2 ก.ย. เวลา 01:47 • ปรัชญา
ไม่เขื่อหรอกว่า ขีวิตมันไร้สาระ ชีวิตมันไม่เที่ยงอยู่ก็จริง ไม่รู้ว่า ความตายจะหมดสิ้น เวลาไหน ณ สถานที่ใด ..จิตที่ออกจากเรือนกายไป จะไปติดตามธาตุทั้งสี่ไป ธาตุทั้งสี่ ที่สะสมบันทึกสาระ ที่ตนเองกระทำดีชั่ว จะไปประกอบให้ ในจักรวาล .จะไปประกอบที่ไหน จิตดวงนั้น ก็ติดตามไป ไปตามธาตุทั้งสี่
เมื่อเกิดมามีกายเป็นมนุษย์ ..มีธาตุนะโม..มีพ่อแม่เป็นมนุษย์ มีกายที่เพียบพร้อม ที่รับใช้จิต ..จิตที่มีสติ ..รู้จักใช้ ให้เกิดเป็นคุณประโยชน์ สร้างสิ่งที่เป็นสาระดีๆ ใช้กายวาจาใจที่ดี ..ไม่ทำลาย ไม่ไปทำร้าย เบียดเบียนคนนั้นคนนี้ ไม่ไปหลอกลวง คนนั้นคนนี้ให้เค้าเกิดความเดือดร้อน ไม่สบายอกไม่สบายใจ นั้นก็ก็สติที่ระมัดระวัง กายวาจาใจ ที่จะไปสร้างกรรม ระมัดระวังอารมณ์นึกคิดที่กักขฬะอันธพาล สิ่งไหนไม่ดี ก็ทิ้งมันไป
..เมื่อรู้จักว่า มีธาตุนะโมที่ดี มีธาตุทั้งสี่คอยบันทึกตลอดเวลา เราก็ใช้ธาตุนะโม ทำเรื่องราวดี ให้บันทึกเรื่องราวดีลงไปที่ธาตุทั้งสี่ เพื่อที่ธาตุทั้งสี่จะได้ไปประกอบกับธาตุนะโมที่ดีต่อไป หากใช้ไม่ดี ธาตุทั้งสี่ ก็พาไปประกอบกับธาตุนะโม ที่เป็นรูปร่างสิ่งสาราสัตว์ เหมือนที่เราไปกินเนื้อเค้ามาหล่อเลี้ยงเรือนกาย กินเนื้อนากรรมกันไปมา ก็มีสภาพเกิดแก่เจ็บตายเหมือนกายมนุษย์
หากเรามีกายที่กินเนื้อกรรมเค้า มาประทังสังขารกรรม เราก็นำกายกรรมนี้ มาสร้างบุญกุศล ธาตุทั้งสี่ก็บันทึกเรื่องราวบุญกุศล น้ำเลือดน้ำหนองของสัตว์มีกรรมมีรูปเกิดแก่เจ็บตายเหมือนเรา ก็พลอยเกิดเป็นบุญกุศลไปด้วย ..มีอานิสงส์ส่งเผื่อแผ่บุญกุศล ไปถึงสัตว์ถึงจิตที่เนื้อเค้ามาหล่อเลี้ยงรูปที่อาศัย ..เค้าก็ได้บุญกุศลไปด้วย บรรเทาทุกข์ไปด้วย ช่วยให้จิตของเค้า ไปได้กายสังขารที่ดี สิ่งเหล่านี้ เป็นสาระ
เมื่อเรารู้ว่า มีชีวิตอยู่ ยังมีกายอยู่ .เราก็ไม่ประมาทชีวิต ..แต่เราใช้ชีวิตนี้ สร้างบุญกุศล ขึ้นมา ชีวิตที่มีกายมนุษย์ตั้งอยู่ไม่นานมันเหมือนเสี่ยงทาย จะไปทุกข์ยาวนาน หรือ สุขยาวนาน จะเลือกไปทางไหน ..ดินฟ้าอากาศจะเป็นสักขีพยานพยานบันทึกให้ ไปอยู่ในภพภูมิในจักรวาล . เลือกเอามีตั้งสี่ภพ นรก สัตว์ เปรต อสุรกาย มีแต่ทุกข์ หรือ เทพยดาอินทร์พรหมมีแต่สุขไม่มีทุกข์ยาวนาน เลือกได้เลย ชีวิตไม่มีสาระ หรือ จะทำให้เป็นสาระ ธาตุทั้งสี่ก็บันทึกไว้ให้ เป็นทางที่จะไป เมื่อหมดความเป็นไปของกาย ..
หากรู้จัก ความสำคัญของธาตุนะโม ที่ให้เรามาได้กายเป็นมนุษย์ ที่รู้จักดีชั่วได้ เรารู้จักพระคุณพ่อแม่ เราช่ายกายที่พ่อแม่ให้มา สร้างเป็นบุญกุศลขึ้นมา ธาตุพ่อธาตุแม่ ..ก็มีบุญกุศลไปด้วย สิ่งเหล่านี้ ก็ส่งคืนต่อไปถึงพ่อแม่ ให้กายสังขารพ่อแม่มีบุญ กายที่มีบุญ ก็ทำให้พ่อแม่ มีบุญไปด้วย ส่งคืนชำระสะสางหนี้สิน ที่เจ้ากรรมนายเวรเค้ามาทวง
.ยิ่งเวลาที่พ่อแม่เจ็บป่วย เรานำกายพ่อแม่ที่ให้เราอาศัย ไปสร้างบุญกุศลปฏิบัติธรรม เดินในรอยของจิตผู้ที่มีธรรม ไม่นึกคิดอะไรเลย มีแต่พระเป็นที่พึ่ง ไม่คิดเบียดเบียนใครทำร้ายใคร สิ่งนั้นก็เรียกว่า ตอบแทนพระคุณพ่อแม่ทางจิต สิ่งที่ได้ คือ จิตที่รู้จักความกตัญญูรู้คุณ ที่เป็นสาระธรรมที่ดีให้กับจิตของผู้ที่กระทำขึ้น ทำแล้ว ก็เอาธาตุนะโม มากระจายบุญกุศล ออกไป กระจายไป ให้กับจิตวิญญาณ ที่ทุกข์ทรมาน เป็นแสงสีรัตนะ กระจายไป สีน้ำเงินสีของบุญ กระจายไปเป็นสีเหลือง ให้จิตมีกรรมได้อนุโมทนา
ยุคนี้ โลกปรนเปรอ ความสะดวกสบายให้แก่ มีรถ มีหุ่นนั้นนี่ ช่วย ..ช่วยทำให้ได้ดังใจ เกิดวันหนึ่งเวลาหนึ่ง มันเกิดหายไป ไม่มีให้ใช้ เช่น ไม่คนขาย ของไม่มีขาย น้ำไฟไม่มี เราจะแก้ไข ทำอะเป็นมั้ย ไปเลือกเสาะหาอะไรมากินได้ หากว่าไม่สิ่งเหล่านี้ ..เหมือนเจอะเจอภัยพิบัติ ลมฟ้าอากาศ ทางเดินของมหาธาตที่แปรปรวน อนุธาตุน้อย .ก็ต้องเดือดร้อน..จะช่วยตัวเองก่อน หรือ มัวแต่รอคนช่วย สิ่งที่เป็นสาระ ไม่เป็นสาระ ..ย่อมแยก ว่า สมควรจะทำอะไร ที่ต้องพึ่งตัวเอง
โฆษณา