6 ก.ย. เวลา 06:00 • หุ้น & เศรษฐกิจ

หุ้นคุณค่า กับ หุ้นเติบโต ต่างกันอย่างไร? เลือกลงทุนในประเภทไหนดี

หุ้น ในตลาดหลักทรัพย์ฯ มีอยู่มากมาย และมีลักษณะแตกต่างกันไปตามปัจจัยพื้นฐานและปัจจัยทางเทคนิค ซึ่งมีการแบ่งกลุ่ม ตามลักษณะต่างๆ มากมาย
แต่ในวันนี้ บลจ. ซาวาคามิ (ประเทศไทย) ขอพาคุณไปทำความรู้จักกับหุ้น 2 ประเภท ที่ถูกกล่าวถึงบ่อยๆ นั่นก็คือ หุ้นคุณค่า และ หุ้นเติบโต ว่าทั้งสองประเภทนี้ มีความแตกต่างกันอย่างไร และประเภทไหนที่จะเหมาะกับสไตล์การลงทุนของคุณ
หุ้นคุณค่า คืออะไร?
หุ้นคุณค่า (Value Stock) คือหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดี แต่มีราคาต่ำกว่าราคาที่เหมาะสม เหมาะกับการลงทุนในระยะยาว โดยลักษณะเด่นของหุ้นประเภทนี้ เป็นหุ้นของธุรกิจที่มีความมั่นคง ผลการดำเนินงานไม่โดดเด่นแต่เติบโตสม่ำเสมอ และมีอัตราเงินปันผลอยู่ในระดับสูง นักลงทุนมักจะเรียกว่าเป็น “หุ้นดี ราคาถูก”
ข้อดี
  • มีราคาถูกกว่าเมื่อเทียบกับตลาด
  • การเติบโตสม่ำเสมอ
  • อัตราเงินปันผลสูง
ข้อเสีย
  • ราคาหุ้นอาจเติบโตช้า ต้องลงทุนระยะยาว
หุ้นเติบโต คืออะไร?
หุ้นเติบโต (Growth Stock) ก็จะตรงกันข้ามกับหุ้นคุณค่า นั่นก็คือเป็น “หุ้นดี ราคาแพง” เป็นหุ้นที่มีการเติบโตอย่างโดดเด่นและรวดเร็วในด้านการดำเนินงาน รายได้ และผลกำไรของบริษัท ทำให้มูลค่าของหุ้นเติบโตสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว เมื่อเทียบกับหุ้นตัวอื่นๆ ในอุตสาหกรรมเดียวกัน แต่มักจะมีอัตราเงินปันผลในระดับต่ำ หรืออาจจะไม่มีการจ่ายเงินปันผลเลย
ข้อดี
  • กิจการหรือบริษัท มีการเติบโตอย่างรวดเร็วและโดดเด่น
  • ราคาหุ้นเติบโตอย่างรวดเร็ว
ข้อเสีย
  • ราคาซื้อสูง
  • อัตราเงินปันผลต่ำ หรืออาจไม่มีเงินปันผล
เกณฑ์พิจารณาว่าหุ้นแบบไหนคือ หุ้นคุณค่า หรือ หุ้นเติบโต
อัตราจ่ายเงินปันผล
  • หุ้นคุณค่า
อัตราจ่ายเงินปันผลสูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหรือกลุ่มอุตสาหกรรมเดียวกัน
  • หุ้นเติบโต
อัตราจ่ายเงินปันผลต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหรือกลุ่มอุตสาหกรรมเดียวกัน
อัตราส่วนราคาตลาดต่อกำไร (P/E Ratio)
  • หุ้นคุณค่า
อัตราส่วนต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหรือกลุ่มอุตสาหกรรมเดียวกัน
  • หุ้นเติบโต
อัตราส่วนสูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหรือกลุ่มอุตสาหกรรมเดียวกัน
มูลค่าทางบัญชีต่อหุ้น (P/BV Ratio)
  • หุ้นคุณค่า
ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหรือกลุ่มอุตสาหกรรมเดียวกัน
  • หุ้นเติบโต
สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหรือกลุ่มอุตสาหกรรมเดียวกัน
หุ้นคุณค่า หุ้นเติบโต แต่ละประเภทเหมาะกับใคร?
หุ้นคุณค่า (Value Stock) และ หุ้นเติบโต (Growth Stock) ต่างก็มีข้อดี และข้อพิจารณาที่แตกต่างกันไป ซึ่งคุณควรพิจารณาจากคุณสมบัติของทั้งสองประเภทนี้ ว่าแบบไหนเหมาะกับคุณ ตัวอย่างเช่น
หุ้นคุณค่า ที่มีอัตราเงินปันผลสูง แต่การเติบโตของมูลค่าหุ้นไม่โดดเด่น อาจเหมาะกับการลงทุนในระยะยาว ที่เน้นรับเงินปันผลเป็นหลัก แต่กลับกัน หุ้นเติบโต ที่อัตราเงินปันผลต่ำหรือไม่มี แต่ก็มีการเติบโตของมูลค่าหุ้นที่รวดเร็วและโดดเด่น อาจเหมาะกับการลงทุนระยะสั้น หรือลงทุนแบบเก็งกำไร และมีเป้าหมายจากการทำกำไรจากส่วนต่างราคาหุ้น
แต่ทั้งนี้ ก็ไม่มีสูตรสำเร็จตายตัวว่าคุณจะต้องเลือกลงทุนในหุ้นประเภทใดเพียงประเภทเดียว และข้อดีของหุ้นแต่ละประเภทก็ไม่ได้การันตีว่าการลงทุนจะประสบความสำเร็จ ดังนั้น ก่อนตัดสินใจเลือกหุ้นต้องพิจารณาปัจจัยอื่นๆ ประกอบ เช่น วิเคราะห์ภาพรวมเศรษฐกิจ วิเคราะห์อุตสาหกรรม วิเคราะห์บริษัท การประเมินมูลค่าหุ้น รวมถึงการเลือกหุ้นให้เหมาะกับสไตล์การลงทุนของตัวเองและความเสี่ยงของตัวเองที่ยอมรับได้
อ้างอิง:
โฆษณา