Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
เมืองไทยไดอารี่ by Supawan
•
ติดตาม
2 ก.ย. 2024 เวลา 05:28 • ท่องเที่ยว
เกาะสีชัง ความงามคลาสสิค ข้ามกาลเวลา
“เกาะสีชัง” .. เมื่อเอ่ยนามเกาะสีชัง เชื่อว่าหลายๆคนอาจจะยังมึนๆ คล้ายกับว่าเกิดมาก็เพิ่งจะเคยได้ยินชื่อนี้เป็นครั้งแรกในชีวิต .. สีชัง .. สีชัง .. อยู่มุมไหนของประเทศไทยก็ไม่รู้ และอาจจะเลยเถิดคิดไปว่าต้องนั่งเครื่องบินจากสุวรรณภูมิ หรือดอนเมืองกันแน่ และจะไปลงที่จังหวัดไหนกัน ..
“เกาะสีชัง” .. ปรากฏชื่อมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาตอนต้น ในหนังสือโคลงกำสรวล เรียกชื่อเกาะนี้ว่า “สวะชงง” (สวะชง) ส่วนในสมุดภาพไตรภูมิ ในสมัยอยุธยาตอนปลายและสมัยกรุงธนบุรี เรียกชื่อสถานที่นี้ว่า “เกาะสีชัง” และใช้มาจนตราบเท่าทุกวันนี้
ไม่มีหลักฐานว่า คำว่า สวะชัง หรือ สีชัง มีความเป็นมาอย่างไร ผู้รู้บางท่านสันนิษฐานว่า มาจากคำว่า “สทึง” ซึ่งเป็นภาษาเขมร แปลว่า ห้วงน้ำลึก ตามลักษณะทางภูมิศาสตร์ของน้ำโดยรอบ บางท่านสันนิษฐานว่ามาจากคำว่า “สีห์ชังฆ์” ซึ่งแปลว่า แข้งสิงห์ ตามลักษณะรูปร่างของเกาะ
.. แต่ไม่ว่าที่มาของชื่อจะเป็นเช่นไร เกาะสีชัง ก็ยังเป็นสถานที่ที่ควรค่าต่อการไปเยือนเสมอ .. การเดินทางไปที่เกาะสีชังนั้นแสนง่าย นั่งรถมาที่เกาะลอย ศรีราชา .. เลยทางเลี้ยวเข้าบางแสนไปนิดเดียว แล้วเลี้ยวขวามือตามป้ายบอกทาง ..
เราจะลงเรือไปเกาะสีชังที่ “ท่าเรือเกาะลอย” เทศบาลของเกาะลอยจัดสถานที่กว้างขวางเป็นลานจอดรถสำหรับผู้ที่ขับรถมาเอง ในกรณีที่ต้องการค้างคืนที่เกาะ สามารถบอกเจ้าหน้าที่ให้ดูแลรถที่จอดค้างคืนไว้ได้ค่ะ
.. สิ่งก่อสร้างที่สะดุดตาที่ท่าเรือเห็นจะเป็นวัดพุทธและศาลาเจ้าแม่กวนอิม ที่มีผู้เลื่อมใสศรัทธามากราบไว้บูชา ..
เรือที่ลอยคลออยู่ที่ท่าเรือ .. สีสันสดสวย ตัดกับฟ้าสีคราม น้ำสีมรกต อย่างลงตัว ..
แทรกตัวลื่นไหลเป็นส่วนหนึ่งของผู้คนที่เดินมาตามสะพานปูนที่ทอดตัวเข้าไปในทะเล .. เราเดินทางไปเยือนเกาะสีชังมาแล้วหลายครั้ง บางครั้งก็จะซื้อคูปองเรือโดยสาร มาลงเรือที่ท่าเรือเกาะลอย ที่นี่เรือจะออกทุกๆ 1 ชั่วโมง เริ่มตั้งแต่ 7 โมงเช้า จนถึง 6 โมงเย็น ..ใช้เวลาเดินทางทั้งสิ้นประมาณ 40 นาที .. แต่เป็น 40 นาทีที่น่าตื่นตา ตื่นใจทีเดียวค่ะ
.. ครั้งล่าสุดนี้ เราใช้บริการของ Speed Boat โดยใช้เวลาเดินทางราว 15 นาที .. เร็ว แต่ก็ไม่มีโอกาสถ่ายรูประหว่างทาง
.. ไม่นานเราก็เข้าสู่อาณาเขตของเกาะสีชัง สิ่งที่โดดเด่น เห็นได้แต่ไกลคือสะพานเทียบเรือที่มีเรือประมงสีสันฉูดฉาด ด้วยศิลปะรูปวาดข้างเรือหลายประเภท ที่งามวิจิตรไม่แพ้ภาพวาดจากศิลปินชั้นครู ..
“รถสกายแลป” หรือรถสามล้อ เครื่องรถเก๋งคันเท่ ที่จอดเรียงรายอยู่ที่ท่าเรือ .. เป็นพาหนะในการเดินทางรอบๆเกาะของนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ที่มาเยือนเกาะชวนฝันแห่งนี้
การเช่ามอร์เตอร์ไซด์ ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งแต่หากมาเป็นคณะใหญ่หน่อย การเช่าเหมารถสองแถวจะเป็นทางเลือกที่ดีค่ะ
สถานที่แรกในการกลับมาเที่ยวเกาะสีชังทุกครั้ง แน่นอนค่ะต้องไปเยี่ยมเยือน พระที่นั่งจุฑาธุชราชฐาน
.. เมื่อรถสองแถวหันหลังให้ท่าเรือ .. ลัดเลี้ยวมาตามทางเล็กๆ .. ผ่านบ้านเรือน ร้านค้าของเมือง แล้วมาออกตรงทางเลียบทะเลอีกหน ..
รถพาเข้ามาถึงเขตพระราชฐาน .. สถานที่แรกที่โดดเด่น กระทบสายตาและความสนใจของผู้มาเยือน คงหนีไม่พ้น “สะพานอัษฎางค์” .. สะพานไม้สีขาว หลังคาปั้นหยาสีเดียวกัน ..
สะพานที่สวยงามอ่อนหวาน ให้อารมณ์โรแมนติกทุกครั้งที่มาเยือน .. ต้องขอย้ำว่าทุกครั้งค่ะ .. อารมณ์นี้ไม่เคยจางหายไม่ว่าคุณจะมาเห็นสะพานแห่งนี้สักกี่ครั้งในชีวิต .. ไม่มีสะพานที่ไหนจะสวยงามเท่าสะพานแห่งนี้อีกแล้ว ..
สะพานอัษฎางค์ .. สร้างขึ้นจากเงินพระราชทานจากพระคลังข้างที่ (ทรัพย์สินส่วนพระองค์) จากล้นเกล้าฯรัชกาลที่ 5
.. และพระราชทานนามว่า “สะพานอัษฎางค์” เพื่อเป็นที่ระลึกในโอกาสที่พระราชโอรส คือ สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าอัษฎางค์เดชาวุฒิ ทรงหายจากอาการประชวร ณ เกาะแห่งนี้ และล้นเกล้าฯทรงทำพิธีเปิดเมื่อ 23 สิงหาคม 2434 ..
เส้นโค้งสวยของขอบทะเลในฝั่งตรงช้ามสะพานอัษฎางค์ .. ทิวทัศน์รอบข้างสะพานที่ทอดยาวออกสู่ท้องทะเล ที่หากมองไปยัวฟากหนึ่งของสะพาน จะเก็นชายหาดสีขายทอดยาวเป็นแนวโค้งสู่ทะเลสีมรกต ที่ดูแล้วมีความแตกต่างและกลมกลืนอยู่ในตัว
ทัศนียภาพที่งดงามของธรรมชาติ .. เป็นความเรียบง่ายแต่ทรงเสน่ห์ ยิ่งยามสายลมเย็นๆพีดผ่านมา ยิ่งพาให้รู้สึกสดชื่นอย่างล้นเหลือ
สะพานสีขาว .. สวยใส คลาสสิกในความรู้สึก .. บรรยากาศคงซาบซึ้งมากกว่านี้ ร้อยเท่า พันทวี .. หากมีใครสักคนที่รู้ใจ .. มาจูงมือ ชวนให้ชมน้ำใสราวคริสตัลเนื้อดี .. ดูนกทะเลที่โฉบเข้ามาทักทายยอดคลื่น .. เรือสีสันจัดจ้านตัดกับฟ้าสีครามเข้ม ..ที่แล่นฝ่าฟองคลื่นขาวหายวับไปในสายตา ..
ฉันมองเห็นนักท่องเที่ยวหลายคนละล่ำละลักชี้ไม้ชี้มือบอกเพื่อนว่า .. “โหย สวยจังเลย .. อะไรน่ะ” พร้อมกับวิ่งถลาไปยังทิศทางอันเป็นที่ตั้งของสะพานแสนสวยในทันที พร้อมกับโพสต์ท่าถ่ายรูปกันอย่างขมักขเม้น
ส่วนฉัน เก็บบรรยากาศความสวยโรแมนติคริมทะเล .. ส่งใจข้ามขอบฟ้าไปยังเรือนรัก ที่ห่างหายไปพำนัก ณ ที่แห่งหนึ่งนานมาแล้ว ไกลแสนไกลจากสะพานแห่งนี้ .. แต่รู้สึกได้ว่าใกล้แสนใกล้ .. ห่างกันเพียงแค่จังหวะการเต้นหัวใจเท่าเองนั้นค่ะ
พระจุฑาธุชราชฐาน .. รอยจำที่ไม่เคยจาง ที่เกาะสีชัง
ฉันกลับมายังสถานที่แห่งหนึ่ง ซึ่งมีตำนานความรัก ความห่วงใยของปิยะกษัตริย์ .. ที่มีต่อพระราชโอรสที่เจ็บป่วย และพสกนิกรของพระองค์ เมื่อกว่า 100 ปีที่แล้ว ..
วันนี้..ฉันกลับมาที่เกาะสีชัง .. เพื่อจะเดินทอดอารมณ์ ชมชายหาดแห่งอดีตที่ชวนให้คิดถึงรัชสมัยของความเจริญรุ่งเรืองแห่งศิลปวัฒนธรรม ในเวลาที่กำลังก้าวจากโลกยุคเก่า ไปสู่โลกยุคใหม่
.. และฉันมาเพื่อน้อมเกล้าฯถวายความรัก และความจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์พระองค์นั้น .. ล้นเกล้าฯรัชกาลที่ 5 แห่งราชวงศ์จักรี .. พระปิยะมหาราชของเหล่าปวงชนชาวไทย
เมื่อก้าวเท้าขึ้นไปตามบันไดปูนที่จงใจให้รูปทรงสลับซับซัอน แต่สวยงามจับใจ .. พลันมองเห็นศาลาไม้ตั้งอยู่ภายใต้ร่มเงาของไม้ใหญ่ ..
พระรูปและอนุสาวรีย์ของล้นเกล้าฯรัชกาลที่ 5 สร้างด้วยโลหะรมดำสีน้ำตาลดำขรึม ประทับนั่งบนพระเก้าอี้ อยู่ภายในศาลาไม้
.. สายพระเนตรแลลอดออกไปในความเวิ้งว้างของทะเล .. พระพักตร์ฉายแววแห่งความสุข และเปี่ยมล้นไปด้วยพระเมตตา
เบื้องหน้าที่ประทับเป็นเครื่องราชสักการะที่ผู้คนนำมาน้อมเกล้าถวาย .. และแน่นอนค่ะ ที่ขาดไม่ได้คือกุหลาบสีชมพูสด
บนลานปูนเบื้องหน้าศาลาไม้ ผู้คนมากมายแวะมาถวายสักการะ องค์พระมหากษัตริย์อันเป็นที่รักอย่างสูง และเปี่ยมด้วยพระกรุณาที่ต่อพสกนิกรของพระองค์และแผ่นดินนี้ .. ในการปรับบ้านแต่งเมืองด้านต่างๆให้สามารถรับการเปลี่ยนแปลงจากโลกสมัยเก่า มาเป็นโลกสมัยใหม่ ..
ว่ากันว่า .. พระองค์ท่านศักดิ์สิทธิ์นักในเรื่องของการประทานความรัก ให้กับดวงใจที่อธิษฐานขอพร ...
มองไปด้านหลัง .. เป็นบ่อน้ำที่ชื่อว่า บ่อล้อหอย .. ช่างสมกับชื่อที่ได้รับพระราชทานจริงๆ
ศิลปิน ในรายทาง
บันทึก
2
1
1
2
1
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย