4 ก.ย. เวลา 04:54 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์

ความรู้สึกถึงบางสิ่งที่คู่ควรเสมอกัน: การเดินทางสู่ใจกลางความคาดหวัง

ในโลกที่เต็มไปด้วยความสัมพันธ์และปฏิสัมพันธ์ระหว่างบุคคล ความรู้สึกถึงบางสิ่งที่คู่ควรเสมอกัน หรือ "Sense of Entitlement" เป็นเสมือนเงาสะท้อนของความคาดหวังและความต้องการภายในจิตใจของเรา มุมมองเชิงจิตวิทยาเชิงวิเคราะห์มองว่า ความรู้สึกนี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่ลักษณะนิสัยผิวเผิน แต่เป็นผลลัพธ์ของปฏิสัมพันธ์อันซับซ้อนระหว่างปัจจัยภายในจิตใจ และประสบการณ์ที่หล่อหลอมเราตั้งแต่วัยเยาว์
รากฐานจากจิตไร้สำนึก: มุมมองของฟรอยด์
ซิกมุนด์ ฟรอยด์ บิดาแห่งจิตวิเคราะห์ มองว่าจิตใจมนุษย์ประกอบด้วยสามส่วนหลัก คือ Id, Ego, และ Superego Id เป็นตัวแทนของสัญชาตญาณดิบ ความต้องการพื้นฐาน และแรงขับทางเพศที่ต้องการความพึงพอใจในทันที ในขณะที่ Superego ทำหน้าที่เป็นเสมือนผู้พิพากษาภายในจิตใจ เป็นตัวแทนของศีลธรรม ค่านิยม และความคาดหวังของสังคม หาก Id มีอำนาจเหนือกว่า Superego บุคคลนั้นอาจพัฒนาความรู้สึกว่าตนเองมีสิทธิ์ได้รับสิ่งต่างๆ
โดยไม่คำนึงถึงความเหมาะสมหรือผลกระทบต่อผู้อื่น นอกจากนี้ กลไกป้องกันตนเอง เช่น การปฏิเสธ (denial) หรือการหาเหตุผลเข้าข้างตนเอง (rationalization) อาจถูกนำมาใช้เพื่อปกป้อง Ego จากความขัดแย้งภายใน และเสริมสร้างความรู้สึกถึงบางสิ่งที่คู่ควรเสมอกันให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น
ประสบการณ์วัยเยาว์: บ่อเกิดแห่งความคาดหวัง
ประสบการณ์ในวัยเด็กมีบทบาทสำคัญในการสร้างความเชื่อและทัศนคติเกี่ยวกับคุณค่าของตนเองและสิ่งที่ตนเองควรได้รับ เด็กที่ถูกตามใจมากเกินไปอาจเติบโตขึ้นมาพร้อมกับความคาดหวังว่าโลกจะหมุนรอบตัวเขา และตนเองสมควรได้รับการปฏิบัติเป็นพิเศษ ในทางตรงกันข้าม เด็กที่ถูกละเลยหรือถูกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรมอาจพัฒนาความรู้สึกถึงบางสิ่งที่คู่ควรเสมอกัน เพื่อชดเชยสิ่งที่ขาดหายไปในวัยเด็ก
หลากหลายมุมมอง: เหนือกว่าจิตวิเคราะห์
นอกจากทฤษฎีจิตวิเคราะห์ ยังมีทฤษฎีอื่นๆ ที่ช่วยให้เราเข้าใจความรู้สึกถึงบางสิ่งที่คู่ควรเสมอกันได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น ทฤษฎีการเรียนรู้ทางสังคมเน้นถึงอิทธิพลของสิ่งแวดล้อมและการเลียนแบบพฤติกรรมของบุคคลรอบข้าง ในขณะที่ทฤษฎีความสัมพันธ์กับวัตถุเน้นถึงความสำคัญของความสัมพันธ์ในวัยเด็กต่อการพัฒนาบุคลิกภาพและความรู้สึกเกี่ยวกับตนเอง
หลากหลายมุมมอง: เหนือกว่าจิตวิเคราะห์ - สำรวจความรู้สึกถึงบางสิ่งที่คู่ควรเสมอกันผ่านเลนส์ที่หลากหลาย
ในขณะที่ทฤษฎีจิตวิเคราะห์ของฟรอยด์ได้วางรากฐานสำคัญในการทำความเข้าใจความรู้สึกถึงบางสิ่งที่คู่ควรเสมอกัน โลกแห่งจิตวิทยาไม่ได้หยุดนิ่งอยู่เพียงแค่นั้น ยังมีมุมมองอื่นๆ ที่ช่วยให้เราสำรวจปรากฏการณ์นี้ได้อย่างลึกซึ้งและรอบด้านยิ่งขึ้น
1. ทฤษฎีการเรียนรู้ทางสังคม: บทบาทของสิ่งแวดล้อมและการเลียนแบบ
Albert Bandura ผู้บุกเบิกทฤษฎีการเรียนรู้ทางสังคม เชื่อว่าพฤติกรรมของมนุษย์ รวมถึงความรู้สึกถึงบางสิ่งที่คู่ควรเสมอกัน เป็นผลมาจากการเรียนรู้จากสิ่งแวดล้อมและการสังเกตพฤติกรรมของผู้อื่น เด็กที่เติบโตในสภาพแวดล้อมที่ผู้ใหญ่แสดงออกถึงความรู้สึกถึงบางสิ่งที่คู่ควรเสมอกันสูง เช่น การเรียกร้องสิทธิพิเศษหรือการไม่ยอมรับความรับผิดชอบ อาจเรียนรู้และเลียนแบบพฤติกรรมเหล่านี้
นอกจากนี้ สื่อต่างๆ เช่น โทรทัศน์ ภาพยนตร์ หรือโซเชียลมีเดีย ก็สามารถมีอิทธิพลต่อการสร้างความคาดหวังและความเชื่อเกี่ยวกับสิ่งที่ตนเองควรได้รับ
ตัวอย่าง: เด็กที่เห็นพ่อแม่ของตนเองบ่นเกี่ยวกับการบริการที่ไม่ดีในร้านอาหาร และเรียกร้องให้ได้รับการชดเชย อาจเรียนรู้ว่าการแสดงความไม่พอใจเป็นวิธีที่จะได้สิ่งที่ตนเองต้องการ
2. ทฤษฎีความสัมพันธ์กับวัตถุ: รากฐานจากความผูกพันในวัยเด็ก
Melanie Klein และนักทฤษฎีความสัมพันธ์กับวัตถุคนอื่นๆ เชื่อว่าประสบการณ์ในวัยเด็ก โดยเฉพาะความสัมพันธ์กับผู้ดูแลหลัก มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาบุคลิกภาพและความรู้สึกเกี่ยวกับตนเอง เด็กที่ได้รับการตอบสนองความต้องการทางอารมณ์อย่างเหมาะสม มีแนวโน้มที่จะพัฒนาความรู้สึกมั่นคงปลอดภัยและความเชื่อมั่นในตนเอง ในขณะที่เด็กที่ถูกละเลยหรือได้รับการตอบสนองที่ไม่สอดคล้องกัน อาจพัฒนาความรู้สึกไม่มั่นคงและความรู้สึกถึงบางสิ่งที่คู่ควรเสมอกัน เพื่อชดเชยสิ่งที่ขาดหายไป
ตัวอย่าง: เด็กที่ถูกปฏิเสธความรักและความเอาใจใส่จากพ่อแม่อาจเติบโตขึ้นมาพร้อมกับความรู้สึกว่าตนเองไม่คู่ควรที่จะได้รับความรัก และพยายามเรียกร้องความสนใจจากผู้อื่นเพื่อเติมเต็มช่องว่างทางอารมณ์
แหล่งข้อมูลที่เกี่ยวข้อง:
• หนังสือ: Social Learning Theory โดย Albert Bandura
• บทความวิชาการ: Object Relations Theory and the Developmental Origins of the Sense of Entitlement โดย Patrick Luyten และ Koenraad Vanhoutte
ผลกระทบ: สองด้านของเหรียญ
ความรู้สึกถึงบางสิ่งที่คู่ควรเสมอกันมีทั้งด้านบวกและลบ ในด้านบวก มันสามารถสร้างแรงจูงใจและความมั่นใจในตนเอง ช่วยให้บุคคลกล้าที่จะตั้งเป้าหมายสูงและไขว่คว้าสิ่งที่ตนเองต้องการ อย่างไรก็ตาม หากความรู้สึกนี้เกินขอบเขต มันอาจนำไปสู่ความขัดแย้งในความสัมพันธ์ ความยากลำบากในการปรับตัว และปัญหาสุขภาพจิต เช่น ภาวะซึมเศร้าหรือวิตกกังวล
การจัดการ: สู่สมดุลแห่งความคาดหวัง
การจัดการกับความรู้สึกถึงบางสิ่งที่คู่ควรเสมอกันต้องอาศัยความเข้าใจตนเองและความตระหนักรู้ในพฤติกรรม การตั้งเป้าหมายที่สมจริง การฝึกความกตัญญู และการเรียนรู้ที่จะยอมรับความผิดพลาด ล้วนเป็นกลยุทธ์ที่ช่วยให้เราสร้างสมดุลระหว่างความคาดหวังและความเป็นจริง หากความรู้สึกนี้ส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวันอย่างรุนแรง การ seeking professional help อาจเป็นทางเลือกที่ดี
บทสรุป:
ความรู้สึกถึงบางสิ่งที่คู่ควรเสมอกันเป็นประเด็นที่ซับซ้อนและท้าทาย แต่การทำความเข้าใจถึงรากเหง้าและผลกระทบของมัน ช่วยให้เราสามารถนำทางตนเองและผู้อื่นไปสู่ความสัมพันธ์ที่แข็งแรงและสุขภาพจิตที่ดีได้ การยอมรับว่าความรู้สึกนี้เป็นส่วนหนึ่งของมนุษย์ และการเรียนรู้ที่จะจัดการกับมันอย่างเหมาะสม เป็นก้าวสำคัญในการเติบโตและพัฒนาตนเอง
คำสำคัญ: จิตวิทยาเชิงวิเคราะห์, ความรู้สึกถึงบางสิ่งที่คู่ควรเสมอกัน, ซิกมุนด์ ฟรอยด์, Id, Ego, Superego, กลไกป้องกันตนเอง, ประสบการณ์ในวัยเด็ก, ความสัมพันธ์, สุขภาพจิต, ทฤษฎีการเรียนรู้ทางสังคม, ทฤษฎีความสัมพันธ์กับวัตถุ
โฆษณา