29 ส.ค. เวลา 02:02 • ความคิดเห็น
เรื่องของการสละ วัตถุปัจจัย ที่เราค่อยเสาะแสวงหามา มันมีความยึดถืออยู่ เพราะตาไปเห็น หูได้ยิน ..จิตก็ไปยึดเข้ามา เช่น ไปดูต้นไม้ต้นนี้ จิตก็ออกไปยึด ..เอาต้นไม้นี้มาคิดมานึก มาคิดพิจารณา .สิ่งเหล่านี้ ที่ไปสัมผัส ไปยึด ด้วยวิญญาณทั้งหก ที่เคลื่อนที่ไปตามกาย มันมีการเก็บบันทึกสะสมไว้ในธาตุทั้งสี่ที่ประกอบลำเรือตลอดเวลา ตั้งแต่เกิดไปจนตาย
เมื่อตาไปเห็นหูได้ยิน..มันก็มีอารมณ์เกิดขึ้น ดึงจิตให้ไปยึดถือ ..อารมณ์นั้นอารมณ์นี้ อารมณ์อยากเกิดขึ้น ก็อยากใช้กายไแตามอารมณ์ ..ยิ่งมีอารมณ์ปรุงแต่ง เหมือนกายนั้นเป็นลำเรือ พายเรือไปถูกคลื่น คลื่นเล็กคลื่นน้อย หัวเรือมันก็ส่ายไปมา หัวเรือคืออะไร ก็วิญญาณทั้งหกนั้นแหละ ที่ไม่อยู่นิ่ง จิตบังคับหัวเรือไม่ได้ หากเจอะเจอ อารมณ์โกรธ..แรง ..เรือนั้นก็สะท้านหวั่นไหว ..ไปทั้งลำเรือ
คราวนี้ ชีวิตของคนเรา ที่เรามีอารมณ์นึกคิดเดินไปเดินมาในโลก ..ก็เหมือนเราเดินอยู่ในท้องทะเลมหาสมุทรของอารมณ์ต่างๆ มีกระแสน้ำต่างมากมายก่ายกอง มีขยะมีหมาเน่า มีเงินมีทอง มีอะไระต่างมากมาย มีเรือลำอื่นมากมาย เกิดมาได้กาย เป็นเหมือนลำเรือ ต่างคนต่างพาย พายเรือไป ..ไปหายสิ่งที่ตนเอง อยากได้อยากมีเอา ของๆโลกมาใส่ลำเรือ เรือนั้น ก็อยู่ในกระแสน้ำท้องทะเลมหาสมุทรของอารมณ์ ตลอดเวลา ตั้งแต่เกิดไปจนตาย ..
แล้วเรือที่ได้ กายที่ได้มา ที่พายเรือไปหยิบของที่ได้มา มันก็ได้กายมาเหมือนกัน มีกรรมมีบุญมาสะสมมาแข็งแรงไม่เหมือนกัน ..เมื่อเกิดมา ..ก็มุ่งมั่น หาทรัพย์สมบัติ เงินทอง ยึดถือสิ่งนั่นสิ่งนี้เข้ามาใส่ในลำเรือ ในกายในจิต ก็เก็บใส่มาเรื่อย ก็ไม่รู้ตัวว่า เก็บกรรมมา ..เอาใส่กายใส่จิตตลอดเวลา มันจึงเป็นกายของกรรม ให้จิตนั่นจมอยู่กับกรรม อยู่กับอารมณ์โลภโกรธหลง
คราวนี้ ผู้ที่รู้จักว่า กายนั้น เป็นกายกรรม เค้าก็นำกายกรรม มาทำให้เป็นกายบุญ สละทรัพย์สมบัติเงินทองแบ่งปันไปให้เป็นบุญเป็นทาน ทำด้วยความเต็มใจ เพื่อให้กายนี้ เป็นกายบุญ
เมื่อกายนี้เป็นกายบุญ มันก็มาพายเรือทวนน้ำ ค่อยๆโยน..วัตถุสิ่งของที่มันยึดมันเก็บมาไว้ในลำเรือ โยนลงไปในท้องน้ำ เพื่อให้เรือเบา กายเบาจิตเบา เพราะต้องพายเรือทวนน้ำทวนกระอารมณ์ เพื่อที่จะไปหาท่าบุญกุศล ท่าของบุญมีกายเป็นเทพยดาอินทร์พรหม ไปพักจิต ให้มีกำลัง พักแล้วก็ลงมาพายต่อ ได้เรือที่ดี ได้กายพ่อแม่ที่ดี ..เพื่อพายเรือทวนกระกระแสน้ำ ต้องพายเรือเป็นชาติๆ เพื่อจะไปสูท่าพระนิพพาน..ไม่ต้องมีเกิมาพายเรืออีกแล้ว ยุติการพายเรือ
ชาติไหนเผลอสติ ..เกิดไปหลงไหล สิ่งที่ลอยตามน้ำ เผลอไปพายเรือในน้ำเน่าซากศพ ไม่เบนหัวเรืออก เรือมันก็พายอยู่กับน้ำเน่าซากศพหมาเน่า ..รอเรือผุพัง จิตก็ต้องตกลงไป ในน้ำเน่าซากศพหมาเน่า ..มันเป็นเช่นนี้เองหนอ
โฆษณา