คริส แซนเดอร์ ผกก. The Wild Robot เผย มีแรงบันดาลใจหลักเป็น My Neighbor Totoro ของฮายะโอะ มิยาซากิ
ปกติในทุกปี จะมีม้ามืดที่กลายเป็นผลงานที่สร้างเซอร์ไพร์ซ สตูดิโอแอนิเมชันอย่าง DreamWorks Animation ในวาระครบรอบ 30 ปี ก็ถือเป็นผู้ผลิตภาพยนตร์แอนิเมชันอีกเจ้าหนึ่ง ที่มีผลงานแฟรนไชส์ครองใจผู้คนมากมาย และปีนี้ หลังประเดิมมาด้วยผลงานภาคต่อกังฟูแพนด้า อีกหนึ่งผลงานที่รอเข้าฉาย คือการดัดแปลงหนังสือภาพในชื่อเดียวกันของ ปีเตอร์ บราวน์ กลายมาเป็นแอนิเมชันอย่าง “The Wild Robot“
โดยล่าสุด คริส แซนเดอร์ส ผู้กำกับ ฯ “The Wild Robot” ซึ่งมีเครดิตเป็นผลงานอย่างการเป็นนักวาดสตอรีบอร์ดให้กับทาง Disney หลายเรื่อง รวมถึงร่วมกำกับ “How to Train Your Dragon” ก็ได้ออกมาให้สัมภาษณ์กับทาง Discussing Film
เพื่อพูดแง่มุมในการสร้างแอนิเมชันเรื่องนี้ที่แตกต่างจากผลงานอื่นของสตูดิโอโดยสิ้นเชิง ทั้งการที่ตัวหนังมาพร้อมบทพูดที่น้อยกว่าแอนิเมชันทั่วไปมาก หรือกระทั่งงานภาพที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากผลงานของ ฮายะโอะ มิยาซากิ พร้อมนิยามว่า แอนิเมชันเรื่องนี้คือ “ภาพวาดโมเนต์ในป่ากว้างของมิยาซากิ”
“เราอยากที่จะให้ผู้ชม รู้สึกแบบเดียวแบบเดียวกับในสถานการณ์ที่รอซกำลังเผชิญ ให้ได้มากที่สุด เราลองเล่นกับไอเดียในฉากเปิดของหนัง ยกตัวอย่างเช่น จะมีช่วงฉากเปิดเรื่องที่คุณจะได้เห็นหุ่นของเธอกำลังถูกสร้างขึ้นมา จากนั้น เราจึงตัดสินใจเปิดเรื่องขณะที่เธอกำลังเปิดเครื่อง และตื่นขึ้นบนชายหาด เราคิดว่า นั่นเป็นหนทางที่ดีที่สุด ที่จะพาผู้ชมดึงดูดเข้าสู่เรื่องราวของเธอได้โดยสมบูรณ์”
“และจากในป่ากว้าง ที่เป็นสถานที่ ๆ ที่เธอจะใช้เวลาส่วนใหญ่ในนั้น เรามี ฮายะโอะ มิยาซากิ เป็นแรงบันดาลใจใหญ่ เพราะเขามีฝีมืออย่างล้นเหลือ ในการทำให้คุณรู้สึกหลงหายเข้าไปในธรรมชาติและพงไพร เฉกเช่นเดียวกับ ภาพวาดกวางแบมบี้ ของ ไทรัส หว่อง”
“มันไม่ใช่แค่งานภาพ แต่เป็นบรรยากาศที่ภาพยนตร์เหล่านั้นสร้างขึ้น และเราหวังที่จะบรรลุเป้าหมายนี้” แซนเดอร์ส กล่าว
ทั้งนี้ แซนเดอร์ส ก็เปรยว่า การได้ร่วมทำงานกับ DreamWorks และพัฒนา "The Wild Robot" ก็เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่เหมาะเจาะพอดี ที่งานระยะหลังของสตูดิโอ มาพร้อมการก้าวล้ำในเทคโนโลยี ที่มาพร้อมการนำเสนองานภาพรูปแบบใหม่ที่แตกต่างมากขึ้น จากปกติที่จะเป็นแอนิเมชันสามมิติปกติ ซึ่งด้วยจุดนี้ แซนเดอร์ส เลยมาพร้อมเป้าหมายในการนำเสนองานภาพที่เสมือนภาพวาดระบายสีให้ได้มากที่สุด
“เราได้สร้างในช่วงเวลาและสถานการณ์ที่เหมาะเจาะ การได้ร่วมงานกับยักษ์ใหญ่แบบ DreamWorks ที่ทำให้หนังแบบ ‘Puss in Boots: The Last Wish’ กับ ‘The Bad Guys’ ได้มีความก้าวล้ำอย่างน่าทึ่งในการสร้างสรรค์ภาพในภาพยนตร์ ซีจีได้มอบศักยภาพให้เรามากมาย โดยเฉพาะการคำนวนรูปทรงเรขาคณิตให้ดูสมจริง แต่เราสูญเสียบางสิ่งไป ตอนที่พวกเราเลิกทำแบบอนาล็อก เช่น การวาดภาพฉากหลังด้วยมือ”
“เราจึงใช้กลวิธีพู่กันระบายบนทุกสิ่ง แม้กระทั่งเอฟเฟค ก็ถูกปรับแต่งให้มีภาพลักษณ์คล้ายการวาดมือมากที่สุด พอผมได้เริ่มเห็นฟุตเทจ ผมก็ตกตะลึงพอ ๆ กับทุกคน หลังตระหนักได้ว่า มันไม่ใช่ภาพออกแบบ แต่เป็นฉากที่ถูกสร้างการแอนิเมชันมาแล้วเต็มรูปแบบ ทุกอย่างนับตั้งแต่ฟากฟ้าจนถึงต้นพฤกษา คือถูกระบายขึ้นทั้งหมด จากนั้น ผมถึงกับถามว่า เราสามารถขยายสิ่งเหล่านี้ ไปสู่เอฟเฟคต่าง ๆ เพื่อให้สอดคล้องกับภาพรวมที่เหลือของหนังได้หรือไม่?”
“ซึ่งมันสวยมาก! และผมอยากกลับไปทำแบบนี้อีก ทำให้โลกทั้งใบ ถูกแต่งแต้มระบายสีให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้” แซนเดอร์ส กล่าวทิ้งท้าย
“The Wild Robot” ว่าด้วยเรื่องราวของเจ้าหุ่นยนต์ “รอซ” รอซซั่มรุ่น 7134 หุ่นยนต์ล้ำสมัยที่ถูกซัดขึ้นฝั่งในเกาะที่รกร้างห่างไกลผู้คน และต้องเรียนรู้ ปรับสภาพเข้ากับสภาพแวดล้อมอันโหดหิน ก่อสร้างซึ่งความสัมพันธ์กับสรรพสัตว์บนเกาะแห่งนั้น จนกลายมาเป็นผู้ปกครองบุญธรรมของลูกห่านกำพร้า
“The Wild Robot” กำกับและเขียนบทโดย คริส แซนเดอร์ส (“The Croods” และ “The Call of the Wild”) จากหนังสือภาพในชื่อเดียวกันของ ปีเตอร์ บราวน์ ให้เสียงพากย์โดย ลูพิต้า ญองอ, เปโดร พาสคัล, แคทเธอรีน โอฮาร่า, บิล ไนฮ์อี้, คิท คอนเนอร์, สเตฟานี ชู, มาร์ค แฮมิล, แมตต์ เบอรี และ วิง แรมส์
“The Wild Robot” วางกำหนดฉายในไทย 13 ตุลาคม 2024
สามารถติดตาม Movie Trivia เพิ่มเติมได้ที่
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
