1 ก.ย. เวลา 06:01 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี

EP 27 IBM ปิดทีม R&D ในจีน: จีนจะพัฒนาต่อได้อย่างไรต่อ?

ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ความตึงเครียดระหว่างจีนกับสหรัฐฯ ได้เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน โดยเฉพาะในเรื่องของสงครามการค้า (Trade War) และข้อพิพาทเกี่ยวกับเทคโนโลยี ความขัดแย้งเริ่มต้นในปี 2018 เมื่อสหรัฐฯ ภายใต้การนำของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ออกมาตรการภาษีสินค้าจีน เพื่อลดการขาดดุลการค้า
สงครามการค้าส่งผลกระทบต่อนโยบายการลงทุนต่างประเทศของบริษัทอเมริกันในจีน และเพิ่มแรงกดดันให้กับอุตสาหกรรมเทคโนโลยีของทั้งสองประเทศ ความตึงเครียดดังกล่าวยังคงดำเนินต่อไปภายใต้การนำของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ซึ่งใช้แนวทางการควบคุมการเข้าถึงเทคโนโลยีขั้นสูงของจีน โดยเฉพาะในกลุ่มชิปประมวลผลขั้นสูง
บทบาท IBM ต่อเศรษฐกิจจีน
IBM (International Business Machines Corporation) เป็นหนึ่งในบริษัทเทคโนโลยีข้ามชาติที่มีบทบาทสำคัญในตลาดจีน ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา IBM ได้ร่วมมือกับสถาบันการศึกษาและองค์กรวิจัยหลายแห่งในจีน เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีต่าง ๆ เช่น ปัญญาประดิษฐ์ (AI) บิ๊กดาต้า และคลาวด์คอมพิวติ้ง การร่วมมือเหล่านี้ช่วยเสริมสร้างศักยภาพของจีนในด้านเทคโนโลยีขั้นสูง โดยโครงการสำคัญมีดังนี้:
  • ความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยชิงหัว: IBM ได้ทำงานร่วมกับมหาวิทยาลัยชิงหัวในการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยี AI และคลาวด์คอมพิวติ้ง โครงการนี้เน้นไปที่การสร้างแพลตฟอร์มวิจัยเพื่อการวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่
  • โครงการริเริ่ม "AI Horizons Network": IBM ได้ร่วมกับมหาวิทยาลัยหลายแห่งในจีน สร้างเครือข่ายการวิจัย AI ที่เน้นการพัฒนาเทคโนโลยีการเรียนรู้เชิงลึก (Deep Learning) และระบบ AI อัจฉริยะ
  • การพัฒนาเทคโนโลยีควอนตัมคอมพิวติ้ง: IBM ร่วมมือกับสถาบันวิทยาศาสตร์จีน (CAS) ในการพัฒนาเทคโนโลยีควอนตัมคอมพิวติ้ง เพื่อยกระดับความสามารถในการประมวลผลข้อมูลขั้นสูง
สาเหตุการเตรียมปิดทีม R&D ของ IBM ในจีน
การตัดสินใจปิดทีม R&D ของ IBM ในจีนเป็นผลมาจากหลายปัจจัย โดยมีสาเหตุหลักดังนี้:
  • นโยบายการจำกัดการส่งออกเทคโนโลยีของสหรัฐฯ: การที่สหรัฐฯ บังคับใช้ข้อจำกัดทางการส่งออกเทคโนโลยีต่อจีน ส่งผลให้การดำเนินงานของ IBM ในจีนมีความซับซ้อนมากขึ้น โดยเฉพาะในเทคโนโลยีขั้นสูง เช่น ชิปประมวลผลและ AI
  • แรงกดดันจากรัฐบาลจีน: รัฐบาลจีนได้พยายามส่งเสริมเทคโนโลยีท้องถิ่นและลดการพึ่งพาเทคโนโลยีต่างชาติ ทำให้ IBM ต้องเผชิญกับการแข่งขันที่สูงขึ้นจากบริษัทเทคโนโลยีของจีน เช่น Huawei และ Alibaba
  • การปรับโครงสร้างองค์กรของ IBM: IBM ได้ทำการปรับโครงสร้างองค์กร เพื่อลดต้นทุนและเน้นไปที่ตลาดที่มีศักยภาพสูงกว่า โดยจีนอาจไม่เป็นตลาดที่มีศักยภาพมากพอสำหรับการลงทุนระยะยาวของบริษัท
  • ข้อจำกัดด้านทรัพยากร: ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน R&D ในจีนมีแนวโน้มสูงขึ้น ทำให้บริษัทตัดสินใจที่จะย้ายทรัพยากรไปยังประเทศอื่นที่มีต้นทุนการดำเนินงานต่ำกว่า
ผลกระทบเชิงบวกและเชิงลบของการปิดทีม R&D ของ IBM ในจีน
การปิดทีม R&D ของ IBM ในจีนจะส่งผลกระทบทางเศรษฐกิจในหลายแง่มุม ไม่ว่าจะเป็นเชิงบวกหรือเชิงลบ การประมาณมูลค่าผลกระทบนี้สามารถแยกออกตามการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและการลงทุนในระยะสั้นและระยะยาวได้ ดังนี้:
1
ผลกระทบเชิงลบ
  • การสูญเสียการลงทุนในจีน: การปิดทีม R&D ของ IBM อาจส่งผลให้การลงทุนด้านเทคโนโลยีในจีนชะลอตัวลง โดยเฉพาะในภาค AI, ควอนตัมคอมพิวติ้ง และเทคโนโลยีคลาวด์ มูลค่าการลงทุนที่อาจสูญเสียไปอาจมีมูลค่าระหว่าง 1 พันล้านถึง 2 พันล้านดอลลาร์
  • การลดทอนโอกาสในตลาดเทคโนโลยีจีนสำหรับ IBM: มูลค่าตลาดเทคโนโลยีและนวัตกรรมสูงถึง 200 พันล้านดอลลาร์ต่อปี การปิดทีม R&D ของ IBM ในจีนอาจทำให้ IBM สูญเสียโอกาสในการสร้างรายได้จากตลาดนี้ ซึ่งอาจสูญเสียรายได้หลายร้อยล้านดอลลาร์ต่อปี
  • การลดลงของการจ้างงานในภาคเทคโนโลยี: การปิดทีม R&D อาจส่งผลให้มีการปลดพนักงานชาวจีนที่เกี่ยวข้องกับการวิจัยและพัฒนา ซึ่งอาจมีพนักงานจำนวนหลายร้อยถึงพันคนที่ถูกปลด ส่งผลต่อการจ้างงานในภาคเทคโนโลยีในจีน ซึ่งมีมูลค่าผลกระทบประมาณ 100-200 ล้านดอลลาร์ต่อปีจากการสูญเสียงานและการผลิตที่เกี่ยวข้อง
ผลกระทบเชิงบวก
  • การเสริมสร้างเทคโนโลยีท้องถิ่นของจีน: การปิดทีม R&D ของ IBM อาจผลักดันให้รัฐบาลจีนและบริษัทท้องถิ่นเร่งการพัฒนาเทคโนโลยีท้องถิ่นขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยมีการประมาณว่าการลงทุนในเทคโนโลยีท้องถิ่นอาจเพิ่มขึ้นกว่า 20-30% ภายใน 3-5 ปี คิดเป็นมูลค่าการลงทุนเพิ่มเติมกว่า 1-2 พันล้านดอลลาร์
  • โอกาสในการพัฒนาภายในประเทศ: การพัฒนาเทคโนโลยีท้องถิ่น โดยเฉพาะในอุตสาหกรรม AI และเทคโนโลยีสารสนเทศ คาดว่าภาคธุรกิจเทคโนโลยีของจีนอาจได้รับผลประโยชน์จากการพัฒนาท้องถิ่นเพิ่มขึ้นถึง 500 ล้านถึง 1 พันล้านดอลลาร์ต่อปี
  • การลดการพึ่งพาบริษัทต่างชาติ: การที่ IBM ออกจากจีนจะช่วยกระตุ้นให้จีนเพิ่มการพึ่งพาตนเองในด้านเทคโนโลยีขั้นสูง ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลจีนที่มุ่งเน้นการพึ่งพาตนเอง การคาดการณ์มูลค่าทางเศรษฐกิจจากการพึ่งพาตนเองนี้อาจอยู่ที่ 2-3 พันล้านดอลลาร์ต่อปีในระยะยาว
มูลค่าผลกระทบทางเศรษฐกิจโดยรวม
จากการคาดการณ์ผลกระทบทั้งเชิงบวกและเชิงลบ มูลค่าผลกระทบทางเศรษฐกิจจากการปิดทีม R&D ของ IBM ในจีนมีดังนี้:
  • ผลกระทบเชิงลบรวม: การสูญเสียจากการลดลงของการลงทุน การจ้างงาน และโอกาสในการพัฒนาตลาดเทคโนโลยีในจีน คาดว่ามีมูลค่าระหว่าง 1.5 พันล้านถึง 2.5 พันล้านดอลลาร์ต่อปี
  • ผลกระทบเชิงบวกรวม: การพัฒนาท้องถิ่นและการเสริมสร้างการพึ่งพาตนเองในด้านเทคโนโลยีของจีน คาดว่าจะเพิ่มการลงทุนและการผลิตทางเทคโนโลยี คิดเป็นมูลค่าระหว่าง 1 พันล้านถึง 3 พันล้านดอลลาร์ต่อปีในระยะยาว
บทสรุป และแนวทางนโยบายของการเลือกตั้งสหรัฐ 2024
การตัดสินใจปิดศูนย์ R&D ในจีนของ IBM เป็นหนึ่งในตัวอย่างของผลกระทบจากความตึงเครียดทางการเมืองระหว่างสองประเทศ แนวทางการเลือกตั้งสหรัฐฯ ปี 2024 น่าจะมุ่งเน้นไปที่การเพิ่มการควบคุมการส่งออกเทคโนโลยีขั้นสูงไปยังจีน ซึ่งอาจมีผลต่อบริษัทเทคโนโลยีหลายแห่งในอนาคต นโยบายต่างประเทศและเศรษฐกิจระหว่างประเทศจะกลายเป็นประเด็นสำคัญในการเลือกตั้งครั้งนี้
บทความอ้างอิง:
  • Bloomberg News. "IBM Plans to Close R&D Centers in China Amid US-China Tensions." August 2024.
  • The Wall Street Journal. "How US-China Tech War Impacts Global R&D Investments." April 2024.
  • The Financial Times. "China's Drive for Technology Independence Amid Foreign Pressure." March 2024.
  • Bloomberg News. "IBM Plans to Close R&D Centers in China Amid US-China Tensions." Bloomberg, August 2024.
  • The Wall Street Journal. "How US-China Tech War Impacts Global R&D Investments." The Wall Street Journal, April 2024.
  • The Financial Times. "China's Drive for Technology Independence Amid Foreign Pressure." The Financial Times, March 2024.
  • IBM Corporation. "Annual Report 2023: Strategic Shift in Global R&D Operations." IBM Corporate Reports, 2023.
  • McKinsey & Company. "The Future of Tech Innovation in China: Navigating Global Shifts." McKinsey Insights, June 2023.
โฆษณา