29 ส.ค. เวลา 12:00 • หนังสือ

EP.2ก้าวข้ามไม่ได้ก็นั่งมันตรงนี้แหละ ใครจะทำไม!?

บางครั้งลองจมดิ่งกับสิ่งที่เกิดขึ้นก็ไม่เป็นไรนะคะ ไม่ต้องก้าวข้ามวันนี้ก็ได้ แค่ลองมองหาความสุขระหว่างที่นั่งพัก ก็เก่งมากแล้ว
Zllenary
ในบทที่ 2 ของหนังสือ ‘จะเป็นไรไหมถ้าเป็นคนอ่อนไหวง่าย’ กล่าวถึงประวัติคนดังไว้หลายคนค่ะ คนที่ต้ารู้สึกว่าน่าสนใจกลับเป็นคนนี้ค่ะ ‘ไอแซค นิวตัน’ ไม่ใช่เพราะงานด้านวิทยาศาสตร์ แต่เป็นเพราะประวัติชีวิตที่อ่อนไหวของเขาน่าสนใจ ใครเบื่อประวัติศาสตร์คิดซะว่ากำลังเม้ามอยชีวิตคุณลุงข้างบ้านอยู่ก็ได้ค่ะ
ไอแซค นิวตัน เกิดในปี ค.ศ.1642 คุณพ่อเสียชีวิต และ 3 เดือนต่อมาหนูน้อยไอแซค นิวตันก็ลืมตาดูโลก ซ้ำยังคลอดก่อนกำหนดอีกด้วย พออานุ 3 ขวบ ฮันนาห์ซึ่งเป็นคุณแม่ก็แต่งงานใหม่กับบาทหลวงสมิธ ทำให้เขาต้องอาศัยกับคุณย่าและคุญปู่
ช่วงวัยประถม เฮนรี่ สโตคส์ อาจารณ์ใหญ่เห็นความอัจฉริยะภาพของเขา จึงไปคุยกับฮันนาห์ซึ่งถูกปฏิเสธในช่วงแรก หลังจากเกลี้ยกล่อมเสร็จ ไอแซค นิวตันก็ได้เข้าเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัย
จนกลายเป็นอาจารย์สอนคณิตศาสตร์และสร้างผลงานมากมาย เขาก็ป่วยเป็นโรคประสาทอ่อนแรงสองครั้งคือ ปี ค.ศ.1693 และ ค.ศ.1703 ทั้งนอนไม่หลับ กินไม่ลง หวาดระแวงและเป็นโรคซึมเศร้า ทำให้เขาไม่เชื่อใจใครและต้าคาดว่าน่าจะเป็นสาเหตุให้เขาตัดสินใจอยู่เป็นโสดตลอดชีวิต ต่อมาไอแซค นิวตันรับตำแหน่งสมาชิกรัฐสภา แต่สุดท้ายคนเงียบขรึมอย่างเขาก็ปรับตัวไม่ค่อยได้
ข้าพเจ้าไม่รู้ว่าโลกมองข้าพเจ้าอย่างไรแต่สำหรับตัวเองแล้ว ข้าพเจ้ารู้สึกเหมือนเป็นแค่เด็กน้อยที่เล่นอยู่ชายทะเล ฆ่าเวลาด้วยการหาก้อนกรวดที่กลมมนหรือเปลือกหอยที่สวยกว่าปกติ ขณะมหาสมุทรแห่งสัจธรรมซึ่งยังไม่เคยมีใครค้นพบแผ่กว้างไพศาลอยู่ตรงหน้า
Isaac Newton ไอแซก นิวตัน โดย James Gleick
เมื่อหนังสือเล่ามาถึงตรงนี้ ตัวหนังสือก็แนะนำให้เราวาดภาพตาม โดยมีเด็กน้อยที่กำลังเล่นเก็บก้อนหินคนเดียวตรงลานบ้านเป็นตัวเอก กำพร้าพ่อตั้งแต่ยังไม่เกิด และต้องอยู่แยกกับแม่ แม้ป่วยเป็นโรคซึมเศร้า ประสาทอ่อนแรง ประกอบกับนิสัยอ่อนไหวง่าย แต่นั้นก็ทำให้ไม่มีอิทธิพลจากพ่อแม่หรือใครอื่นรบกวนความคิดสร้างสรรค์และพลังจินตนาการของเขา
สูดหายใจเช้าลึกๆค่ะทุกคน ฮะฮ่า หมดเนื้อหาจริงจังแล้ว เห็นได้เลยว่าอีกหนึ่งจุดอ่อนของไอแซค นิวตัน กลายเป็นข้อดีที่แข็งแกร่งของเขาในเวลาต่อมา หากใครกำลังหวั่นไหวกับความรู้สึกคิดมาก คิดเยอะ บางครั้งความคิดเหล่านั้นก็กลายเป็นภาระทางจิตใจที่หนักหน่วง ลองหาข้อดีในการอยู่กับมันดูนะคะ
สรุปแล้ว การที่เราเป็นคนอ่อนไหวง่าย ไม่ได้หมายความว่าผิดนะคะ โอเคแหละ ถ้ามันมากไปอาจจะเป็นปัญหาจนต้องเข้ารับการรักษา แต่เราควบคุมมันไม่ได้ จริงไหมคะ การที่สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นสาเหตุไม่ได้มาแค่จากเรา อาจเป็นอะไรก็ได้ ประสบการณ์ ลักษณะสังคม เพื่อน หรือครอบครัว
ฉะนั้นลองจมดิ่งกับสิ่งที่เกิดขึ้นบ้างก็ไม่เป็นไรนะคะ เราไม่จำเป็น ต้องก้าวข้ามผ่านมันในวันนี้ก็ได้ เหนื่อยก็แค่นั่ง นั่งอยู่กับมันให้มีความสุขที่สุดเท่าที่จะทำได้ ก็เก่งมากแล้ว ขอให้วันพรุ่งนี้เป็นวันที่ดีสำหรับคุณนะคะ
โฆษณา