหลังถอยต่ำเกินไป ในลักษณะยืนออในกรอบเขตโทษ แต่อยากให้กองหลังของตัวเองดันขึ้นสูง เพื่อไปกดดันคู่แข่งมากกว่า
ในโลกของฟุตบอลยุค 1980s และ 1990s วิธีเล่นเกมรับยอดนิยมของเซเรีย อา คือให้กองหลังยืนแบบ แมน มาร์กกิ้ง (ประกบตัว)
อธิบายคือ นักเตะแต่ละคน จะมีหน้าที่ชัดเจนไปเลยว่าต้องประกบใคร
- แบ็กซ้าย ประกบปีกขวาของคู่แข่ง
- แบ็กขวา ประกบปีกซ้ายของคู่แข่ง
- เซ็นเตอร์แบ็ก แยกประกบ คู่กองหน้าของคู่แข่ง
แต่สเวนเป็นคนที่เชื่อว่า การเล่นเกมรับที่ดีกว่า แมน มาร์กกิ้ง คือระบบโซนัล มาร์กกิ้ง (คุมโซน) กองหลังแต่ละคน ไม่จำเป็นต้องมีคู่ประกบ ไม่ต้องวิ่งตามใคร แต่คุมพื้นที่ของตัวเองไว้ก็พอแล้ว
ในระบบแมน มาร์กกิ้ง กองหลังต้องมีร่างกายแข็งแกร่ง เข้าบอลหนัก เพราะต้องดวล 1 ต่อ 1 กับคู่ต่อสู้ตลอดเวลา
แต่สเวน ที่ใช้ระบบคุมโซน มองว่ากองหลังในอุดมคติของเขา ไม่จำเป็นต้องเข้าบอลหนักก็ได้ ไม่ต้องประกบติดกับคู่แข่งขนาดนั้น ขอแค่คุณอ่านเกมเก่ง และมีส่วนร่วมกับเกมรุกได้ก็จะดีมาก
ในฤดูกาล 1999-00 ซีซั่นที่ลาซิโอได้แชมป์ สเวนได้ส่วนผสมของคู่เซ็นเตอร์แบ็กที่ลงตัวที่สุด นั่นคือ ซินิซ่า มิไฮโลวิช และ อเลสซานโดร เนสต้า
ปี 1994 ตอนที่สเวนคุมซามพ์โดเรีย เขาซื้อตัวซินิซ่า มิไฮโลวิช สตาร์ชาวยูโกสลาเวียมาเสริมทัพ และพอย้ายมาคุมลาซิโอ ก็ซื้อตัวมิไฮโลวิชมาร่วมทีมด้วยอีกหน ถือเป็นขุนพลคู่บุญเลยก็ว่าได้
มิไฮโลวิชในอดีตเล่นปีกซ้าย แต่สเวนปรับตำแหน่งให้มายืนแบ็กซ้าย ก่อนจะขยับมาเล่นเซ็นเตอร์แบ็ก
คือสเวนพิจารณาแล้ว คิดว่าทักษะของมิไฮโลวิช ที่ไม่เร็วมาก แต่อ่านเกมเก่ง เหมาะกับการยืนกองหลังตัวกลางมากกว่า
ตอนแรกมิไฮโลวิชไม่พอใจที่ได้เล่นตำแหน่งไม่ถนัด สเวนเล่าว่า "ผมบอกเขาว่า 'ซินิซ่า นายไม่ใช่ปีกหรอกนะ นายไม่ใช่ตัวรุก แต่นายเป็นกองหลังต่างหาก' เขาตอบสวนมาว่า 'ไม่ใช่' คือซินิซ่าเป็นคนที่ดื้อมาก ไม่ยอมทำในสิ่งที่คุณบอกง่ายๆ"
แต่สุดท้ายเมื่อโค้ชสั่ง มิไฮโลวิชก็ต้องเล่น ไปๆ มาๆ กลับเป็นตำแหน่งที่เขาเล่นได้ดีที่สุดในชีวิต และกลายเป็นเซ็นเตอร์แบ็กที่มีสถิติสร้างสรรค์โอกาสให้เพื่อนได้มากที่สุดในเซเรีย อา
จุดแข็งอีกหนึ่งอย่างของมิไฮโลวิช ที่มีประโยชน์มากกับทีม คือลูกฟรีคิกปลิดวิญญาณ เขาคือนักเตะไม่กี่คนบนโลก ที่ยิงแฮตทริกได้จากฟรีคิก โดยเหตุการณ์นี้ เกิดขึ้นในเกมที่ลาซิโอ ชนะ ซามพ์โดเรีย 5-2 ในฤดูกาล 1998-99
คู่ของมิไฮโลวิชที่ยืนคู่กัน คือ อเลสซานโดร เนสต้า กัปตันทีมลาซิโอในซีซั่นแชมป์ ตอนนั้นเขามีอายุ 23 ปีเท่านั้น
เนสต้าไม่ได้มีจุดแข็งที่ลูกกลางอากาศ ในช่วงที่เล่นให้ลาซิโอเกือบ 200 นัด เขาไม่เคยทำประตูจากลูกโหม่งได้เลย
แต่จุดเด่นของเนสต้า คืออ่านเกมเก่ง เล่นบอลบนพื้นได้ดี และสกัดบอลได้บ่อยมาก ทั้งๆ ที่ไม่ได้เล่นเกมหนัก สไตล์คล้ายๆ กับฟรังโก้ บาเรซี่
สิ่งที่สเวนสอนเนสต้าคือ คุณไม่จำเป็นต้องเข้าบอลดุดัน แต่ใช้ไหวพริบในการแย่งบอลก็พอ ซึ่งเมื่อเนสต้าจับจุดได้ เขากล่าวว่า "มันเยี่ยมไปเลยนะ ที่เราหยุดยั้งคู่แข่งได้ โดยไม่ต้องเล่นแรง การเอาชนะได้โดยใช้แค่ไหวพริบ ทำให้ผมรู้สึกสะใจมาก"
สเวน คือคนที่เนสต้าศรัทธาเสมอ เขาเคยกล่าวตอนเล่นอยู่กับลาซิโอว่า "ผมมีความฝันสองอย่างในตอนนี้ อย่างแรกคือเล่นให้ลาซิโอไปจนรีไทร์ และอย่างที่สองคือเล่นให้สเวน-โกรัน เอริคส์สันไปตลอดชีวิต"
ถ้าเราสังเกตจะเห็นว่า แผน 4-4-2 ของสเวนที่ใช้กับลาซิโอ เขาไม่ต้องการใช้เซ็นเตอร์แบ็กตัวชน หรือที่เรียกว่า Stopper
มิไฮโลวิช เป็นกองหลังตัวบุก ส่วนเนสต้าเป็นสายชั้นเชิงรอซ้อน นี่ก็ถือเป็นไอเดียใหม่ๆ ในวงการฟุตบอล และทำให้เห็นว่า เซ็นเตอร์แบ็กมีหลายประเภท ไม่จำเป็นต้องมีสไตล์ดั้งเดิมแบบ Stopper ก็ทำให้คุณชนะได้เหมือนกัน
กองหลังแข็งแกร่งและลงตัว เช่นเดียวกับกองกลางที่ปึ้กมากๆ ลาซิโอชุดนั้นไม่มีจุดอ่อนเลย
พาเวล เน็ดเว็ด, ดีเอโก้ ซิมิโอเน่, เดยัน สแตนโควิช, ฮวน เซบาสเตียน เวรอน และแซร์โจ้ คอนไซเซา ทุกคนอยู่ในฟอร์มพีก กำลังเล่นได้ดี
ขณะที่กองหน้านั้น ด้วยแผน 4-4-2 ที่ใช้กองหน้า 2 คน ทำให้สเวน ตัดสินใจเลือกโรเทชั่น ไม่การันตีตำแหน่งให้ใครเลย แต่หมุนเวียนไปเรื่อยๆ ตามแต่ฟอร์มในการซ้อม
ด้วยวิธีคิดแบบนี้ ทำให้นักเตะในทีมแข่งขันกันเต็มที่ กองหน้า 5 คน แย่งชิงกันเพื่อโอกาสลงสนาม
มาร์เซโล ซาลาส (ตัวจริง 26 นัด), อเล็น บ็อคซิช (ตัวจริง 15 นัด), ซิโมเน่ อินซากี้ (ตัวจริง 10 นัด), โรแบร์โต้ มันชินี่ (ตัวจริง 8 นัด) และ ฟาบริซิโอ ราวาเนลลี่ (ตัวจริง 5 นัด) ก็ถือว่ากระจายๆ กันลงเล่น ไม่มีใครผูกขาดคนเดียว
ความอันตรายของลาซิโอในช่วงเวลานั้น นอกจากนักเตะที่ครบเครื่องแล้ว พวกเขายังมีโค้ชที่เก่งกาจเรื่องแท็กติกอย่างสเวนด้วย
ทีมอื่นๆ ในลีก ใช้ระบบ 3-4-1-2 กันหมด ใช้สามเซ็นเตอร์แบ็กแบบดั้งเดิม และใช้ผู้เล่นตำแหน่ง เบอร์ 10 หรือ เตรควาร์ติสต้า
แต่สเวน เลือกใช้ 4-4-2 แบบหน้ากระดาน และไม่มีเพลย์เมกเกอร์ที่กำหนดเกม อย่างซีดาน, บาจโจ้ หรือ รุย คอสต้า แบบทีมอื่นๆ
การเจอแผนใหม่ๆ ที่ไม่ค่อยมีคนใช้ ทำให้คู่แข่งรับมือได้ยาก เพราะไม่คุ้นเคย
นอกจากนั้น สเวน ยังแก้เกมจาก 4-4-2 เป็น 4-5-1 อยู่บ่อย บางทีก็ห้อยมาร์เซโล่ ซาลาสไว้คนเดียว ในยามที่เจอคู่แข่งเก่งๆ ต้องมีกองกลางมาเสริมเพื่อให้มิดฟิลด์แน่นขึ้น
ในเซเรีย อา ฤดูกาล 1999-00 ครึ่งซีซั่นแรก ฟิออเรนติน่ามาแรงมาก แต่พอบาติสตูต้าบาดเจ็บ และเอ็ดมุนโด้ กองหน้าอีกคนฉีกสัญญากับทีม เพราะสโมสรไม่ยอมปล่อยให้ไปเที่ยวงานคาร์นิวาลที่บราซิล ทำให้ฟิออเรนติน่าค่อยๆ แผ่วไป จนเหลือม้าสองตัวที่ชิงชัยกัน คือลาซิโอ กับ ยูเวนตุส
ลาซิโอเล่นได้ดี แต่คู่แข่งอย่างยูเวนตุส ก็สุดยอดไม่แพ้กัน เกมรุกที่นำโดย ซีเนอดีน ซีดาน, อเลสซานโดร เดล ปิเอโร่ และ ฟิลิปโป้ อินซากี้ ยิงได้ต่อเนื่อง ส่วนเกมรับที่มี เอ็ดวิน ฟาน เดอ ซาร์ และ เปาโล มอนเตโร่ ก็แกร่งมาก
ยูเวนตุส นำเป็นจ่าฝูง แต่ลาซิโอก็ไล่จี้ตามโดยไม่ลดละ ในที่สุดก็บี้กันจนถึงเกมนัดที่ 34 ซึ่งเป็นนัดสุดท้ายของฤดูกาล
ยูเวนตุส จ่าฝูง มี 71 แต้ม จะออกไปเยือนเปรูจา ทีมอันดับ 13 ของลีก ที่รอดตกชั้นไปแล้ว
ส่วนลาซิโอ มี 69 แต้ม จะเปิดบ้านเจอเรจจิน่า ทีมอันดับ 12 ที่รอดตกชั้นแล้วเช่นกัน
ถ้ามองกันจริงๆ โอกาสที่ยูเว่ จะได้แชมป์ก็มีมากกว่า เพราะเปรูจาไม่มีอะไรต้องลุ้นแล้ว แค่เล่นให้ครบตามโปรแกรมเฉยๆ
อย่างไรก็ตาม ฝั่งลาซิโอ ก็ไม่สามารถทำอะไรได้ พวกเขาต้องเอาชนะเรจจิน่าให้ได้ก่อน แล้วภาวนาให้สวรรค์ช่วย ขอให้เปรูจาไม่แพ้ยูเว่
สเวนจัดแผนด้วยการส่งตัวรุกมาเต็มสูบ ใช้ผู้เล่นหมายเลข 10 ลงเล่นพร้อมกัน 3 ตัว คือฮวน เวรอน, พาเวล เน็ดเว็ด และ โรแบร์โต้ มันชินี่ ยืนอยู่ด้านหลังคู่หน้า ซิโมเน่ อินซากี้ กับ มาร์เซโล่ ซาลาส คือสเวนกะเอาเรจจิน่าให้ตาย
4
วันอาทิตย์ที่ 14 พฤษภาคม 2000 เวลา 17.00 น. สองสนามเริ่มแข่งพร้อมกัน
ใน 45 นาทีแรก ลาซิโอ นำเรจจิน่า 2-0 ได้ประตูจากจุดโทษของอินซากี้ และ จุดโทษของเวรอน ขณะที่ยูเวนตุสยังไม่สามารถขึ้นนำเปรูจาได้ เสมอ 0-0
เปรูจาเล่นดีมากกว่าที่คิด เกมรับที่นำโดยมาร์โก มาเตรัซซี่แข็งแกร่งจนยูเว่เจาะไม่เข้า ซึ่งถือว่าเซอร์ไพรส์ เพราะเปรูจาไม่มีลุ้นอะไรแล้ว แต่เล่นด้วยศักดิ์ศรี ไม่ยอมให้ยูเว่บุกมาคว้าแชมป์ในบ้านตัวเองได้
พอช่วงพักครึ่ง เกิดเหตุสำคัญขึ้น เมื่อสนามของเปรูจา ฝนตกหนักมากจนมีน้ำขังเล่นบอลได้ยากมาก แมตช์คอมมิชชันเนอร์ เรียกกัปตันสองฝั่งมาคุยกัน แล้วบอกว่า อาจจะขอเลื่อนไปแข่งวันอื่น เพราะสนามเล่นฟุตบอลไม่ได้แล้ว
ฝั่งยูเว่ก็โอเค เพราะวันนี้เล่นไม่ออกเลย เอาไว้กลับมาแข่งวันหลัง เปรูจาตอนนั้น อาจจะ "ผีออก" แล้วก็ได้
ส่วนฝั่งเปรูจายังไงก็ได้ ยังไงก็แข่งในบ้านตัวเอง จะเลื่อนไปวันสองวัน ก็ไม่มีปัญหา
อย่างไรก็ตาม หนึ่งคนที่ไม่ยอมให้มีการเลื่อน คือปิแอร์ลุยจิ คอลลิน่า กรรมการหลักในเกมนั้น ที่ยืนยันว่า เกมนัดสุดท้าย ต้องแข่งจบพร้อมกันทั้งลีก จะมีทีมหนึ่งไปแข่งทีหลังไม่ได้
4
ถ้าไม่ปล่อยให้แข่งจบวันเดียวกัน คุณจะรู้ได้ไงว่า อาจมีการแอบล็อบบี้กันภายหลังก็ได้ ดังนั้น คอลลิน่ายืนยันว่าเกมต้องจบในวันนี้ เลื่อนไมได้
คอลลิน่า ณ เวลานั้น คือกรรมการที่โด่งดังที่สุดในโลก คำพูดของเขามีพาวเวอร์มากพอ ดังนั้นแมตช์คอมฯ จึงรับฟัง และให้นักเตะทั้งสองทีมให้อยู่ต่อ ก่อนที่สตาฟฟ์ของเปรูจา จะไปช่วยกันรีดน้ำที่ขังอยู่เพื่อให้พอแข่งได้
สรุปแล้ว การรีดน้ำก็สำเร็จ แต่การแข่งก็ดีเลย์ไป 71 นาที
ที่สนามลาซิโอ เกมจบแล้ว ลาซิโอได้ประตู 3-0 จากดีเอโก้ ซิมิโอเน่ พลิกสถานการณ์ขึ้นนำเป็นจ่าฝูงได้สำเร็จ สิ่งที่พวกเขารอ คือการแข่งคู่เปรูจา กับ ยูเวนตุส จะจบลงอย่างไรแค่นั้น
ถ้ายูเว่ชนะ - ยูเว่แชมป์
ถ้ายูเว่เสมอ - เตะเพลย์ออฟหาแชมป์
ถ้ายูเว่แพ้ - ลาซิโอแชมป์
พอกลับมาลงสนามหลังจากดีเลย์ไป 71 นาที นักเตะยูเวนตุสที่พักนานเกิน ปรับโฟกัสไม่ได้ พวกเขาพลาดท่าโดนเปรูจา นำ 1-0 จากอเลสซานโดร คาโลรี่
จากนั้นยูเว่ก็ยิ่งเล่นยิ่งลนลาน จานลูก้า ซัมบร็อตต้าโดนใบแดงไปอีก เหลือแค่ 10 คนเท่านั้น
ยูเว่พยายามแล้ว แต่ก็เจาะไม่ได้ แพ้ไป 1-0
นั่นหมายความว่าอันดับบนตารางคะแนนเซเรีย อา 1999-20 ลาซิโอ ปาดหน้าคว้าแชมป์ไปอย่างสุดระทึก โดยมี 72 แต้ม ส่วนยูเว่มี 71 แต้ม
พอจบเกมนั้น ซัมบร็อตต้าร้องไห้อย่างไม่อายใคร ส่วนเดล ปิเอโร่ ก็ไม่ยอมคุยกับสื่อมวลชนแล้วเดินเข้าห้องพักไปเลยด้วยความเจ็บใจ พวกเขานำเป็นจ่าฝูงมาตลอด 3 เดือนเต็ม แต่มาโดนปาดหน้าแย่งแชมป์ในนัดสุดท้ายเฉยเลย
ภาพตัดกลับมาที่กรุงโรม ลาซิโอที่แข่งจบไปก่อน นั่งรอลุ้นผลอยู่เงียบๆ ในห้องแต่งตัว
สเวน เล่าว่า "เราทุกคนนั่งอยู่ด้วยกัน ฟังวิทยุรายงานสดผลอีกสนาม ส่วนใหญ่ไม่มีใครอาบน้ำ ไม่มีใครเปลี่ยนเสื้อผ้า อย่างซิมิโอเน่ เขานั่งอยู่ในมุมของตัวเอง ไม่ขยับตัวเลยตลอด 45 นาที ส่วนผมเดินไป เดินมา ใจกังวลตลอด นาทีนั้นก็ได้แต่ภาวนา"
เมื่อทราบผลการแข่งขัน ทุกคนเฉลิมฉลองกันอย่างสะใจ สตาฟฟ์สโมสรร้องไห้ ในที่สุด ลาซิโอก็คว้าแชมป์ลีกครั้งแรกในรอบ 26 ปี นี่คือโมเมนต์ที่ยิ่งใหญ่มากๆ ของสโมสร
สเวน ให้สัมภาษณ์ว่า "มันคงยากนะ ที่จะเขียนสคริปต์ให้ระทึกใจได้มากขนาดนี้ ไม่เคยมีฟุตบอลลีกไหน ที่ในวันสุดท้าย คุณต้องนั่ง 45 นาทีรอผลของอีกสนามหรอก"
เมื่อได้แชมป์ นักเตะลาซิโอฉลองอย่างบ้าคลั่งตลอดคืนวันอาทิตย์ วันจันทร์ และ อังคาร โดยไม่ทันนึกเลยว่า วันพุธ จะมีโปรแกรมโคปป้า อิตาเลีย รอบชิงชนะเลิศกับอินเตอร์ มิลาน
สเวนบอกว่า "ตอนนั้นผมคิดในใจว่า ขอฉลองเถอะ เราได้แชมป์ลีกแล้ว จะแพ้นัดชิงโคปปาอิตาเลีย ก็ช่างมัน แต่ปรากฏว่าเราเตรียมตัวแค่ 1 วัน ก็ยังสามารถเอาชนะอินเตอร์ ของมาร์เซโล่ ลิปปี้ได้ แสดงให้เห็นเลยว่าลาซิโอที่เราสร้างขึ้นมา เป็นทีมที่จิตใจแข็งแกร่งของจริง"
การพาลาซิโอได้ดับเบิ้ลแชมป์ ทำให้สเตตัสของสเวน ถือว่าเป็นคนสำคัญของแฟนบอลเสมอมา
"รู้ไหมว่าทุกครั้งที่ผมกลับไปกรุงโรม ผู้คนยังจำผมได้นะ เวลาผมไปกินร้านอาหารที่ไหน ไม่เคยได้จ่ายเงินเองเลย คือนี่เป็นคาแรคเตอร์ของคนอิตาเลียนมากๆ ถ้าคุณได้แชมป์แล้วครั้งหนึ่ง พวกเขาจะจดจำคุณตลอดไป"
มีนักข่าวเคยถามว่า เคล็ดลับความสำเร็จของลาซิโอ ในฤดูกาลนั้นคืออะไร ตัวสเวน ยกเครดิตทั้งหมดให้ลูกทีม
เขาอธิบายว่า "เรามีโรแบร์โต้ มันชินี่ ที่เป็นอัจฉริยะ เขามองเห็นสิ่งต่างๆ ล่วงหน้า ผมไม่แปลกใจเลยที่เขาจะเป็นโค้ชที่ประสบความสำเร็จในอนาคต"
"เรามีกองหน้าอย่างมาร์เซโล่ ซาลาส รู้ไหมว่าตอนแรก ประธานสโมสรอยากได้กาเบรียล บาติสตูต้ามากกว่า แต่ฟิออเรนติน่าตั้งราคาที่สูงมาก เราเลยไปคว้าตัวซาลาสแทน ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้ ก็ออกมาดีมากๆ"
"การซื้อตัวต่างๆ ก็ทำได้ดี ผมบอกประธานสโมสรตั้งแต่วันแรกแล้วว่า ถ้าคุณซื้อตัวนักเตะ 3 คนมาให้ผมพร้อมกัน คือมันชินี่ มิไฮโลวิช และ เวรอน เราจะได้แชมป์แน่นอน ซึ่งพอเขาซื้อมาครบ เราก็ได้แชมป์จริงๆ"
2
"เวรอน เป็นนักเตะที่ยอดเยี่ยม เขามีหน้าที่เหมือนเป็นโค้ชอีกคนในสนาม เขากล้าที่จะสั่งผู้เล่นคนอื่น ให้ทำสิ่งนี้ สิ่งนั้น เป็นคนที่จะช่วยคุณได้เยอะมาก"
"นอกจากนั้น เราก็มีผู้เล่นที่พุ่งขึ้นมาแบบเซอร์ไพรส์ อย่างซิโมเน่ อินซากี้ ที่อายุน้อยแต่เล่นดีมาก หรือแซร์โจ้ คอนไซเซา ที่ได้ตัวมาจากปอร์โต้ คนนี้ก็เล่นดีมากเช่นกัน รวมถึง ดีเอโก้ ซิเมโอเน่ ที่เข้าใจแท็กติกเป็นอย่างดี เขาไม่ใช่นักเตะที่เก่งที่สุด แต่เป็นนักสู้ที่มีความสำคัญมากๆ กับทีม"
1
อย่างไรก็ตาม ในข้อเท็จจริงนั้น ต่อให้มีนักเตะดีแค่ไหน ถ้าโค้ชไม่เก่งพอ ก็ไม่สามารถพาทีมไปสู่ความสำเร็จได้ สเวนก็คู่ควรกับเครดิตเช่นเดียวกัน
- การเป็นทีมเดียวใน 7 สาวน้อย ที่ใช้ 4-4-2 แทนที่จะใช้แผนพิมพ์นิยมของอิตาลี 3-4-1-2
- การเชื่อมั่นว่ากองหลังที่ดี ไม่ต้องเข้าบอลหนัก ไม่ต้องเสียบให้อีกฝ่ายขาแข้งหัก ซึ่งในอนาคต เทรนด์ของฟุตบอลก็จะนิยมกองหลังสไตล์นี้
- การวางแท็กติกที่เปลี่ยนไปเรื่อยๆ ในแต่ละเกม ทำให้คู่แข่งจับทางยาก
- การรวมพลังใจนักเตะให้ไม่ยอมแพ้ยูเวนตุส แม้จะมีแต้มตามหลังอยู่นาน 3 เดือนเต็มก็ตาม ถ้าเขาถอดใจ ก็คงหมดลุ้นแชมป์ไปนานแล้ว
สเวนอยู่กับลาซิโอ 4 ปี ก็ย้ายไปรับงานผู้จัดการทีมชาติอังกฤษ ถือเป็นสเต็ปต่อไปของอาชีพ
แต่สิ่งที่เขาสร้างไว้ให้ลาซิโอตลอดช่วงเวลาที่ทำาน คือถ้วยแชมป์มากถึง 7 ใบ ไม่เคยมีโค้ชคนไหนของสโมสร ที่จะทำแชมป์ได้มากขนาดนี้ ดังนั้นไม่ว่าเมื่อไหร่ สเวนก็จะเป็นฮีโร่ของทีมอินทรีฟ้าขาวตลอดไป
เมื่อคืนนี้ สเวน วัย 76 ปี เสียชีวิตจากโรคมะเร็งตับอ่อน ถือเป็นการสูญเสียบุคลากรที่มีค่าของวงการฟุตบอลไปอีกหนึ่งคน
เขามีโมเมนต์มากมายตลอดอาชีพ แต่แน่นอน การได้แชมป์เซเรีย อา ในยุค 7 สาวน้อย คงอยู่ในเลเวลสูงสุด เพราะมันทำได้ยากเหลือเกิน
คิดเล่นๆ ว่าถ้าวันนั้นลาซิโอ ไม่มีสเวน-โกรัน เอริคส์สัน ความมหัศจรรย์ที่ฝ่ายอดทีมอื่นๆ ในอิตาลี ก้าวไปคว้าสคูเด็ตโต้ นึกไม่ออกจริงๆ ว่าจะเกิดขึ้นได้อย่างไร
1 บันทึก
28
2
1
28
2
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย