1 ก.ย. เวลา 07:00 • หุ้น & เศรษฐกิจ

เกษตรกรไทยใช้ต้นไม้มีค่า “ค้ำประกันสินเชื่อ” แล้วกว่า 145 ล้านบาท

กรมพัฒน์ เปิดสถิติ เกษตรกรใช้ต้นไม้เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันการขอสินเชื่อ-กู้เงินแล้วกว่า 145 ล้านบาท
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่า ตั้งแต่ที่มีการออกกฎกระทรวงให้สามารถนำไม้ยืนต้นมาเป็นหลักประกันทางธุรกิจได้ในปี 2561 จนถึงปัจจุบัน มีการจดทะเบียนไม้ยืนต้นเป็นหลักประกันทางธุรกิจทั่วประเทศเพียง 22 จังหวัด และมีผู้นำไม้ยืนต้น มาจดทะเบียนสัญญาเป็นหลักประกันธุรกิจแล้ว 154,470 ต้น มูลค่ารวม 145 ล้านบาท
แบ่งเป็น ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) 23,000 ต้น วงเงิน 128 ล้านบาท, ธ.ก.ส. 1,482 ต้น วงเงินกว่า 10.7 ล้านบาท และกลุ่มพิโกไฟแนนซ์ 129,988 ต้น วงเงินกว่า 6.2 ล้านบาท
ไม้ยืนต้นสามารถนำมาเป็นหลักประกันทางธุรกิจได้
สำหรับ 22 จังหวัด ที่ผู้ประกอบธุรกิจ เกษตรกร และประชาชนทั่วไป นำไม้ยืนต้นมาเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันการขอสินเชื่อ ได้แก่ ภาคเหนือ 4 จังหวัด, ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 9 จังหวัด, ภาคตะวันออก 2 จังหวัด, ภาคตะวันตก 4 จังหวัด และภาคใต้ 3 จังหวัด
ทั้งนี้ จังหวัดภาคเหนือเพียง 4 จังหวัด คือ พิษณุโลก เพชรบูรณ์ สุโขทัย และอุทัยธานี ซึ่งยังขาดเชียงราย ดังนั้น จะร่วมกับ ธ.ก.ส. เดินหน้าขับเคลื่อนสร้างความรู้ความเข้าใจให้เกษตรกรและประชาชนทั่วไปเห็นถึงความสำคัญของการปลูกไม้ยืนต้นบนที่ดินของตนเองอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ
นางอรมน กล่าวต่อว่า ก่อนหน้านี้มีความเข้าใจผิดเรื่องประเภทของไม้ยืนต้นที่สามารถนำมาใช้เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันการขอสินเชื่อ ดังนั้น ย้ำว่า ไม้ยืนต้นทุกประเภท ไม่ได้จำกัดเพียง 58 ประเภท สามารถนำมาใช้เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันการขอสินเชื่อได้ตามข้อตกลง เช่น มะขาม มะกอกป่า สะเดา มะม่วง ยาง สัก ขนุน ยูคาลิปตัส และไม้สกุลทุเรียน เป็นต้น
สำหรับเกษตรกรและผู้สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่กองทะเบียนหลักประกันทางธุรกิจ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า โทร 0 2547 4944 หรือ สายด่วน 1570
มีผู้นำไม้ยืนต้นมาจดทะเบียนสัญญาเป็นหลักประกันธุรกิจแล้ว 154,470 ต้น
อ่านเนื้อหาต้นฉบับได้ที่ : https://www.pptvhd36.com/wealth/monetary/231584
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมที่เว็บไซต์ https://www.pptvhd36.com
และช่องทาง Social Media
โฆษณา