2 ก.ย. 2024 เวลา 12:18 • ท่องเที่ยว

จุดชมวิวที่สวยที่สุดบนเกาะสีชัง ณ เขาพระจุลจอมเกล้า และช่องเขาขาด

ช่องอิศริยาภรณ์ หรือช่องเขาขาด .. อยู่ทางทิศตะวันตกของเกาะสีชัง เป็นบริเวณที่ถ้ามองจากที่ไกล ดูเหมือนเขาได้ขาดจากกัน ด้วยลักษณะแนวผาที่ตัดดิ่งชันลงไปใต้ทะเลลึก
ซึ่งตามกำแพงผาเหล่านี้เป็นที่พักหลบพายุ คลื่นลมแรงให้กับเรือประมง
ปัจจุบันบริเวณโดยรอบปรับปรุงภูมิทัศน์ เพื่อเป็นที่ชมทัศนียภาพบริเวณเกาะ
จากลานชมวิว .. มองเห็นวิวทะเลในแนวพาโนรามา .. มองได้เต็มตาโดยไม่มีอะไรมาปิดกั้น .. ดูหรูหราอยู่ในที
จากจุดที่ฉันยืนอยู่ มองเห็นความกว้างใหญ่ไพศาลที่สุดลูกหูลูกตาห่างไกลจากทุกๆที่ ..เสียงคลื่นสาดซัดโขดหินด้านล่างฟังดูน่ากลัว ..
ไกลออกไปในทะเล เรือประมงลำน้อยหันข้างให้ฝั่ง แหวกคลื่นลมไปข้างหน้าสู่จุดหมายที่ฉันไม่อาจคาดเดา
.. นกทะเลหลายตัวบินโฉบเฉี่ยวไปมาจ้องหาจังหวะจับปลาเบื้องล่าง อีกด้านหนึ่งของโขดหินมีเรือแล่นโค้งตัดเข้ามเข้ามาที่หน้าผา..เหมือนภาพวาดในโปสการ์ดสวยๆ.. น่าอิจฉาที่ผู้คนที่นี่ ดูเขามีชีวิตที่ดีและได้สูดอากาศบริสุทธิ์ทุกลมหายใจทีเดียว
.. เป็นที่ตั้งของ “ที่แลราชโกษา” ซึ่งรัชกาลที่ 5 โปรดให้สร้างขึ้น เป็นที่ประทับเพื่อทอดพระเนตรคลื่น
ในวันที่ฟ้าใส แดดส่อง มีทัศนียภาพที่สวยงาม ..เป็นจุดหมายปลายทางสำหรับวันหยุดของครอบครัว แนวผาหินทอดตัวเป็นแนวยาวไปตามชายฝั่งตัดกับเส้นฟ้าครามใสน่าอัศจรรย์ใจยิ่ง ทะเลที่เห็นน้ำคงใสสะอาดเพราะประกายเขียวที่สะท้อนแสงดูเจิดจ้า
สะพานวชิราวุธ ทำให้ผู้มาเยือนสามารถเข้าไปเดินกินลม ชมอ่าว ชื่นชมใกล้ชิดกับชายหาดได้อย่างสะดวก ..
เราอ้อยอิ่งกับความงามดั่งฝันที่อยู่เบื้องหน้า .. ยื้อยุดเวลาที่คอยจะเดินหนีหาย .. ใจหาย..เมื่อต้องจากความงามที่ดูเหมือนอยู่แค่มือเอื้อม .. บางสิ่งบางอย่าง ได้พบ เพื่อชื่นชม แล้วต้องปล่อยให้ล่องลอยเป็นอิสระ .. ไม่อาจครอบครอง
เขาพระจุลจอมเกล้า .. เป็นเขาที่สูงที่สุดในเกาะสีชัง อยู่ทางทิศเหนือของเกาะ มีสถานที่สำคัญหลายแห่งในบริเวณนี้ ได้แก่
“วัดจุฑาทิศธรรมสภารามวรมหาวิหาร” .. อยู่บริเวณเชิงเขาพระจุลจอมเกล้า ล้นเกล้าฯรัชกาลที่ 5 โปรดเกล้าฯให้สร้างขึ้น เมื่อ พ.ศ. 2435 และพระราชทานนามวัดสอดคล้องกับพระนามสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าจุฑาธุชธราดิลก ซึ่งประสูติ ณ เกาะสีชัง ภายในวัดมีรอยพระพุทธบาทจำลอง ในพระอุโบสถมีพระประธานปางมารวิชัยอันสวยงาม
ในอดีตการขึ้นมายังบริเวณยอดเขาพระจุลจอมเกล้า ต้องเดินตามบันไดหลายร้อยขึ้นขึ้นมา .. ปัจจุบันมีถนนขึ้นมาถึงไหล่คยาศิระ และศาสนสถานบนยอดเขา
ในบริเวณศาสนสถานแห่งนี้ มี “รอยพระพุทธบาทจำลอง” .. ประดิษฐานอยู่ ณ ไหล่คยาศิระ ไหล่เขาของยอดพระจุลจอมเกล้า
เป็นรอยพระพุทธบาทจำลอง ซึ่งสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ อัญเชิญมาจากตำบลพุทธคยา ประเทศอินเดีย
พระพุทธรูป ปางต่างๆ
อีกด้านหนึ่งมีซุ้มก่ออิฐถือปูนสีขาว อันเป็นที่ตั้งของระฆังใบขนาดย่อมๆ ให้ผู้ที่มาเยือนตีระฆัง .. อันเป็น ..สัญลักษณ์ว่าได้ขึ้นมาถึงแดนสวรรค์นี้แล้ว ..
ทิวทัศน์ด้านบนเมื่อมองจากซุ้มที่ตั้งของระฆังนั้นสวยงามมาก .. มีหินที่ก่อเรียงคล้ายองค์เจดีย์ตั้งอยู่ .. ไม่ทราบที่มาของการสร้างและเหตุผลที่สร้าง .. สอบถามผู้คนแถวนั้น ได้ความว่า .. น่าจะเป็นเจดีย์ที่เจ้าอาวาสองค์แรกของวัดจุฑาทิพย์ธรรมสภารามวรวิหารเป็นผู้ดำริให้สร้าง
เกาะสีชังในวันฟ้าใส วิวมุมสูงสวยจริงๆ .. บ้านเรือน ร้านค้า ท่าเรือ สะพานเทียบเรือ ทุกอย่างเหมือนลอยอยู่ในทะเล .. เรือหลายขนาดที่แล่นผ่านไปมา เหมือนของเล่นขนาดเล็ก
เมื่อกว่าสิบปีที่แล้ว ฉันขึ้นมารยังจุดนี้ด้วยการเดินขึ้นบันไดหลายร้อยขึ้น ที่วกวน คดเคี้ยวเลียบเขา ..
เดินไป ชมวิวในรายทางไป เพื่อพักบ้าง
จนมาถึงจุดอันเป็นที่ตั้งของเจดีย์หิน
เดินตามทางที่นำไปสู่บันไดขี้นเขาอีกหลายขั้นบันได ..ด้านขวามือของบันไดปูนที่นำไปยังรอยพระพุทธบาทจำลอง
.. มีระฆังใบขนาดย่อมๆ แขวนอยู่ ให้ผู้ที่มาเยือนตีระฆัง .. เพื่อบอกว่าได้ขึ้นมาถึงแดนสวรรค์นี้แล้ว ..
ด้านซ้ายมือของระฆัง .. เป็นที่ตั้งของรอยพระพุทธบาทจำลอง .. มีร่องรอยให้เห็นความศรัทธาของผู้มาเยือน .. ทองคำเปลวเหลืออร่ามเต็มรอยพระพุทธบาทจำลองอันนี้..
มีพระพุทธรูป อยู่ในบริเวณเดียวกันด้วยค่ะ ..
ถัดจากรอยพระพุทธบาทจำลอง มีป้ายบอกทางขึ้นไปที่ยอดพระจุลจอมเกล้า ที่เรียกว่า ไหล่คยาศิระ ..ณ จุดนี้มองเห็นธงตั้งอยู่นนยอดเขา เลยอยากจะปันไปให้ถึง
จากจุดนี้ไม่มีทางที่ถูกแผ้วถางเป็นรอยทางไว้เป็นตัวเลือกในการปีนเขา .. เส้นทางขึ้นเป็นเขาค่อนข้างสูงชัน .. หินคมมาก และมีต้นไม้ขนาดไม่ใหญ่นักขึ้นกระจายท่ามกลางเถาวัลย์ที่ขึ้นระเกะระกะอยู่หนาแน่น พร้อมกับพืชจำพวกที่ดอกหรือผลคอยจะมาติดเกาะตามเสื้อผ้า หรือแข้งขาอยู่ร่ำไป .. เราต้องคอยปัดหรือหักกิ่งไม้เล็กๆลง เพื่อขอเป็นทางที่จะปีนขึ้นต่อไป..
การปีนต้องระมัดระวังมากๆ .. ควรเตรียมเรื่องรองเท้าและการแต่งกายให้เหมาะสม เพื่อความปลอดภัย .. วันที่ไปปีนเขาลูกนี้ ไม่ได้เตรียมตัว เตรียมใจไปพบกับสภาพดังกล่าว เลยไม่ปลอดภัยเท่าที่ควร
.. หินบางก้อนไม่ได้ฝังตัวแน่น เวลาจะก้าวเท้าเหยียบต้องระวังมากๆ ..เจองูตัวหนึ่งด้วยค่ะ แต่หลังจากทักทายกัน ..เราตัดสินใจที่จะไม่เบียดเบียนซึ่งกันและกันค่ะ .. ต่างหลบหลีก ทางใครทางมันค่ะ
ณ จุดที่ความสูงเป็น 3 เท่าของความสูงของวัดเจ้าพ่อเขาใหญ่ .. เป็นยอดที่สูงที่สุดของเขาแห่งจุลจอมเกล้า และเป็นที่ตั้งของเสาธงอัษฎางค์ และศิลาจารึกพระบรมนามาภิไธย “จ จ จ” ซึ่งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯให้สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2434 เป็นบริเวณที่สามารถชมทิวทัศน์เกาะสีชังได้โดยรอบ
ผิดหวังเล็กๆ .. กับเสาธง และการปฏิบัติต่อสถานที่ที่เป็นที่ตั้งของศิลาจารึกพระปรมาภิไธย .. สถานที่ที่สำคัญเยี่ยงนี้ น่าจะดูดีกว่าที่เห็นในวันที่ไปเยือน .. เป็นที่ที่เห็นแล้วเศร้าอีกแล้วค่ะ ...
หลังจากถ่ายรูปท่ามกลางความร้อนจัดจากแสงแดด เนื่องจากบนลานโล่งที่ยอดพระจุลจอมเกล้าไม่มีที่หลบพักจากความร้อนได้ .. เราสำรวจหาบันไดที่นำลงมานั่งพักด้านข้าง .. ไม่พบ จึงต้องปีนลงมาทางเดิม..
ใครบางคนเล่าว่า .. เมื่อกว่าร้อยปีที่แล้ว จะมีหน่วยทหารขึ้นไปเฝ้าดูเรือที่ผ่านเข้าออกในบริเวณนี้ และจะส่งสัญญาณธงมาที่หน่วยทหารด้านล่าง .. ไม่แน่ใจว่าส่งสัญญาณกันด้วยวิธีไหน .. รู้แต่ว่าหากป็นสมัยนี้ ก็คงใช้วิทยุสื่อสาร หรือโทรศัพท์มือถือเป็นตัวช่วยค่ะ ..
โฆษณา