3 ก.ย. เวลา 16:01 • การตลาด

4 ความเข้าใจผิดๆ เกี่ยวกับ Digital Marketing

ที่เป็นมากกว่าแค่การตลาดออนไลน์
หลายคนในปัจจุบันคิดว่าการตลาดดิจิทัล (Digital Marketing) ก็เหมือนกับการตลาดออนไลน์ (Online Marketing) แต่ความจริงแล้ว Digital Marketing นั้นกว้างกว่าและรวมถึงกิจกรรมอื่นๆ นอกเหนือจากการตลาดออนไลน์ เช่น สื่อ social media เว็บไซต์ และอีเมล
เนื่องจาก Online Marketing สามารถวัดผลได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ หลายบริษัทจึงให้ความสำคัญกับช่องทางนี้เป็นอย่างมาก ผมมักได้ยินจากนักการตลาดในไทย ว่าพวกเขามุ่งเน้นไปที่การโพสต์บนโซเชียลมีเดียและการทำ Artwork ต่างๆ เนื่องจากพวกเขาหรือผู้บริหารของพวกเขาเชื่อว่านี่เป็นวิธีที่จะสร้างตัวตนหรือเข้าถึงลูกค้า แต่คุณอาจจะกำลังมองข้ามพลังของเครื่องมือดิจิทัลแบบออฟไลน์ เช่น SMS ป้ายโฆษณาทั้งแบบกระดาษหรือแบบดิจิทัล
สิ่งสำคัญ ที่นักการตลาดต้องเข้าใจว่า Digital Marketing นั้นเป็นมากกว่าสิ่งที่เกิดขึ้นบนโลกออนไลน์ โดยการคิดให้กว้างขึ้นและพิจารณาช่องทางดิจิทัลทั้งหมด เราสามารถค้นหาวิธีใหม่ ๆ ในการเชื่อมต่อกับลูกค้าและประสบความสำเร็จในธุรกิจได้
มาสำรวจ 4 ความเข้าใจผิดทั่วไป เกี่ยวกับ Digital Marketing กัน
Myth #1 : การยิงโฆษณา (Paid Advertising) คือสูตรสำเร็จ
คุณแน่ใจได้อย่างไรว่าจำนวน 'ไลค์' และ 'แชร์' เหล่านั้นจะนำไปสู่การขาย?
นักการตลาดหลายคนเชื่อว่าความสำเร็จหมายถึงการได้รับยอดไลค์ (Like) แชร์ (Share) และ คลิก (Click) จำนวนมากจากการโฆษณาแบบจ่ายเงิน เช่น บน Facebook หรือ Google Ads แม้ว่าตัวเลขเหล่านี้จะแสดงให้เห็นว่าโฆษณาของคุณถูกมองเห็น แต่นั่นไม่ควรเป็นสิ่งเดียวที่คุณโฟกัส สิ่งสำคัญคือต้องพิจารณาว่าโฆษณาเหล่านี้ช่วยให้ธุรกิจของคุณบรรลุเป้าหมายหรือไม่ เช่น นำพาไปสู่ขั้นตอนการสอบถาม การตัดสินใจ การสั่งซื้อ จนกระทั่งการกลับมาซื้อซ้ำของลูกค้าได้อย่างไร หรือเคลื่อน Customer Funnel ถัดไปได้อย่างไร
การโฆษณาออนไลน์แบบจ่ายเงินส่วนใหญ่ที่ทุกคนมักใช้กัน มักจะนำพาคนจำนวนมากมาที่ Top of Funnel ซึ่งหมายถึงคนที่เพิ่งเริ่มรู้จักธุรกิจหรือแบรนด์ของคุณเท่านั้น แต่คนเหล่านั้น 99% อาจจะไม่ได้ต้องการสินค้าบริการของคุณ ดังนั้นไม่ใช่ทุกคนที่เข้าชมจะกลายเป็นลูกค้าจริง นักการตลาดจึงต้องทำงานเพิ่มเติมในการคัดกรองและเปลี่ยนผู้เข้าชมเหล่านี้ให้กลายเป็นผู้ที่มีแนวโน้มจะซื้อสินค้า (Marketing Qualified Leads - MQLs)
ยกตัวอย่างเช่น การมีจำนวนคลิกบนโฆษณา Facebook มากอาจจะดูดี แต่ไม่ได้หมายความว่าคนเหล่านั้นจะซื้อสินค้าหรือบริการของคุณ คุณจำเป็นต้องติดตามพฤติกรรมหลังจากที่พวกเขาคลิก เช่น พวกเขาสมัครรับข้อมูลหรือไม่? หรือแค่เข้ามาดูแล้วออกไป? สิ่งนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจว่าผู้เยี่ยมชมคนใดที่สนใจจริง ๆ และพร้อมที่จะเดินทางไปยังขั้นตอนถัดไป
ถ้าคุณมุ่งเน้นไปที่การโฆษณาแบบจ่ายเงินเพียงอย่างเดียว คุณอาจพลาดโอกาสในการใช้ช่องทางการตลาดอื่น ๆ ที่สามารถช่วยให้ธุรกิจของคุณเติบโตได้ ลองพิจารณาใช้กลยุทธ์ผสมผสาน เช่น การปรับปรุงอันดับการค้นหาของเว็บไซต์ (SEO: Search Engine Optimaztion) การสร้างเนื้อหาที่เป็นประโยชน์ (Content Marketing) การส่งอีเมล (Email Marketing) หรือแม้แต่การใช้วิธีการออฟไลน์ สิ่งเหล่านี้สามารถทำงานร่วมกับการโฆษณาแบบจ่ายเงินเพื่อทำให้การตลาดของคุณมีประสิทธิภาพมากขึ้น
Myth #2 : ภาพลวงตาของการเข้าถึงแบบ Organic
การโพสต์บ่อยๆ จริง ๆ แล้วช่วยให้เข้าถึงคนได้มากขึ้น?
นักการตลาดหลายคนเชื่อว่าการโพสต์บ่อยๆ บน social media คือกุญแจสู่ความสำเร็จ พวกเขาเชื่อว่าหากสร้างและแชร์เนื้อหาบ่อย ๆ ก็จะมีคนเห็นและมีส่วนร่วมมากขึ้น แต่ความจริงไม่ง่ายขนาดนั้น
ผมเคยเจอเหตุการณ์นี้ด้วยตัวเอง คนในองค์กรบางครั้งมักจะตรวจสอบตัวเลขบน Facebook page และถามว่าทำไมโพสต์นี้ไม่ได้รับไลค์มากเท่าที่ควร หากเพ่งดูจริงๆ แล้ว ไลค์ส่วนใหญ่จะมาจากพนักงาน เพื่อน หรือครอบครัว ซึ่งนั่นไม่ใช่ลูกค้าที่เราต้องการเข้าถึง!!! มันเป็นความเข้าใจผิดที่พบบ่อยว่าการได้รับไลค์เยอะ ๆ แปลว่าประสบความสำเร็จ มันฟังดูตลกนิดหน่อย แต่มันก็เกิดขึ้นบ่อยจริงๆ
แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียใช้ระบบอัลกอริทึมในการตัดสินใจว่าใครจะเห็นโพสต์ของคุณ พวกเขาดูจากจำนวนคนที่มีส่วนร่วมกับเนื้อหาของคุณ ความเกี่ยวข้อง และความสดใหม่ของเนื้อหา ประกอบกับหากโพสต์ของคุณไปเข้าถึงเพื่อนร่วมงานก่อน ซึ่งทำให้ตัวเลขการมีส่วนร่วมดูดีเกินจริง ล่าสุดจากสถิติ We Are Social 2024 พบว่าคนไทยจะ engage กับ Facebook Post รูปภาพทั่วไปแค่เพียง 0.03%!!! นั่นยิ่งกลายเป็นเรื่องยากขึ้นมากๆ ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ในการเข้าถึงคนที่สำคัญจริง ๆ นั่นคือกลุ่มเป้าหมายของคุณ
การโพสต์หลายครั้งต่อวันอาจดูเหมือนเป็นความคิดที่ดีหรือไม่? หลายสำนักทั้งไทยและต่างประเทศก็ออกมากล่่าวแบบไม่มั่นใจ แต่ที่แน่ๆ มันอาจทำให้เนื้อหาของคุณมีประสิทธิภาพน้อยลง และอาจทำให้ผู้ติดตามของคุณรู้สึกรำคาญได้
แทนที่จะมุ่งเน้นไปที่ความถี่ในการโพสต์ ให้เน้นที่คุณภาพของเนื้อหาแทน ใช้เวลาและกำลังสมอง ทำให้เนื้อหาของคุณมีคุณค่า น่าสนใจ และเป็นสิ่งที่คนอยากแชร์ สิ่งนี้จะช่วยให้คุณมีโอกาสฝ่าอัลกอริทึมและเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่สำคัญที่สุดได้มากขึ้น อย่าลืมว่าไม่ใช่เรื่องของการโพสต์บ่อยแค่ไหน แต่สำคัญว่าผู้ชมของคุณให้ความสำคัญกับสิ่งที่คุณโพสต์มากแค่ไหน
Myth #3 : การเดินทางของลูกค้าเป็นเส้นตรง
คุณรู้จักลูกค้าของคุณมากแค่ไหน?
นักการตลาดหลายคนยังคงมองว่าการเดินทางของลูกค้าเป็นเส้นตรงที่ง่ายดาย ตั้งแต่การรู้จักสินค้าจนถึงการตัดสินใจซื้อ แต่โมเดลนี้ไม่ตรงกับวิธีที่ลูกค้าปฏิสัมพันธ์กับแบรนด์ในปัจจุบันเลยจริงๆ ลูกค้ามักจะเคลื่อนไหวไปมาระหว่างหลายๆ ขั้นตอน ยิ่งไปกว่านั้นหากโดนสิ่งเร้าก็อาจจะใช้ความรู้สึกในการตัดสินใจ เชื่อคำแนะนำของคนอื่น หรือเจอเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด ตัวอย่างเช่น บางคนอาจตัดสินใจซื้อสินค้าง่ายๆ อย่างกระดาษทิชชูได้ทันที ในขณะที่บางคนต้องค้นคว้าข้อมูลมากมายก่อนจะซื้อสินค้าขนาดใหญ่ เช่น รถยนต์
ทุกวันนี้ ลูกค้ามีการปฏิสัมพันธ์กับแบรนด์ผ่านหลายช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นโซเชียลมีเดีย เว็บไซต์ หรือประสบการณ์ในร้านค้า สิ่งสำคัญคือต้องเข้าใจและจัดการกับการปฏิสัมพันธ์เหล่านี้เพื่อสร้างการเดินทางของลูกค้าที่สมบูรณ์
จากประสบการณ์ของผมนั้น นักการตลาดหลายคนให้ความสำคัญกับการสร้างโอกาสในการขายในช่วงเริ่มต้นของการเดินทางมากเกินไปด้วยแคมเปญสร้างการรับรู้ (Awareness) ขณะที่บางคนเลือกใช้กลยุทธ์ระยะสั้นอย่างการลดราคาพิเศษเพื่อเพิ่มยอดขายอย่างรวดเร็ว แม้ว่าการลดราคาจะช่วยในระยะสั้น แต่ก็อาจทำลายชื่อเสียงและการเติบโตระยะยาวของแบรนด์ได้
แทนที่จะมองแค่จุดใดจุดหนึ่ง ควรพิจารณาการเดินทางของลูกค้าทั้งหมด ตั้งแต่การรับรู้จนถึงการซื้อ และจากนั้นการสร้างความภักดีและการสนับสนุน การปรับเปลี่ยนวิธีการเพื่อให้เหมาะสมกับลูกค้าแต่ละรายและสร้างเนื้อหาคุณภาพสูงที่สร้างความเชื่อมั่นและตอบสนองความต้องการของลูกค้าเป็นสิ่งสำคัญ การใช้ข้อมูลจากลูกค้าเพื่อนำมาปรับกลยุทธ์ยังช่วยให้คุณตอบสนองความคาดหวังของพวกเขาได้ดีขึ้นด้วย
การใช้กลยุทธ์แบบหลายช่องทาง ที่คุณสามารถรักษาความสม่ำเสมอของการสื่อสาร และสร้างความประทับใจให้กับลูกค้าได้ในทุกจุด จะช่วยให้คุณสร้างความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นและการเติบโตของธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
อย่าลืม! การเดินทางของลูกค้าไม่ได้เหมือนกันสำหรับทุกคน คุณจะต้องพร้อมที่จะพบลูกค้าในจุดที่พวกเขาอยู่ทุกที่ทุกเวลา และปรับตัวตามความต้องการของพวกเขา วิธีการนี้จะช่วยให้คุณสร้างความสัมพันธ์ที่ยั่งยืนและขับเคลื่อนการเติบโตระยะยาว
Myth #4 : การตลาดดิจิทัลคือการทำออนไลน์เท่านั้น
การตลาดดิจิทัล ≠ การตลาดออนไลน์
หลายคนเข้าใจว่าการตลาดดิจิทัลเป็นแค่การทำการตลาดผ่านช่องทางออนไลน์ เช่น โซเชียลมีเดีย เว็บไซต์ และอีเมล แต่จริงๆ แล้ว การมองแบบนี้แคบเกินไป เพราะลูกค้ามีการปฏิสัมพันธ์กับแบรนด์ในหลายๆ วิธี ไม่ว่าจะเป็นออนไลน์หรือออฟไลน์
หากต้องการสร้างประสบการณ์ที่ราบรื่นและมีประสิทธิภาพให้กับลูกค้า นักการตลาดต้องผสมผสานวิธีการดิจิทัลและแบบดั้งเดิมเข้าด้วยกัน ตัวอย่างเช่น ลูกค้าอาจจะได้ยินเกี่ยวกับสินค้าของคุณจากโฆษณาทางทีวี หรือป้ายโฆษณาตามถนน แล้วจึงจำได้ ในวันที่มีปัญหา ค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมทางออนไลน์ หรือพวกเขาอาจจะเห็นสินค้าในร้านค้าแล้วไปค้นหารีวิวในโซเชียลมีเดียภายหลังก็เป็นไปได้
การทำ Customer Journey หรือแผนที่การเดินทางของลูกค้า ก็จะช่วยระบุจุดสัมผัส Touchpoint ต่างๆ ที่ลูกค้าเจอเราทั้งในโลกออนไลน์และออฟไลน์ ทำให้คุณเข้าใจว่าลูกค้ามีการปฏิสัมพันธ์กับแบรนด์ในแต่ละขั้นตอนอย่างไร
การรวมข้อมูลลูกค้าเหล่านั้นจากแหล่งต่างๆ ทั้งโลกออนไลน์และออฟไลน์ แล้วนำมาประกอบกันจึงเป็นสิ่งจำเป็น เพราะมันช่วยให้เห็นภาพพฤติกรรมของลูกค้าชัดเจนยิ่งขึ้น และช่วยให้สามารถทำการตลาดได้อย่างแม่นยำ นี่คือเหตุผลที่แพลตฟอร์มข้อมูลลูกค้า (CDP: Customer Data Platform) กลายเป็นสิ่งที่สำคัญมากขึ้น CDP จะช่วยรวบรวมข้อมูลจากหลายแหล่งเพื่อสร้างโปรไฟล์ลูกค้าที่ครอบคลุม ทำให้สามารถปรับกลยุทธ์การตลาดและพัฒนาการมีส่วนร่วมของลูกค้าได้ดีขึ้น
การเพิ่มขึ้นของแพลตฟอร์มออนไลน์หลายๆ ตัว นั้นทำให้อุตสาหกรรม MarTech (เทคโนโลยีการตลาด) เติบโตขึ้น เนื่องจาก MarTech คือตัวช่วยจัดการและผสานเครื่องมือการตลาดออนไลน์ที่หลากหลายได้อย่างสะดวกสบาย อย่างไรก็ตาม การทำให้การตลาดออนไลน์และออฟไลน์ผสานกันอย่างไร้รอยต่อยังคงเป็นความท้าทายของนักการตลาดยุคนี้อยู่ เพราะธุรกิจต่างๆ ยังมีความซับซ้อนในการจัดการและเชื่อมต่อช่องทางและข้อมูลทางการตลาดจากแหล่งต่างๆ
แบรนด์ที่ประสบความสำเร็จมักจะใช้กลยุทธ์ผสมผสานระหว่างออนไลน์และออฟไลน์ เช่น ร้านค้าปลีกอาจใช้โฆษณาออนไลน์เพื่อดึงดูดลูกค้าให้เข้าร่วมโปรโมชั่นในร้าน หรือแบรนด์อาจใช้โซเชียลมีเดียเพื่อโปรโมตกิจกรรมที่จัดขึ้นบนโลกออฟไลน์
เพื่อที่จะประสบความสำเร็จอย่างแท้จริงในโลกของ Digital Marketing เราต้องมองการตลาดในภาพรวมที่ครอบคลุมทั้งเส้นทางของลูกค้า การยึดติดกับแนวคิดที่เน้นแค่ออนไลน์อย่างเดียวอาจจำกัดโอกาสในการสร้างแคมเปญการตลาดที่มีประสิทธิภาพและครอบคลุมซึ่งสามารถกระตุ้นการเติบโตของธุรกิจได้จริง
คุณคิดอย่างไรเกี่ยวกับเรื่องนี้? เห็นด้วยหรือมีมุมมองที่ต่างออกไป? มาร่วมพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในคอมเมนต์กันได้เลย!
หมายเหตุ: โพสต์นี้สะท้อนความคิดเห็นและประสบการณ์ส่วนตัวของผม ขณะที่ผมยังคงเรียนรู้ในสาขา Digital Marketing การเขียนบทความนี้เป็นส่วนนึงของการฝึกฝนและพัฒนาความเข้าใจของผมเอง และผมยินดีรับฟังความคิดเห็นและมุมมองที่หลากหลายจากทุกท่าน
#การตลาดดิจิทัล #กลยุทธ์การตลาด #DigitalMarketing #MarketingStrategy #BusinessGrowth #CustomerJourney #MarTech
โฆษณา