Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
ThaiHypnosis
•
ติดตาม
2 ก.ย. 2024 เวลา 16:22 • สุขภาพ
สุขภาพจิตมีผลโดยตรงต่ออายุขัย
ถ้าให้ลองนึกถึงภาพวันที่แย่ ๆ ที่สุดที่เคยเจอในชีวิต….
วันนั้นอาจจะเป็นวันที่ต้องเจอกับงานที่หนักเกินไป เจอกับคนที่ไม่เข้าใจ หรือรู้สึกโดดเดี่ยวจนไม่อยากลุกจากเตียง อาจรู้สึกเหมือนทุกอย่างมันถาโถมเข้ามา ทั้งความเครียด ความโกรธ ความเศร้า หรือความรู้สึกไม่ไหวแล้วกับทุกอย่าง
บางทีเราอาจจะคิดว่าอารมณ์เหล่านี้จะอยู่แค่ในหัวใจ เป็นเรื่องของจิตใจที่เดี๋ยวก็ผ่านไป แต่จริง ๆ แล้ว อารมณ์ที่ไม่ดีเหล่านี้ทำงานลึกไปกว่าที่เราคิด มันไม่ได้จบอยู่แค่ที่ใจ แต่ไปไกลถึงเซลล์เล็ก ๆ ในร่างกายของเราทุกเซลล์ด้วย
นักประสาทวิทยาศาสตร์ (Neuroscience) บอกกับเราว่า อารมณ์ที่เรารู้สึก ไม่ว่าจะเป็นความเครียด ความโกรธ หรือความเศร้า ไม่ได้เกิดขึ้นแค่ในภายจิตใจ แต่สมองของเราจะตอบสนองต่ออารมณ์เหล่านี้ด้วยการปล่อยสารเคมีและสัญญาณไฟฟ้าที่ส่งผลกระทบไปทั่วร่างกาย
ทุกครั้งที่เรารู้สึกเครียด สมองส่วนที่เรียกว่า Amygdala ซึ่งเป็นศูนย์ควบคุมอารมณ์ จะเริ่มทำงานหนักขึ้น เหมือนเปิดสวิตช์ให้ระบบต่าง ๆ ในร่างกายเตรียมพร้อมรับมือกับภัยคุกคาม แม้ว่าภัยนั้นจะเป็นแค่ความคิดในหัวเราเองก็ตาม
การทำงานหนักของ Amygdala จะส่งสัญญาณไปยังระบบประสาทอัตโนมัติให้ร่างกายปล่อยฮอร์โมนคอร์ติซอลออกมา ฮอร์โมนตัวนี้เป็นเหมือนดาบสองคมที่ในขณะที่มันช่วยให้เราพร้อมสู้กับความเครียด มันก็สร้างผลข้างเคียงที่ร้ายแรงให้กับร่างกายของเราไปด้วย
คอร์ติซอลในระดับที่สูงขึ้นเรื่อย ๆ จากความเครียดสะสมทำให้เกิดการอักเสบในร่างกาย การอักเสบนี้เองเป็นตัวการที่ทำให้เซลล์เสื่อมสภาพเร็วกว่าปกติ เป็นเหมือนกระบวนการที่บั่นทอนอายุของเซลล์เราโดยไม่ทันรู้ตัว
ลองนึกถึงไฟที่กำลังเผากระดาษช้า ๆ ก็ได้ ไฟนั้นจะค่อย ๆ กัดกินกระดาษจนกระทั่งหมดทั้งแผ่น
ความเครียดก็ทำงานแบบนั้นในร่างกายเราในลักษณะเดียวกัน มันเผาไหม้และทำให้เซลล์ในร่างกายเราทำงานหนักเกินกว่าที่ควรจะเป็น ทำให้เซลล์ตายเร็วขึ้น
และเมื่อเซลล์เสื่อมเร็ว อายุของเราก็ถูกเร่งให้สั้นลงตามไปด้วย
นอกจากคอร์ติซอลแล้ว ความเครียดยังทำให้ Telomeres ซึ่งเป็นปลายของโครโมโซมในเซลล์สั้นลง
Telomeres นี้เป็นเหมือนฝาปิดที่ช่วยป้องกัน DNA ในโครโมโซมไม่ให้เสียหาย แต่เมื่อเรามีความเครียดเรื้อรัง Telomeres จะถูกทำลายและหดสั้นลง ซึ่งการที่ Telomeres สั้นลงนี้เป็นตัวบ่งบอกว่าเซลล์กำลังแก่ตัวและใกล้จะเสื่อมสภาพ
การศึกษาพบว่าคนที่เครียดมากมี Telomeres ที่สั้นกว่าเมื่อเทียบกับคนที่มีชีวิตที่ผ่อนคลาย ผลที่ตามมาคือพวกเขามีแนวโน้มที่จะเป็นโรคเรื้อรังต่าง ๆ เช่น โรคหัวใจ เบาหวาน หรือแม้กระทั่งมะเร็ง ซึ่งเป็นผลมาจากการที่เซลล์ในร่างกายทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ
ในทางเดียวกัน ความโกรธก็เป็นอารมณ์ที่ทำลายเซลล์ของเราอย่างเงียบ ๆ เวลาที่เราโกรธ สมองจะปล่อยสารอะดรีนาลีน ซึ่งกระตุ้นให้หัวใจเต้นเร็ว ความดันเลือดสูงขึ้น กล้ามเนื้อตึงเครียดและพร้อมสู้เหมือนเราอยู่ในสนามรบ
แม้ว่าความโกรธจะเป็นปฏิกิริยาธรรมชาติ แต่หากปล่อยให้ความโกรธคุกรุ่นอยู่ในใจมันจะกลายเป็นพิษที่ค่อย ๆ บั่นทอนชีวิตเราไปทีละน้อย การเก็บความโกรธไว้นาน ๆ ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันถูกกดดัน และทำให้การอักเสบในร่างกายเพิ่มขึ้น
การอักเสบนี้เองเป็นตัวเร่งที่ทำให้เซลล์เสียหายและแก่เร็วขึ้น ความโกรธที่สะสมไม่ต่างอะไรกับระเบิดเวลาที่รอวันทำลายสุขภาพเรา
และเมื่อพูดถึงความเศร้า ความเหงา หรือความรู้สึกโดดเดี่ยว อารมณ์เหล่านี้ไม่ใช่แค่เรื่องของใจที่รู้สึกหน่วง แต่มันทำให้สมองเราหลั่งสารเคมีที่เชื่อมโยงกับความเจ็บปวดทางกาย
เช่น สารคอร์ติซอลที่เพิ่มขึ้นและสารโปรอักเสบที่ไปกระตุ้นการอักเสบในร่างกาย คนที่รู้สึกเหงาหรือซึมเศร้าเรื้อรังมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคหัวใจและโรคเรื้อรังอื่น ๆ มากกว่าคนที่มีความสัมพันธ์ทางสังคมที่ดี
เหงาจึงไม่ใช่แค่ความรู้สึก แต่เป็นสิ่งที่ทำให้หัวใจของเราหนักและบั่นทอนชีวิตในแบบที่เราไม่รู้ตัว
การอักเสบในร่างกายเป็นกระบวนการที่ระบบภูมิคุ้มกันของเราตอบสนองต่อการบาดเจ็บ การติดเชื้อ หรือภัยคุกคามต่าง ๆ ซึ่งในสถานการณ์ปกติ การอักเสบจะช่วยปกป้องร่างกายและซ่อมแซมเนื้อเยื่อที่เสียหาย
มันเป็นเหมือนกองทัพเล็ก ๆ ที่ถูกส่งไปต่อสู้กับเชื้อโรคหรือสิ่งแปลกปลอมที่เข้ามาในร่างกาย แต่ปัญหาคือเมื่อการอักเสบเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง หรือกลายเป็นการอักเสบเรื้อรัง มันไม่เพียงแต่ต่อสู้กับศัตรู แต่ยังทำร้ายเนื้อเยื่อและเซลล์ของตัวเราเองด้วย
ซึ่งนี่แหละที่กลายเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้อายุสั้นลง
การอักเสบเรื้อรังทำให้ระบบภูมิคุ้มกันอยู่ในสภาวะที่ถูกกระตุ้นตลอดเวลา เหมือนกับเร่งเครื่องยนต์รถให้ทำงานหนักโดยไม่มีการพัก การที่ระบบภูมิคุ้มกันต้องทำงานต่อเนื่องเช่นนี้ทำให้เกิดการสร้างสารเคมีและโปรตีนที่มีฤทธิ์ในการทำลายเซลล์
เช่น Cytokines ที่เป็นสารอักเสบ ซึ่งทำให้เกิดความเสียหายกับเนื้อเยื่อและอวัยวะต่าง ๆ ในระยะยาว การอักเสบที่ไม่หยุดนี้จะเริ่มทำลายโครงสร้างของเซลล์ ทำให้เซลล์เสียหายหรือทำงานผิดปกติ
นอกจากนี้ การอักเสบเรื้อรังยังไปกระตุ้นกระบวนการออกซิเดชัน (Oxidation) ซึ่งเป็นกระบวนการที่สร้างสารอนุมูลอิสระ (Free Radicals) ในร่างกาย
อนุมูลอิสระเหล่านี้เป็นตัวการสำคัญที่ทำให้เซลล์เสื่อมสภาพและแก่เร็วขึ้น มันทำลายเยื่อหุ้มเซลล์ โปรตีน และแม้แต่ DNA ที่อยู่ภายในเซลล์
การทำลาย DNA อย่างต่อเนื่องทำให้เกิดความผิดปกติในการแบ่งตัวของเซลล์ ส่งผลให้เกิดการกลายพันธุ์และเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคร้ายแรง เช่น มะเร็ง โรคหัวใจ และโรคทางระบบประสาท เช่น อัลไซเมอร์
เมื่อเซลล์ถูกทำลายบ่อยครั้งและซ่อมแซมได้ไม่ทัน การสะสมของเซลล์ที่เสียหายและการอักเสบจะเพิ่มมากขึ้นในเนื้อเยื่อ ทำให้การทำงานของอวัยวะต่าง ๆ แย่ลงเรื่อย ๆ นี่เป็นสาเหตุที่ทำให้ร่างกายเริ่มเข้าสู่ภาวะเสื่อมสภาพเร็วกว่าที่ควรจะเป็น
นอกจากนี้การอักเสบเรื้อรังยังเกี่ยวข้องกับโรคเมตาบอลิก เช่น เบาหวานชนิดที่ 2 ความดันโลหิตสูง และภาวะไขมันในเลือดสูง ซึ่งล้วนแต่ทำให้การทำงานของหัวใจ หลอดเลือด และระบบอวัยวะหลัก ๆ เสื่อมลงอย่างรวดเร็ว
กระบวนการเหล่านี้เปรียบเสมือนการที่ไฟเล็กๆ ที่ค่อยๆ ลามและเผาไหม้ภายในร่างกายโดยที่เราไม่รู้ตัว
ทุกครั้งที่การอักเสบเกิดขึ้นและสะสมไปเรื่อย ๆ มันจะค่อย ๆ กัดกินสุขภาพของเราไปทีละน้อย ทำให้อวัยวะต่าง ๆ เสื่อมโทรมและทำงานได้ไม่เต็มที่ และสุดท้ายก็จะส่งผลให้เรามีอายุที่สั้นลง และเสี่ยงต่อการเกิดโรคร้ายแรงมากขึ้น
การดูแลและจัดการกับการอักเสบในร่างกายจึงเป็นสิ่งสำคัญไม่เพียงแต่จะทำให้เราอยู่ได้นานขึ้น แต่ยังทำให้ชีวิตที่เหลืออยู่มีคุณภาพและสุขภาพดีขึ้นอย่างยั่งยืน
แม้ที่ว่ามาทั้งหมดนี้จะฟังดูน่ากลัว แต่สิ่งที่ดีคือเรามีวิธีที่จะลดผลกระทบเหล่านี้ได้
การจัดการอารมณ์ไม่ได้หมายถึงการพยายามทำให้ทุกอย่างสมบูรณ์แบบหรือการหลีกเลี่ยงความรู้สึกด้านลบทั้งหมด แต่มันคือการหาทางจัดการกับอารมณ์เหล่านี้ให้ได้ การฝึกสติ (Mindfulness) และการทำสมาธิสามารถช่วยลดความเครียดและปรับสมดุลของสารเคมีในสมอง
การฝึกหายใจลึก ๆ ช้า ๆ ก็ช่วยให้ระบบประสาทสงบลง และลดการตอบสนองของ Amygdala ที่ทำงานหนักเกินไปในเวลาที่เราเครียดหรือโกรธ
นอกจากนี้ การพูดคุยกับคนที่ไว้ใจ การเปิดใจรับฟังตัวเอง หรือการทำกิจกรรมที่ทำให้เรารู้สึกดีอย่างการออกกำลังกาย การอ่านหนังสือ หรือการอยู่กับธรรมชาติ ล้วนเป็นสิ่งที่ช่วยให้เราจัดการกับอารมณ์ที่ไม่ดีได้ดีขึ้น
เราอาจจะไม่ได้เปลี่ยนทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตได้ แต่เราเปลี่ยนวิธีที่เรารับมือกับมันได้ และนั่นแหละคือการดูแลตัวเองที่ลึกซึ้งที่สุด
ชีวิตไม่เคยง่าย แต่การมีชีวิตที่ยืนยาวและสุขภาพดีไม่ได้ขึ้นอยู่กับแค่การดูแลร่างกายจากภายนอก แต่มันเริ่มจากการดูแลใจเราเอง
ทุกครั้งที่เราปล่อยวางความเครียด ลดความโกรธ และยอมรับความรู้สึกเหงาอย่างเข้าใจ เรากำลังให้โอกาสเซลล์ในร่างกายของเราได้พัก ได้ฟื้นฟู และได้ทำงานอย่างที่มันควรจะเป็น เป็นการยืดอายุให้กับตัวเองอย่างที่เราอาจไม่เคยรู้ตัวมาก่อนว่าทำได้ง่าย ๆ เพียงแค่เริ่มต้นจากใจของเราเอง
:)
www.thaihypnosis.com
#สะกดจิต #สะกดจิตบำบัด #NLP
#hypnosis #hypnotherapy
#บริการสะกดจิตบำบัดโดยนักจิตวิทยา
#ผู้เชี่ยวชาญการสะกดจิตบำบัด
#จิตวิทยา #กำลังใจ #บำบัดความเครียด
บันทึก
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย