4 ก.ย. เวลา 01:22 • การศึกษา
เรื่องคำว่า ธรรม มันก็มีการพูดถึงกันมากมาย ธรรมขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่เราเคยได้ยินมา พระพุทธเจ้าท่าน ..ไม่ได้ตรัสอะไร หรือ จะบรรยายอะไรมาก ท่านพูดเพียงไม่กี่คำ พระสุรเสียงของท่าน ก็เข้าไปถึงจิตของผู้ที่มารับฟังได้
เราจึงได้ยินเรื่องของพระสารีบุตร ที่ว่า สิ่งต่างไหลมาแต่เหตุ เพียงแค่นี้ท่านก็เข้าใจ ส่วนคนสมัยนี้ ได้ยินคำนี้ ..ก็อุปโลกน์คิดนั่นนี่ด้วยทิฐิมานะ เห็นตนเองดีแล้ว ไม่รู้ว่า สิ่งที่พระสารีบุตร เข้าใจนั่นมีเรื่องราวอะไรบ้าง .มีรายละเอียดอย่างไรบ้าง ในสิ่งที่ว่า สะสมบุญกุศลบารมีมา มีปัญญาธรรมมา
เพราะจิตของท่านก็มีการสะสม สร้างบุญกุศลมา ท่านก็มาประพฤติปฏิบัติธรรม ของท่านต่อไปได้ สิ่งที่สำคัญ ในการประพฤติปฏิบัติธรรม สร้างบุญกุศลบารมี ก็เรื่องราวของจิตที่รู้จักธาตุนะโมที่หนุนนำให้จิตมีสังขารมีกายมาแก้ไข รู้จักเรื่องพระคุณของผู้ที่หล่อเลี้ยงสังขาร ที่เนื้อกรรมของสัตว์ที่มาหล่อเลี้ยงสังขาร รู้จักเรื่องราวของกรรมที่อยู่กับวิญญาณทั้งหกที่อารมณ์นั้นปรุงแต่ง
พระที่ท่านปฏิบัติธรรม ตามรอยพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าท่านทำกายนิ่ง จิตเฉยได้ ทำแข็งไปเป็นเหมืิลนเสา เหมือนต้นไม้ พระอานนท์ ก็ทำตามพระพุทธเจ้า กายนิ่ง จิตเฉยได้ พระที่ท่านทำได้ก็มี ท่านยืนนิ่งๆ ตัวแข็งๆ ไม่หกล้ม ยืนวางมือทั้งสองข้างเหนือสะดือ ท่านยืนได้ นิ่งจากหกโมงเย็นไปถึงเที่ยงคืน ท่านเคยบอกว่า ฉันทำเป็นวันก็ได้ ..นั่นเป็นเรื่องราวของจิตที่ท่านเป็นพระอเสขะ
เรื่องรอยทั้งสี่ขององค์ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า รอยยืน เดิน นั่ง นอน เป็นรอยที่สร้างบุญกุศลบารมี หนีกรรม ละลาย ชำระสะสางกรรมออกไปจาก เรื่องราวต่าง ธาตุนะโม ขันธ์ทั้งห้า วิญญาณทั้งหก น้ำเลือดน้ำหนองที่หล่อเลื้ยงกาย ทำบริสุทธิ์ ..ไม่มีกรรม ไม่อะไรที่ปรุงแต่ง ไม่อารมณ์โลภโกรธหลง จิตของพระท่านอ่านจิตท่านออกว่า ยังมีอะไรที่ตกค้าง ฝุ่นธุลี ..เม็ดทรายอะไรต่างๆ ท่านก็กรองคัดเอ้าท์ออกไปจากจิตของท่าน ท่านรู้จักวิธีที่ เอาสิ่งเหล่านี้ ออกไป
เรื่องราวของพระโมคคัลลา ..เรื่องราวที่เคยใช้ธาตุนะโม ผิดพลาดไปในอดีตชาติ นั่นก็ยังย้อนกลับมาให้ท่านต้องชดใช้ ในชาติสุดท้าย ปิดบัญชีกรรมที่ติดค้างอยู่กับดินฟ้าอากาศ ธาตุดินน้ำลมไฟ ท่านจึงเตือนสติ ในเรื่องราวของการเผลอสติใช้อารมณ์กับพ่อแม่ผู้ให้กำเนิด ที่จะทำให้ชีวิตเจอะเจออุปสรรคเสียหาย ขัดขวางที่จะใช้กาย ใช้ธาตุนะโมมาสร้างบุญกุศลบารมี คัดเอ้าท์กรรม
..คราวนี้ ในยุคนี้ เราไม่ได้ พบเจอะเจอ พระที่ท่านจะช่วยแนะนำ ..สอนทั้งวิธีทำบุญ การกราบ การสวดมนต์ การที่จะเริ่มต้นปฏิบัติธรรม ต้องทำอย่างไร เราหาไม่พบ เจอะเจอ บุุคคล ที่เข้าถึง ธรรมโลกุตระ
เรื่องของธรรม คัดเอ้าท์กรรม นั่น หาฟังยาก เพราะเป็นธรรม ที่ออกมาจากจิตของผู้ที่เข้าถึงธรรม จิตมีธรรม มันจึงเป็นเรื่องยาก ที่เราจะเจอะเจอ อีกอย่างหนึ่ง แม้จะเจอะเจอ เราก็ดู ..ไม่รู้จัก ..เราอ่านจิตท่านไม่ได้หรอก
มีผู้ที่..เข้ามาปฏิบัติธรรม .ฝึกหัด เอารอยทั้งสี่ นี้มากระทำ หากจิตไม่สะสมบุญกุศลมา หรือ ว่า มีเรื่องราวไสยศาสตร์ ก็ไม่สามารถ ที่จะมา ยืน เดิน นั่ง นอน ที่จะให้จิตมีคำภาวนาพุทโธ ไม่มีอารมณ์นึกคิดอะไรเลย เค้าจะทำไม่ได้ ..
นั่นจึงเป็นราวที่ อยากถามเหมือนกันว่า ธรรมนั้น ธรรมของใคร ..เพราะยุคนี้ มีจิตที่เป็นมาร มาเกิดมากมาย จิตที่คิดครองศาสนา มาดำรงตนในศาสนา ก็เอาคำสอนขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไปปรุงแต่ง ยึดเป็นคำสอนขิงตนที่ดำรงครองตนเป็นกาสาวพัสตร์ แม้ฆราวาส ก็ตั้งสำนักนั่นนี่ขึ้นมา แล้วเค้าใช้คำสอนของใคร บ้างก็ว่า เอาสิ่งนี้ไปยึดถือ ไปท่อง บ้างก็ปรุงแต่งวัตถุ สร้างอะไรใหญ่โต..มากมายก่ายกอง ..คนมีธรรมจริง เค้าจะทำแบบนี้มั้ย
พระพุทธเจ้าท่านก็ทิ้งเวียงวังมา พระอรหันต์ หลายพระองค์ก็ทิ้ง ทรัพย์สมบัติ ยศศักดิ์ ที่กินที่นอนที่ว่า สุขสบาย ท่านเห็นสิ่งเหล่านี้ ทำให้ต้องเกิดต้องตายอีก ท่านก็หยุดไม่เอาอีกแล้ว ทิ้งสิ่งเหล่านั้น ไปอยู่ป่า มีเสื้อผ้าปกปิดร่างกายไม่ให้อุจาดชุดเดียว นั่นคือ จิตที่ใหญ่ ..สะสมบุญบารมีมามากมายก่ายกอง จึงสามารถที่จะกระทำได้ แม้ขันตักน้ำ ก็ไม่มีติดตัวไป มีเพียงมือสองข้างที่นำไป
เจ้าชายสิทธัตถะ ท่านไปนอนกับใบไม้ นั่งนอนบนพื้นดิน นานถึงจะลุกไป ดื่มน้ำสักอึกหนึ่ง มาประทังสังขาร ต้องเดินไกล กว่าจะดื่มน้ำสักอึกหนึ่ง ฝนตก.ก็มีน้ำพัดรุนแรง พัดท่อนไม้ท่อนซุง ใบไม้ใบหญ้า ท่วมมาถึงคอ แต่กายท่านก็ยังตึงแน่น ไปไหลไปตามน้ำ พอลืมตา ขึ้นมาอีกครั้ง ท่านก็มาสำรวจตัวเองว่า ทำไม ไม่ไหลไปตามน้ำตามท่อนซุง ใบไม้ใบหญ้า
..ท่านก็ตรวจสอบดู ..อ้อ.เป็นเรื่องราวของบุญกุศลบารมี ที่กระทำมามากมายก่ายกอง จนดินฟ้าอากาศที่แปรปรวน ก็ไม่สามารถพัดกายที่มากมายก่ายกอง ด้วยบุญกุศลที่สะสมา สี่อสงไขย สะสมบุญกุศลไว้ที่ใด ที่ธาตุทั้งสี่ของท่าน จนกายนี้ เป็นกายแก้วเจียระไน
เรื่องราวของธรรมนั้น ก็พูดกันได้ แล้วมีใครบ้างละ ที่เดินตามรอยองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ ..พร้อมทั้งกายวาจาใจ เห็นจะมีก็แต่ในสมันต้นพุทธกาล ที่มีบุคคลที่สะสมบุญบารมีมาเต็มที่แล้ว มาฟังธรรมครั้งสุดท้าย เพื่อเข้าพระนิพพาน
โฆษณา