4 ก.ย. 2024 เวลา 05:20 • สุขภาพ

เปลี่ยนชีวิตด้วยพลังงานที่ดี: สุขภาพดีเริ่มที่เซลล์ เคล็ดลับสุขภาพแบบใหม่ที่จะเปลี่ยนชีวิตคุณตลอดกาล

เมื่อพูดถึงสุขภาพ เรามักนึกถึงอาการภายนอกที่เห็นได้ชัด เช่น น้ำหนักตัว หรือความดันโลหิต แต่ถ้าเราลองมองลึกลงไปในระดับเซลล์ เราจะพบว่าสุขภาพที่แท้จริงเริ่มต้นจากภายใน โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากพลังงานที่เซลล์ของเราผลิตขึ้น
2
Dr. Casey Means แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเมแทบอลิซึม ผู้แต่งหนังสือ Best Seller ของ Amazon อยู่ในขณะนี้อย่าง “Good Energy: The Surprising Connection Between Metabolism and Limitless Health” ได้นำเสนอมุมมองใหม่ที่น่าสนใจ เธอเชื่อว่าสาเหตุหลักของโรคเรื้อรังต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นความดันโลหิตสูง เบาหวาน หรือแม้แต่มะเร็ง ล้วนมีจุดกำเนิดมาจากการทำงานที่ผิดปกติของพลังงานในเซลล์ของเรา
1
แนวคิดนี้อาจฟังดูแปลกใหม่สำหรับหลายคน แต่ลองนึกภาพว่าร่างกายของเราเป็นเหมือนเมืองใหญ่ที่มีเซลล์นับล้านล้านเป็นประชากร แต่ละเซลล์ต้องการพลังงานเพื่อทำหน้าที่ของตัวเอง เมื่อเซลล์ไม่สามารถผลิตพลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ก็เหมือนกับเมืองที่เผชิญวิกฤตพลังงาน ทุกอย่างเริ่มทำงานผิดปกติ และนำไปสู่ปัญหามากมาย
Dr. Means เสนอว่าแทนที่จะมุ่งเน้นการรักษาอาการของโรคต่างๆ เราควรหันมาให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาที่ต้นเหตุ นั่นคือการปรับปรุงการทำงานของพลังงานในเซลล์ของเรา วิธีการนี้ไม่ใช่การกินยาหรือการผ่าตัด แต่เป็นการปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตแบบองค์รวม ทั้งในด้านอาหาร การออกกำลังกาย และการจัดการกับปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อมต่างๆ
2
เรื่องราวของแม่ของ Dr. Means เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของปัญหานี้ ในช่วงวัย 40 ปี แม่ของเธอเริ่มมีปัญหาในการควบคุมน้ำหนัก และได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคความดันโลหิตสูง แพทย์จึงสั่งยา ACE inhibitor เพื่อช่วยขยายหลอดเลือด
เมื่อเข้าสู่วัย 50 ปี เธอมีระดับคอเลสเตอรอลสูงและได้รับยา statin พออายุ 60 ปี เธอเริ่มมีภาวะก่อนเบาหวานและได้รับยา Metformin แต่เมื่ออายุ 71 ปี เธอกลับได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งตับอ่อนระยะที่ 4 และเสียชีวิตเพียง 13 วันหลังจากนั้น
1
เรื่องราวนี้แสดงให้เห็นว่าปัญหาสุขภาพต่างๆ ที่ดูเหมือนไม่เกี่ยวข้องกัน แท้จริงแล้วอาจเป็นสัญญาณของปัญหาพื้นฐานเดียวกัน นั่นคือการทำงานที่ผิดปกติของพลังงานในเซลล์ การรักษาแบบแยกส่วนที่มุ่งเน้นเพียงการบรรเทาอาการ อาจไม่สามารถแก้ไขปัญหาที่รากเหง้าได้
1
แนวคิดเรื่อง “สุขภาพเมแทบอลิก” หรือ “พลังงานที่ดี (Good Energy)” จึงเป็นกุญแจสำคัญในการเข้าใจและแก้ไขปัญหาสุขภาพอย่างยั่งยืน เมื่อเซลล์ของเรามีพลังงานเพียงพอที่จะทำหน้าที่ได้อย่างเต็มที่ ร่างกายทั้งระบบก็จะทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้เรามีสุขภาพที่ดีในภาพรวม
แต่การจะทำความเข้าใจเรื่องนี้ เราต้องย้อนกลับไปดูว่าเซลล์ของเราต้องการอะไรบ้างในการทำงาน เซลล์แต่ละเซลล์ในร่างกายเราต้องการ Adenosine triphosphate (ATP) ซึ่งเป็นโมเลกุลพลังงานที่สำคัญ เพื่อทำหน้าที่หลัก 7 อย่าง ได้แก่ สร้างโปรตีน ซ่อมแซม DNA ส่งสัญญาณระหว่างเซลล์ การขนส่งโมเลกุลบางชนิด รักษาสมดุล กำจัดของเสีย และผลิตพลังงาน
1
เมื่อเซลล์ไม่สามารถผลิต ATP ได้อย่างเพียงพอ การทำงานทั้ง 7 อย่างนี้ก็จะเกิดปัญหา นำไปสู่ความผิดปกติต่างๆ ในร่างกาย เช่น การอักเสบเรื้อรัง ภาวะดื้อต่ออินซูลิน และในที่สุดก็นำไปสู่โรคเรื้อรังต่างๆ
แล้วอะไรทำให้เซลล์ของเราผลิตพลังงานได้ไม่ดี? คำตอบคือวิถีชีวิตสมัยใหม่ของเรานั่นเอง ไม่ว่าจะเป็นการกินอาหารมากเกินไป การขาดสารอาหาร ปัญหาเกี่ยวกับจุลินทรีย์ในลำไส้ การใช้ชีวิตที่ไม่ค่อยเคลื่อนไหว ความเครียดเรื้อรัง การใช้ยาบางชนิด การอดนอน การสัมผัสสารพิษในสิ่งแวดล้อม หรือแม้แต่แสงไฟเทียมที่เราเห็นในยามค่ำคืน ล้วนแต่ส่งผลเสียต่อการทำงานของไมโตคอนเดรีย ซึ่งเปรียบเสมือนโรงงานผลิตพลังงานของเซลล์
1
เมื่อไมโตคอนเดรียถูกทำลาย มันจะไม่สามารถเปลี่ยนอาหารเป็นพลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดการสะสมของไขมันในเซลล์และขัดขวางการทำงานปกติ สิ่งนี้นำไปสู่ภาวะดื้อต่ออินซูลิน ซึ่งเซลล์ไม่สามารถนำกลูโคสเข้าไปใช้ได้ ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้น ร่างกายพยายามแก้ปัญหานี้ด้วยการผลิตอินซูลินมากขึ้น แต่เมื่อเวลาผ่านไป ระบบนี้ก็จะล้มเหลว นำไปสู่ปัญหาสุขภาพเรื้อรังต่างๆ
1
ปัญหานี้ไม่ได้เกิดขึ้นกับคนส่วนน้อย แต่กำลังกลายเป็นวิกฤตสุขภาพระดับชาติ ในสหรัฐอเมริกา ผู้ใหญ่มากกว่า 50% และเด็กเกือบ 30% มีภาวะก่อนเบาหวานหรือเบาหวานชนิดที่ 2 นี่เป็นตัวเลขที่น่าตกใจและแสดงให้เห็นว่าปัญหาสุขภาพเมแทบอลิกกำลังแพร่ระบาดอย่างกว้างขวาง
แต่ข่าวดีก็คือ เราสามารถแก้ไขปัญหานี้ได้ โดยการปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตและอาหารการกิน Dr. Means เสนอแนวทางแบบองค์รวมที่มุ่งเน้นการปรับปรุงสุขภาพเมแทบอลิก ซึ่งรวมถึงการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อเซลล์ การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ การจัดการความเครียด และการหลีกเลี่ยงสารพิษในสิ่งแวดล้อม
การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้อาจดูเหมือนเป็นเรื่องยาก แต่ผลลัพธ์ที่ได้นั้นคุ้มค่ามาก การปรับปรุงสุขภาพเมแทบอลิกไม่เพียงแต่ช่วยป้องกันโรคเรื้อรัง ยังช่วยเพิ่มพลังงาน ปรับปรุงอารมณ์ และทำให้คุณภาพชีวิตโดยรวมดีขึ้น
1
แนวคิดเรื่อง “พลังงานที่ดี” นี้ไม่ใช่เพียงทฤษฎีล้าสมัย แต่เป็นวิธีการมองสุขภาพแบบใหม่ที่อยู่บนพื้นฐานของวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ มันท้าทายความเชื่อเดิมๆ ที่ว่าโรคเรื้อรังเป็นส่วนหนึ่งของการแก่ตัวที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ และเสนอว่าเราสามารถควบคุมสุขภาพของเราได้มากกว่าที่เราคิด
1
อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงระบบสุขภาพทั้งหมดให้มุ่งเน้นการป้องกันมากกว่าการรักษาไม่ใช่เรื่องง่าย ระบบการแพทย์ปัจจุบันมักจะได้กำไรจากการจัดการโรค ไม่ใช่การรักษาโรค ผู้ป่วยที่มีโรคเรื้อรังหลายโรคมักต้องพบแพทย์เฉพาะทางหลายคน และได้รับยาหลายชนิด
แม้จะได้รับการรักษาแล้ว อาการของพวกเขาก็ยังคงอยู่ การแทรกแซงด้านโภชนาการมักถูกมองข้าม และการอักเสบที่มักได้รับการรักษาด้วยยาหรือการผ่าตัดก็ยังคงกลับมาเป็นซ้ำ
นี่เป็นเพราะระบบการแพทย์ส่วนใหญ่ยังไม่ได้ตระหนักถึงสาเหตุที่แท้จริงของปัญหา นั่นคือการทำงานผิดปกติของเซลล์และปัญหาเมแทบอลิก แทนที่จะมองว่าโรคต่างๆ เป็นปัญหาแยกส่วน เราควรเริ่มมองว่ามันเป็นส่วนหนึ่งของปัญหาใหญ่เดียวกัน นั่นคือ “พลังงานที่ไม่ดี” ในระดับเซลล์
1
การมองปัญหาในมุมมองใหม่นี้ไม่ได้หมายความว่าเราต้องทิ้งการแพทย์แผนปัจจุบันทั้งหมด แต่เราควรบูรณาการแนวคิดเรื่องสุขภาพเมแทบอลิกเข้าไปในระบบการดูแลสุขภาพ เพื่อให้การรักษาครอบคลุมและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
1
หนึ่งในวิธีที่น่าสนใจในการติดตามสุขภาพเมแทบอลิกคือ “Bio-observability” ซึ่งหมายถึงการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ เช่น wearable devices และการตรวจทางห้องปฏิบัติการ เพื่อติดตามตัวบ่งชี้ทางชีวภาพต่างๆ ในร่างกาย
1
ตัวอย่างเช่น Emily หญิงตั้งครรภ์ 24 สัปดาห์ ทำการทดสอบความทนต่อกลูโคสแบบมาตรฐานและได้รับแจ้งว่าเธอไม่มีเบาหวานขณะตั้งครรภ์ แต่เมื่อเธอใช้เครื่องตรวจวัดน้ำตาลในเลือดแบบต่อเนื่อง (CGM) เธอกลับพบว่าระดับน้ำตาลของเธอสูงกว่าปกติ หากไม่มี CGM เธอจะไม่รู้เลยว่ามีภาวะนี้ ซึ่งอาจนำไปสู่ความเสี่ยงด้านสุขภาพที่ร้ายแรงทั้งสำหรับแม่และลูก
การมีข้อมูลนี้ทำให้ Emily สามารถจัดการกับภาวะของเธอได้ทันที โดยการปรับเปลี่ยนอาหารและวิถีชีวิต นี่เป็นตัวอย่างที่ดีของการใช้เทคโนโลยีเพื่อเข้าใจและควบคุมสุขภาพของตัวเองได้ดีขึ้น
นอกจาก CGM แล้ว ยังมีการตรวจทางห้องปฏิบัติการอื่นๆ ที่สามารถให้ภาพรวมของสุขภาพเมแทบอลิกได้ เช่น การตรวจระดับน้ำตาลในเลือดช่วงอดอาหาร (Fasting glucose) ระดับอินซูลินขณะอดอาหาร ความดันโลหิต เส้นรอบเอว อัตราส่วนไตรกลีเซอไรด์ต่อ HDL และอื่นๆ
1
การเข้าใจตัวบ่งชี้เหล่านี้ไม่เพียงแต่ช่วยในการวินิจฉัยโรค แต่ยังช่วยให้เราสามารถป้องกันปัญหาสุขภาพก่อนที่มันจะเกิดขึ้นด้วย เช่น ระดับไตรกลีเซอไรด์สูงมักเป็นผลมาจากการบริโภคน้ำตาลและคาร์โบไฮเดรตที่ผ่านการกลั่นกรองมากเกินไป การรู้เช่นนี้ทำให้เราสามารถปรับเปลี่ยนอาหารได้ก่อนที่ปัญหาจะลุกลามเป็นโรคร้ายแรง
1
แต่การมีข้อมูลอย่างเดียวไม่เพียงพอ เราต้องรู้วิธีใช้ข้อมูลนั้นเพื่อปรับปรุงสุขภาพด้วย Dr. Means เสนอแนวทางหลายอย่างที่เราสามารถทำได้เพื่อปรับปรุงสุขภาพเมแทบอลิก
1
ประการแรก เรื่องอาหารการกิน อาหารที่เรารับประทานมีผลโดยตรงต่อสุขภาพของเซลล์ การลดการบริโภคอาหารแปรรูป โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาหารที่มีน้ำตาล ธัญพืชขัดขาว และน้ำมันพืช เป็นก้าวแรกที่สำคัญ แทนที่จะบริโภคสิ่งเหล่านี้ เราควรหันมารับประทานอาหารที่ไม่ผ่านการแปรรูป เช่น ผักและผลไม้สด เนื้อสัตว์คุณภาพดี และไขมันที่มีประโยชน์
Dr. Means แนะนำให้รับประทานพืชอินทรีย์ 30 ชนิดที่แตกต่างกันต่อสัปดาห์ รวมถึงผักตระกูลกะหล่ำสองมื้อต่อวัน เธอยังเน้นย้ำความสำคัญของการรับประทานโปรตีนอย่างเพียงพอ โดยแนะนำให้รับประทานโปรตีนอย่างน้อย 30 กรัมต่อมื้อ
2
นอกจากนี้ การดื่มน้ำสะอาดอย่างเพียงพอก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน Dr. Means แนะนำให้ดื่มน้ำอย่างน้อยครึ่งออนซ์ต่อน้ำหนักตัวหนึ่งปอนด์ต่อวัน และควรใช้เครื่องกรองน้ำที่มีคุณภาพเพื่อกำจัดสารปนเปื้อนที่อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพ
ประการที่สอง การออกกำลังกายและการเคลื่อนไหวร่างกาย การนั่งนิ่งๆ เป็นเวลานานเป็นภัยคุกคามต่อสุขภาพเมแทบอลิกที่สำคัญ Dr. Means แนะนำให้เดินอย่างน้อย 7,000 ถึง 10,000 ก้าวต่อวัน ออกกำลังกายระดับปานกลาง 150 นาทีต่อสัปดาห์
1
การเคลื่อนไหวร่างกายไม่เพียงแต่ช่วยเผาผลาญแคลอรี่ แต่ยังช่วยกระตุ้นการทำงานของไมโตคอนเดรียและปรับปรุงความไวต่ออินซูลินด้วย นอกจากนี้ การสัมผัสกับอุณหภูมิที่แตกต่าง เช่น การอาบน้ำเย็นหรือการใช้ซาวน่า ก็สามารถกระตุ้นการทำงานของเซลล์และปรับปรุงสุขภาพเมแทบอลิกได้
ประการที่สาม การจัดการความเครียดและการนอนหลับ ความเครียดเรื้อรังและการนอนหลับที่ไม่เพียงพอสามารถทำลายสุขภาพเมแทบอลิกได้อย่างรุนแรง Dr. Means แนะนำให้ฝึกสติและทำสมาธิทุกวัน และพยายามนอนหลับให้ได้ 7-8 ชั่วโมงต่อคืน
4
การลดการใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ก่อนนอน และการสัมผัสกับธรรมชาติเป็นประจำ สามารถช่วยลดความเครียดและปรับปรุงคุณภาพการนอนหลับได้ นอกจากนี้ การจำกัดช่วงเวลาในการรับประทานอาหารให้อยู่ในช่วง 8-12 ชั่วโมงต่อวัน ก็สามารถช่วยปรับปรุงการทำงานของระบบเมแทบอลิกได้
2
ประการสุดท้าย การหลีกเลี่ยงสารพิษในสิ่งแวดล้อม สารเคมีสังเคราะห์มากมายในชีวิตประจำวันของเรา ตั้งแต่สารเคมีในผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด ไปจนถึงสารกำจัดศัตรูพืชในอาหาร สามารถรบกวนการทำงานของระบบเมแทบอลิกได้ การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ธรรมชาติและการรับประทานอาหารอินทรีย์สามารถช่วยลดการสัมผัสกับสารพิษเหล่านี้ได้
การปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตเหล่านี้อาจดูเหมือนเป็นงานที่ยิ่งใหญ่ แต่ Dr. Means เน้นย้ำว่าไม่จำเป็นต้องทำทุกอย่างพร้อมกันทีเดียว การเริ่มต้นทีละเล็กละน้อยและค่อยๆ สร้างนิสัยใหม่ทีละอย่างสามารถนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืนได้
2
แนวคิดเรื่อง “พลังงานที่ดี” นี้ไม่ใช่เพียงทฤษฎีทางการแพทย์อีกอย่างหนึ่ง แต่เป็นวิธีการมองสุขภาพแบบใหม่ที่ให้อำนาจแก่เราในการควบคุมสุขภาพของตัวเอง แทนที่จะรอให้เกิดปัญหาแล้วค่อยรักษา เราสามารถป้องกันและรักษาโรคเรื้อรังได้ด้วยการดูแลสุขภาพเมแทบอลิกของเราอย่างจริงจัง
3
การเปลี่ยนแปลงนี้ไม่ได้เกิดขึ้นชั่วข้ามคืน และไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเปลี่ยนนิสัยที่เราสั่งสมมาตลอดชีวิต แต่ผลลัพธ์ที่ได้นั้นคุ้มค่ากับความพยายาม ไม่เพียงแต่เราจะมีสุขภาพที่ดีขึ้น แต่เรายังจะมีพลังงานมากขึ้น อารมณ์ดีขึ้น และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นโดยรวม
ในท้ายที่สุด การมี “พลังงานที่ดี” ไม่ใช่เพียงแค่เรื่องของสุขภาพ แต่เป็นเรื่องของการมีชีวิตที่มีคุณภาพ มีพลัง และมีความหมาย เป็นการเปิดประตูสู่โอกาสและประสบการณ์ใหม่ๆ ที่เราอาจไม่เคยคิดว่าจะเป็นไปได้ เมื่อเรามีพลังงานที่ดี เราจะพบว่าเรามีศักยภาพมากกว่าที่เราเคยคิด และสามารถทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ได้มากกว่าที่เราเคยจินตนาการ
4
References :
หนังสือ : Good Energy: The Surprising Connection Between Metabolism and Limitless Health โดย Casey Means MD
◤━━━━━━━━━━━━━━━◥
หากคุณชอบคอนเทนต์นี้อย่าลืม 'กดไลก์'
หากคอนเทนต์นี้โดนใจอย่าลืม 'กดแชร์'
คิดเห็นอย่างไรคอมเม้นต์กันได้เลยครับผม
◣━━━━━━━━━━━━━━━◢
ติดตามสาระดี ๆ อัพเดททุกวันผ่าน Line OA ด.ดล Blog
คลิกเลย --> https://lin.ee/aMEkyNA
รวม Blog Post ที่มีผู้อ่านมากที่สุด
——————————————–
ติดตาม ด.ดล Blog เพิ่มเติมได้ที่
=========================
โฆษณา