5 ก.ย. เวลา 10:00 • การศึกษา

ทำไมชาวเกาหลีใต้ จึงนิยมพาลูกมาเรียนที่แคนาดา?

ชาวโลกรู้กันดีว่าเกาหลีใต้มีสภาพสังคมที่แข่งขันกันดุเดือดมาก ซีรี่ย์ที่เกี่ยวกับการศึกษา การสอบเข้า โรงเรียนกวดวิชาออกมาให้เราทึ่งกันตลอด ยิ่งเรียนจบมหาลัยดัง ภาษาอังกฤษเป๊ะ โอกาสได้งานดีๆ ก็สูงตาม จึงเป็นที่มาของพ่อแม่เกาหลีใต้ที่ทุ่มสุดตัวเพื่อการศึกษาของลูก แล้วมันเกี่ยวอะไรกับการโยกย้ายมาแคนาดา?
ที่มอนทรีออล จังหวัดควิเบก ตามโรงเรียนสอนภาษาเรามักจะพบคนเอเชียมากมาย สังเกตดูจะพบว่าหลายคนเป็นคุณแม่ชาวเกาหลี มีครอบครัวและมีลูกในวัยประถม กิจวัตรประจำวัน คือ คุณแม่ส่งลูกไปโรงเรียน ส่วนตัวคุณแม่ก็ไปนั่งเรียนภาษาอังกฤษ พอเลิกเรียนก็กลับไปจัดการงานบ้าน ทำกับข้าว รอรับลูกกลับจากโรงเรียน ในมอนทรีออลเองมีครอบครัวชาวเกาหลีลักษณะนี้อยู่หลักพันและมีแนวโน้มว่าจะมีมากขึ้นเรื่อยๆ
สำหรับชาวไทยที่มองหาช่องทางการย้ายมาแคนาดาทั้งครอบครัว วิธีหนึ่งที่นิยมกันมาก คือ ให้พ่อหรือแม่มาลงเรียน ลูกจะได้สิทธิเป็นผู้ติดตาม สามารถเข้าเรียนในโรงเรียนรัฐบาลได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย แต่หลักสูตรที่พ่อแม่ลงเรียนนั้นมักจะต้องเป็นหลักสูตรที่เป็นเรื่องเป็นราว
เงื่อนไขปัจจุบัน (ก.ค. 2024) คือต้องเป็นระดับปริญญาโทขึ้นไป และขึ้นอยู่กับเงื่อนไขการขอ Study Permit ในขณะนั้น คนไทยที่เคยมีประสบการณ์ยื่นขอ Study Permit โดยเฉพาะคนที่มีอายุ มีลูกมีครอบครัว มีหน้าที่การงานที่ไทย คงพอเข้าใจว่าการต้องยื่นเอกสารมากมายเพื่อให้รัฐบาลแคนาดายอมออก Study Permit ให้นั้นไม่ง่ายเลย
ครอบครัวเกาหลีใต้ที่มองหาช่องทางพาลูกมาเรียนที่แคนาดาก็ใช้วิธีเหมือนเรานี่แหละค่ะ คือให้พ่อหรือแม่ลงเรียนและให้ลูกเป็นผู้ติดตาม แน่นอนว่าพ่อแม่เกาหลีใต้ก็ไม่ต่างจากพ่อแม่ไทยนักที่พอเริ่มมีอายุก็ไม่ได้อยากไปนั่งเรียน นั่งทำรายงาน ทำการบ้านทั้งเดี่ยวทั้งกลุ่ม แถมต้องแบ่งเวลามาดูแลลูกอีก ดังนั้นถ้าสามารถลงคอร์สเรียนภาษาอังกฤษวันละ 3-4 ชั่วโมง ไม่ต้องปวดหัวกับบรรดารายงานและการบ้านมากมายเหมือนลงเรียนในมหาวิทยาลัยหรือโปรแกรม diploma น่าจะสบายกว่าเยอะจึงมาลงตัวที่เมืองมอนทรีออล จังหวัดควิเบก
แล้วทำไมต้องเป็นที่นี่?
รัฐบาลควิเบกอนุญาตให้ลูกที่อยู่ในวัยเรียนของผู้ถือวีซ่าเรียนภาษา สามารถเข้าเรียนในโรงเรียนรัฐได้ฟรี (ในจังหวัดอื่น หากเป็นผู้ติดตามของผู้ที่มาเรียนภาษาอย่างเดียวจะไม่สามารถเข้าเรียนได้ฟรี หรืออาจจะต้องมีเงื่อนไขอื่น เช่น เรียนภาษาเป็น pathway เพื่อเรียนต่อ diploma หรือที่เรียกว่า Conditional Letters of Acceptance)
ถึงแม้ว่าที่ควิเบกจะพูดฝรั่งเศสกัน แต่มอนทรีออลเป็นเมืองใหญ่ ผู้คนใช้ภาษาได้ดีทั้งอังกฤษและฝรั่งเศส ทำให้ครอบครัวเกาหลีใต้นิยมมาที่นี่กันมาก โดย(มักจะเป็น)แม่จะลงคอร์สเรียนภาษาอังกฤษครึ่งวัน (ที่ไม่ลงคอร์สเรียนภาษาฝรั่งเศสเพราะเมื่อถือ Study Permit รัฐบาลจะให้สิทธิในการเรียนภาษาฝรั่งเศสฟรีอยู่แล้ว จะเรียนหรือไม่เรียนก็แล้วแต่เรา) ข้อดีอีกอย่างของมอนทรีออลคือ ค่าครองชีพที่ต่ำกว่าเมืองใหญ่อื่นๆเช่น โตรอนโต้ หรือ แวนคูเวอร์
เนื่องจากควิเบกนั้นมีนโยบายด้านภาษาฝรั่งเศส จึงมีกฎค่อนข้างซับซ้อนอยู่สักนิดว่า การเข้าเรียนระดับประถมถึงมัธยมปลายของ ผู้ที่มาจากต่างประเทศที่ภาษาอังกฤษไม่ใช่ภาษาแม่ จะสามารถเข้าเรียนในโรงเรียนระบบภาษาอังกฤษได้เพียงชั่วคราวแค่สามปีเท่านั้น หากเกินสามปีจะต้องเปลี่ยนมาเรียนโรงเรียนที่สอนเป็นภาษาฝรั่งเศส
เมื่อศึกษากฎระเบียบอย่างรอบคอบแล้ว ครอบครัวชาวเกาหลีใต้จึงให้แม่สมัครเรียนคอร์สภาษาอังกฤษครึ่งวัน ค่าใช้จ่ายประมาณ 8,000 เหรียญต่อปี ส่วนลูกก็เข้าโรงเรียนประถมหรือมัธยมหลักสูตรภาษาอังกฤษใกล้บ้าน พอเป็นเด็กก็ง่าย เวลา 3 ปีนั้นเพียงพอที่จะได้ภาษาอังกฤษแน่นอน เมื่อกลับไปยังเกาหลีใต้ เด็กๆเหล่านี้จะมีข้อได้เปรียบมากในแง่ของภาษา
บางคนได้ฝรั่งเศสแถมกลับไปอีกด้วย เป็นใบเบิกทางชั้นดีในการเข้าเรียนต่อ สำหรับใครที่เป็นห่วงว่ามาเรียนชิลล์ๆ ที่แคนาดากลับไปจะสู้เด็กเกาหลีที่เรียนพิเศษหนักๆ กันได้หรือ ไม่ต้องเป็นห่วงค่ะ เด็กๆ หาคอร์สเรียนพิเศษออนไลน์ได้ทุกวิชา ส่งตรงจากเกาหลีใต้กันเลย และมีสภาพแวดล้อมไม่กดดันด้วย
ส่วนการขอ Study Permit สำหรับชาวเกาหลีใต้ก็ไม่ได้ยุ่งยากนัก เพราะโดยมากก็ไม่ได้มุ่งจะอยู่ยาวรอขอสัญชาติกัน และถ้าอยากมาเที่ยวก็ซื้อตั๋วบินมาได้เลย ไม่ต้องขอวีซ่าอยู่แล้ว ทางการแคนาดาจึงดูจะไม่ได้เข้มเรื่องเอกสารกับชาวเกาหลีใต้เท่าไหร่
ในสมการนี้ ดูเหมือนทุกอย่างจะลงตัว แต่ถ้าสังเกตให้ดีจะพบว่า แล้ว “พ่อ” ล่ะ อยู่ตรงไหน สำหรับคุณพ่อชาวเกาหลีนั้นมีทางเลือกหลายแบบ บางคนเลือกทำงานที่โซล บินมาเยี่ยมครอบครัวเป็นพักๆ ส่วนบางคน (มักจะทำงานในบริษัทใหญ่ สวัสดิการดี) อาจใช้สิทธิ์ Parental leave ลาหนึ่งปีสองปีแล้วบินมาพักสมอง พอครบกำหนดก็กลับไปทำงานอย่างเดิม ปล่อยให้ลูกและภรรยาเรียนที่แคนาดาต่อไป
สำหรับคนไทยที่อยากจะลองเส้นทางนี้บ้าง ต้องลองศึกษาข้อมูลดีๆ ว่าเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหน เพราะเงื่อนไขของประเทศเกาหลีใต้ต่างจากเราค่อนข้างมาก ในเอเชีย น่าจะมีอีกประเทศที่ใกล้เคียงคือญี่ปุ่น ซึ่งความนิยมในการเรียนภาษาอังกฤษไม่สูงเท่าเกาหลีใต้ อ่านให้ละเอียดติดตามกฎว่ามีเปลี่ยนแปลงหรือไม่ ขอให้โชคดีในทุกทางเลือก
โฆษณา