5 ก.ย. 2024 เวลา 03:30 • กีฬา

พรีเมียร์ลีกสอนผมจนน่วม : กว่าจะถึงวันที่พีกที่สุดของ เมริโน่ ป้ายแดงแข้งปืนโต | Main Stand

มิเกล เมริโน่ ย้ายจาก เรอัล โซเซียดาด มาอยู่กับ อาร์เซน่อล โดยไม่มีคำถามหรือข้อกังขาใด ๆ นี่คือนักเตะที่ยอดเยี่ยมที่สุดคนหนึ่งใน ลา ลีกา ช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา และเพิ่งคว้าแชมป์ยุโรปกับทีมชาติสเปนมาหมาด ๆ
เพียงแต่ว่ากว่าจะถึงวันที่เขาพีกและเป็นนักเตะที่ดีขนาดนี้ เขาก็เคยล้มเหลวในพรีเมียร์ลีกมาก่อน สมัยที่อยู่กับ นิวคาสเซิล
ประสบการณ์ครั้งนั้นให้อะไรกับเขา และในวันนี้เขาจะสร้างอิมแพ็กต์ให้กับ อาร์เซน่อล แค่ไหน ? ติดตามที่ Main Stand
วิชาไกลบ้านที่เยอรมัน
"นักเตะสเปน คือนักเตะที่ไปเล่นในทุก ๆ ลีกบนโลกนี้ เพราะมีเบสิกฟุตบอลที่ดี มีความเข้าใจด้านแท็คติก การยืนตำแหน่ง และเอาตัวรอดในที่แคบ ๆ สิ่งเหล่านี้มันเหมาะกับฟุตบอลสมัยใหม่"
นี่คือคำตอบของ "เม้ง" ชุมพตน์ ทรงสายสกุล หรือที่หลายคนคุ้นจากนามปากกา "ซัมเมอร์ฮิลล์" กูรูฟุตบอลแถวหน้าของไทย ถึงคำถามที่ว่า ทำไม สเปน จึงเป็นชาติฟุตบอลแถวหน้าของโลก ณ เวลานี้
คำถามนั้นย้อนกลับมาที่เรื่องราวของ มิเกล เมริโน่ นักเตะป้ายแดงของ อาร์เซน่อล ... ตัวของเขานั้นมีพ่อเป็นอดีตนักเตะของหลายสโมสรใน ลา ลีกา และมีแม่เป็นนักกีฬาบาสเกตบอลอาชีพ เขาเกิดในเมืองปัมโปลน่า แคว้นนาวาร์ร่า ติดกับแคว้นบาสก์ และเติบโตที่ โอซาซูน่า เมืองที่ อังเคล คุณพ่อของเขาเคยสร้างชื่อสมัยเป็นนักเตะ
การที่อยู่ในครอบครัวนักกีฬาถือเป็นแต้มต่อเล็ก ๆ ของเขา สิ่งที่หลายคนไม่รู้คือ ก่อนจะเล่นฟุตบอล เมริโน่ มีความสามารถทางกีฬาแทบทุกชนิด ไม่เว้นแม้กระทั่งการเป็นนักแข่งรถโกคาร์ท ที่เล่นควบคู่กันไปด้วยกับกีฬาชนิดอื่น ๆ จนกระทั่งมาถึงช่วงอายุ 14 ปีเขาจึงเริ่มตัดสินใจเอาดีทางฟุตบอลอย่างเดียวเน้น ๆ เนื่องจากมั่นใจว่าจะเป็นกีฬาที่เขาอยู่ด้วยได้ทั้งชีวิต เพราะเขาชอบฟุตบอลเป็นชีวิตจิตใจ
DNA นั้นมีผลจริง ... หลังเอาจริงเอาจังได้ปีเดียว มิเกล เมริโน่ ก็ได้ผ่านการทดสอบเข้าไปอยู่ในระบบเยาวชนของ โอซาซูน่า ตอนอายุ 15 ปี ... หลายคนบอกว่าเขาเป็นเด็กเส้นเพราะพ่อเป็นนักเตะเก่า เพียงแต่ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมันปฏิเสธเรื่องเด็กเส้นได้เป็นอย่างดี
เมริโน่ ก้าวขึ้นสู่ชุดเบ ตั้งแต่อายุ 17 ปี ก่อนขึ้นทีมชุดใหญ่ตั้งแต่อายุ 18 ปี และเป็นตัวหลักในทันที ซีซั่นแรก 2014-15 เขาพาทีมเลื่อนชั้นจาก เซกุนดา ดิวิชั่น ขึ้นสู่ลีกสูงสุด ขณะที่ซีซั่นต่อมา 2015-16 เขาเก่งยิ่งกว่าเดิมอีกด้วยซ้ำ ด้วยการพาทีมหนีตกชั้นสำเร็จ และผลงานส่วนตัวดีมากจนทีมที่ตาแหลมที่สุดในยุโรปเรื่องการซื้อถูกขายแพงอย่าง โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ต้องตามติดเขาอย่างไม่ลดละ
"เราจะได้ตัวดาวรุ่งฝีเท้าดีอย่าง มิเกล เมริโน่ อยู่แล้ว เราตกลงกับนักเตะได้แล้ว แต่ โอซาซูน่า ยกเลิกดีลในนาทีสุดท้ายของตลาดนักเตะเดือนมกราคม"
"พวกเขาไม่พร้อมจะขายนักเตะคนสำคัญของทีมออกไป และเราก็ไม่พร้อมจะจ่ายต่าตัวที่มากเกินการประเมิน หรือการจ่ายค่าฉีกสัญญาที่พวกเขาตั้งไว้ แต่ผมยืนยันได้ว่าเราจะกลับไปลองคว้าตัวเขาอีกครั้งเมื่อซัมเมอร์มาถึง" ฮันส์ โยอาคิม วัตซ์เก้ ซีอีโอ มือทองของ ดอร์ทมุนด์ ผู้สร้างยุคสมัยร่วมกับ เยอร์เก้น คล็อปป์ ว่าแบบนั้น
พวกเขามาอีกครั้งในซัมเมอร์ถัดมาตามที่บอก หนนี้ทุกอย่างจบลงด้วยราคา 5 ล้านยูโร ... ถูกมาก แต่ ดอร์ทมุนด์ ก็ต้องเอาไปปั้นต่อแบบที่พวกเขาถนัด
เมริโน่ มาที่นี่และเริ่มต้นได้ดีในการปรับตัว เขาคือนักเตะที่พร้อมเจอวัฒนธรรมใหม่ พร้อมอดทนเพื่อโอกาส และพร้อมจะเรียนรู้เพื่อพัฒนาตัวเอง แต่ โทมัส ทูเคิ่ล กุนซือในเวลานั้นไม่สามารถให้เวลากับเขาได้มากพอ และทุกอย่างไม่เป็นไปตามแผนเลย
การแข่งขันที่ดุเดือดในแดนกลางจน ทูเคิ่ล ไม่อาจเหลือเวลาให้ดาวรุ่งจากสเปนในวัย 20 ปี อย่าง เมริโน่ ได้ลงสนาม แม้การตกลงกันก่อนย้ายมาจะบอกว่าเขาต้องเป็นส่วนหนึ่งของทีมชุดใหญ่ แต่ความจริงไม่เป็นแบบนั้น เมริโน่ ได้เล่นแค่ 9 เกม และมีถึง 4 นัด ที่ ทูเคิล ขยับเขาลงไปเล่นเป็นเซ็นเตอร์แบ็ก นั่นทำให้เขาต้องขอย้ายออก เพื่อหาโอกาสลงเล่น
"ที่ ดอร์ทมุนด์ มันเป็นประสบการณ์ที่ดีนะ เรื่องชีวิตความเป็นอยู่ทุกอย่างโอเคหมด เพื่อนร่วมทีมดี เมืองสงบ และผู้คนเป็นมิตร แต่อย่างที่บอกว่าผมคือนักฟุตบอล ผมจะมีความสุขกับเรื่องนอกสนามอย่างเดียวไม่ได้" เมริโน่ กล่าวเมื่อปี 2018
"ผมไม่ปฏิเสธว่ามันมีช่วงแย่ ๆ แต่โดยรวมมันไม่ใช่ช่วงเวลาที่เลวร้าย บางครั้งผมถูกโค้ชบอกให้พยายามทำแบบเดิมต่อไป ซึ่งผมก็ใส่แบบสุดตัวแล้ว แต่ผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมผมยังไม่ได้ลงเล่น"
"และผมจะไม่โกหกคุณว่า บางวันผมก็รู้สึกหดหู่ที่ถูกมองข้าม แต่ในทางหนึ่งผมก็โชคดีที่มีผู้คนดี ๆ คอยให้กำลังใจอยู่รอบตัว มันทำให้ผมมีชีวิตชีวา มันทำให้ผมยังเชื่อมั่นในตัวเอง ว่าผมจะสามารถไปถึงในระดับที่สูงยิ่งขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ได้"
สุดท้าย เมริโน่ ก็ตกลงปลงใจกับ นิวคาสเซิ่ล ทีมจากพรีเมียร์ลีกที่ขอยืมตัวเขามาใช้งาน และประสบการณ์ครั้งนี้นี่แหละที่เขาบอกว่ามันทำให้เขาโตขึ้นอีกครั้ง และเป็น มิเกล เมริโน่ ผู้พิชิตแชมป์ยุโรปเหมือนที่เป็นอยู่ในทุกวันนี้
ความแข็งแรงสำคัญไม่แพ้เทคนิค
นักเตะสเปนเทคนิคดีเหลือหลาย แต่ส่วนใหญ่ที่มาพรีเมียร์ลีกแล้วเล่นไม่ได้มันเป็นเพราะเรื่องของพละกำลังและร่างกายที่ไม่แข็งแกร่งพอ ... ฟุตบอลที่เคลื่อนที่จากหลังไปหน้าอย่างรวดเร็ว นักเตะถูกกำหนดให้วิ่งขึ้นลงตลอดทั้งเกม นี่คือบทเรียนที่สอน เมริโน่ ได้ดีที่สุด
ราฟา เบนิเตซ คือคนที่คุม นิวคาสเซิ่ล ในฤดูกาล 2017-18 และเจรจากับ เมริโน่ ด้วยตัวเอง โปรเจ็กต์ที่ ราฟา ขาย ทำให้ เมริโน่ ปฏิเสธ แอธเลติก บิลเบา และเลือกที่จะเสี่ยงดวงในต่างแดนต่อกับสาลิกาดง
"มิเกล จะเป็นตัวเลือกแรกในแดนกลางของเรา ต่อให้ผมจะยืมตัวเขามาในช่วงสั้นมาก ๆ แต่ผมจะโน้มน้าวให้เขาอยู่ต่อ" ราฟา เบนิเตซ ยืนยันตั้งแต่ที่สัญญาของเขายังเป็นรูปแบบการยืมตัวเท่านั้น
เมริโน่ เล่นเป็นตัวจริง 7 จาก 8 เกมแรก ทุกอย่างออกมาดีตรงกับที่ใจของ ราฟา คิดไว้ แต่ปัญหาคือ เมริโน่ ดันเกิดปัญหาบาดเจ็บในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ จนต้องหายไปช่วงหนึ่ง เพียงแต่ว่า ราฟา ตัดสินใจแบบไหนก็ทำแบบนั้น เขาซื้อขาด เมริโน หลังสัญญายืมตัวผ่านไปไม่กี่เดือน โดยในฤดูกาลนั้น เมริโน่ เล่นไป 24 เกมพรีเมียร์ลีก ทำไป 1 ประตูและ 1 แอสซิสต์
นี่คือตัวเลขไม่แย่นัก และดูจะไม่ตรงกับที่หลายคนมองว่าเขาล้มเหลวกับ นิวคาสเซิล เพียงแต่ว่ามันเกิดปัญหาหลาย ๆ อย่างทำให้ เมริโน่ อยู่กับ นิวคาสเซิล ได้ไม่นานนัก
"พรีเมียร์ลีก คือลีกที่ทำให้ผมโตขึ้นมาก ทุกครั้งที่มีคนถามว่าผมได้อะไรจากการไปเล่นฟุตบอลในอังกฤษ ผมตอบได้เลยว่าเรื่องของจิตใจนี่แหละ คุณต้องเตรียมใจให้พร้อมราวกับกำลังจะเดินลงสู่สงคราม คุณต้องต่อสู้ฟาดฟัน ไม่งั้นคุณไม่รอด" เมริโน่ กล่าวย้อนความ
"ผู้คนชอบบอกให้ผมเปรียบเทียบ สเปน กับ อังกฤษ ว่าแตกต่างกันยังไง ผมจะบอกว่าต่างกันเยอะมาก ที่ สเปน คุณลงสนามไปพร้อม ๆ กับการโฟกัสที่แท็คติก การเคลื่อนที่หาตำแหน่ง และจัดการกับลุกฟุตบอล แต่พรีเมียร์ลีกนี่คนละโลก"
"ลีกฟุตบอลนี้เปลี่ยนชีวิตผม ... ผมยังจำแม่น ราฟา บอกว่าให้ผมใช้กำลังมากกว่านี้ เล่นบอลให้น้อยจังหวะ และต้องเร็วกว่านี้ จับบอลแค่ครั้งหรือ 2 ครั้ง หรือเล่นจังหวะเดียวได้ยิ่งดี เพราะถ้าคุณช้ากว่านั้นคู่แข่งจะอัดคุณน่วมแน่"
"ทุกครั้งที่ลงเล่นในพรีเมียร์ลีก ผมคิดถึงการต่อสู้ ผมคิดว่าผมเป็นผมทุกวันนี้ได้ก็เพราะฟุตบอลพรีเมียร์ลีก มันสอนให้ผมใช้กำลังมากขึ้น โฟกัสกับเกมตลอดเพราะเกมมันจะไม่หยุดง่าย ๆ คุณจะฟาดฟันกับนักเตะตัวใหญ่ ๆ ตลอดเวลา และผมจึงเริ่มเข้าใจว่าทำไมนักเตะบางคนก็ปรับตัวไม่ได้เมื่อมาเจอแบบนี้"
เมริโน่ เป็นนักเตะสเปนที่มีความแข็งแกร่งและเทคนิคที่ดีในเวลาเดียวกัน ประสบการณ์ที่ นิวคาสเซิ่ล ทำให้เขาครบเครื่องมากขึ้นในตำแหน่งกองกลาง ใครอาจจะมองว่าเขาล้มเหลวที่นี่ แต่แฟนนิวคาสเซิล รวมถึงโค้ชอย่าง ราฟา มองตรงกันข้ามทั้งหมด โดยเฉพาะแฟนนิวคาสเซิลนั้นรัก เมริโน่ และพวกเขาถึงขั้นเขียนบทความระบายอารมณ์ในวันที่ เมริโน่ ถูกขายให้ เรอัล โซเซียดาด ในราคาแค่ 12 ล้านยูโรเท่านั้น
ราคาที่ถูกขนาดนี้ไม่ได้หมายความว่าเขาเป็นนักเตะคุณภาพไม่ดี เพียงแต่ว่าทุกอย่างมันบรรจบกันพอดี ราฟา เบนิเตซ คนที่พาเขามากำลังทะเลาะกับ ไมค์ แอชลี่ย์ เจ้าของทีม ที่แฟนบอลต่างรู้ดีในความขี้เหนียวอย่างหนัก จนทำให้ทีมเดินหน้าต่อแทบไม่ได้ มีเพียงการรักษาอันดับและหนีตกชั้นในทุก ๆ ซีซั่น ซึ่งนั่นไม่ตอบโจทย์กับนักเตะอายุน้อยอย่างเมริโน่
อีกประการคือ เมริโน่ มีค่าฉีกสัญญาที่ตกลงกับ นิวคาสเซิ่ล ตั้งแต่แรกในวันที่ย้ายมาจาก ดอร์ทมุนด์ แล้ว อีกทั้ง โซเซียดาด ยังสัญญาว่าเขาจะเป็นผู้เล่นตัวจริง ดังนั้นเขาจึงต้องเลือกทางที่ดีกว่า แม้ว่าเขาจะยกให้ช่วงเวลาที่ นิวคาสเซิ่ล เป็นปีที่ยอดเยี่ยม และเขาก็มีความสุขเหมือนได้อยู่บ้านก็ตาม
"ราฟา เบนิเตซ เป็นโค้ชที่สำคัญกับผมมาก เขามีระเบียบที่นักเตะต้องยึดมั่น น่าเสียดายที่ความสัมพันธ์ของเขากับเจ้าของทีมนั้นแย่มาก เราไปต่อกันแบบนี้ไม่ได้ ผมรู้ แฟนคลับรู้ และนักเตะในทีมก็รู้ ... ผมมีความสุขมากกับการได้เล่นที่นี่ ผมไม่เคยคิดว่าตัวเองล้มเหลว แต่ในโลกของฟุตบอล คุณจำเป็นต้องเติมเต็มสิ่งที่คุณขาด ผมจึงเลือกโอกาสที่จะกลับบ้าน เมื่อเวลานั้นมาถึง" เมริโน่ กลับ สเปนในวัย 22 ปีเท่านั้น
กลับมาพีกที่บ้านเกิด
อย่างที่กล่าวไปในข้างต้น ความแข็งแรงถูกเสริมมาแล้วที่อังกฤษ การรับมือกับความกดดันในการแย่งชิง 11 ตัวจริงก็เจอมาแล้วที่เยอรมัน ดังนั้นการกลับมาที่สเปนกับ โซเซียดาด หนนี้จึงเป็นการเริ่มต้นอย่างรวดเร็ว มิเกล เมริโน่ เป็นตัวหลักของ โซเซียดาด ตั้งแต่ฤดูกาล 2018-19 จนฤดูกาล 2023-24
โดยในแต่ละฤดูกาลก็มีรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ทำให้เขาพัฒนาขึ้น อาทิ การได้เล่นร่วมกับ ดาบิด ซิลบา ที่ย้ายมาจาก แมนฯ ซิตี้ โดย เมริโน่ ถูกวางให้เป็นคนที่คอยสนับสนุน ซิลบา ได้เล่นเกมรุกอย่างอิสระ ซึ่งนั่นเองที่ทำให้มิดฟิลด์เชิงรับอย่างเขาเข้าใจเรื่องการจ่าย บอลและการเล่นให้ถูกที่ถูกเวลาในแต่ละจังหวะมากขึ้น
"วันที่ ดาบิด ซิลบา มาถึง ผมเหมือนกับฟองน้ำที่ดูดซับวิธีการของเขาออกมา ทุกคำพูดที่เขาบอกและสอนเปรียบเสมือนทองคำ มันมีค่ามาก ๆ ต่อผมและผู้เล่นทั้งหมดในทีม ผมเอาคำสอนของเขามาพัฒนาตัวเองหลายด้าน"
"เขาทำให้ผมรู้ว่าเมื่อไหร่ที่ควรจะส่งบอล เมื่อไหร่ที่ผมควรจะเติมขึ้นไปเล่นเกมรุก และเมื่อไหร่ที่ผมควรดึงจังหวะเกมให้ช้าลง ... คุณจะเอาอะไรอีกล่ะ ผมพูดได้อีกเป็นร้อย ๆ อย่างถึงสิ่งที่ผมได้เรียนรู้จากเขา"
นอกจากคำพูด คือสถิติ เมื่อเขาได้เรียนรู้จากนักเตะสเปนที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในพรีเมียร์ลีกอย่าง ซิลบา เมริโน่ กลายเป็นกองกลางที่ครบเครื่องขึ้นไปอีก จากที่เคยรับผิดชอบเกมรับเป็นหลัก ในฤดูกาล 2023-24 เขายิงประตูได้มากที่สุดในชีวิตคือ 8 ลูก แอสซิสต์ไปอีก 5 ลูก จะบอกว่านี่เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เขาถูก หลุยส์ เดอ ลา ฟวนเต้ กุนซือทีมชาติสเปนใช้เขาเป็นขุนพลคู่กายตั้งแต่รอบคัดเลือกจนไปถึงการคว้าแชมป์ยุโรปก็คงไม่ผิดนัก
มิดฟิลด์เบอร์ 8 ในตำแหน่งทางซ้าย ภายใต้ระบบ 4-3-3 คือตำแหน่งที่ทำให้ อาร์เซน่อล ให้ความสนใจเขาและคว้าตัวไปร่วมทีม โดย เอดู ผอ.กีฬาของทีมปืนใหญ่ให้สัมภาษณ์ว่า
"มิเกล เป็นเป้าหมายหลักของเราในซัมเมอร์นี้ เราระบุตัวเขาในฐานะผู้เล่นในตำแหน่งที่พัฒนาทีมของเราได้อย่างลงตัว ณ ตอนนี้เขาพร้อมทั้งประสบการณ์ ความแข็งแกร่งของร่างกาย และเซ้นส์ในการเล่นฟุตบอล" สิ่งที่ เอดู พูดดูจะตรงกับสิ่งที่เขาบอกว่าพรีเมียร์ลีกหนแรกให้อะไรกับเขาบ้าง
ขณะที่เว็บไซต์ที่ประเมินมูลค่านักเตะและเน้นย้ำเรื่องสถิติอย่าง Transfermarkt ก็ช่วยยืนยันอีกแรงว่า เมริโน่ ในตอนนี้ เป็นคนละคนกับ เมริโน่ สมัยที่เล่นให้กับ นิวคาสเซิล แล้ว
"ณ ตอนนี้แทบไม่มีข้อโต้แย้งหรือสงสัยว่าเขาจะเล่นในพรีเมียร์ลีกไม่ได้ หากคุณถามแฟนบอลนิวคาสเซิ่ล พวกเขาอาจจะบอกว่า เมริโน่ ไม่ใช่นักเตะที่พวกเขาคิดถึง จากการลงเล่น 24 เกมลีก ทำไป 1 ประตูและ 1 แอสซิสต์ แต่เชื่อเถอะ ตอนนี้เขาเป็นคนละคนกับ เมริโน่ ในวัยหนุ่มไปแล้ว"
"อาร์เซน่อล จำเป็นต้องคว้ากองกลางจริง ๆ ในเวลานี้ เอมิล สมิธ โรว์ ย้ายไปเล่นให้กับ ฟูแล่ม ขณะที่ โมฮาเหม็ด เอลเนนี่ ก็ถูกปล่อยตัวออกไปแล้ว พวกเขามีกองกลางในระดับซีเนียร์ที่จำกัด การมาของ เมริโน่ จะแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นในปีที่แล้วให้พวกเขาได้ตรงไหนน่ะเหรอ ? ... ก็ตอนที่โปรแกรมพรีเมียร์ลีกชนกับโปรแกรมยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ไงล่ะ"
"พวกเขาอาจจะมี จอร์จินโญ่ หรือ โธมัส ปาเตย์ คอยสแตนด์บาย แต่ทั้ง 2 คนนี้อายุเกิน 30 ทั้งสิ้น และพวกเขาไม่ได้อยู่ในสภาพที่จะฟิตลงเล่นตลอดทั้งฤดูกาลอย่างเห็นได้ชัด"
"ไม่ว่า เมริโน่ จะได้เป็นตัวจริง หรือวางเขาไว้บนม้านั่งสำรอง นักเตะวัย 28 ปีคนนี้จะเป็นดีลที่ชาญฉลาดของ อาร์เซน่อลแน่ แม้ดีลนี้อาจจะไม่ใช่ดีลที่น่าตื่นตาตื่นใจที่สุดในซัมเมอร์นี้ก็ตาม" บทความของ Transfermarkt ว่าเช่นนั้น
มิเกล เมริโน่ เป็นส่วนหนึ่งของพวกเขาแล้ว แม้อายุ 28 ปี ของเขาอาจจะขัด ๆ กับนโยบายซื้อขายของทีมที่ซื้อตัวเพื่ออนาคตอยู่บ้าง แต่จากสิ่งที่กล่าวมาทั้งหมด การได้นักเตะที่ครอบคลุมในแดนกลาง โดดเด่นในเกมรับ มีเขี้ยวเล็บในเกมรุก และมีประสบการณ์โชกโชน กับราคา 32 ล้านยูโรในฟุตบอลสมัยนี้ นับเป็นอีกหนึ่งดีลที่ทีมซื้อขายของ อาร์เซน่อล เลือกลงทุนได้ตรงจุด
ส่วนจะคุ้มค่ามากแค่ไหน ให้ผลงานในซีซั่นนี้ของเขาเป็นคำตอบจะดีที่สุด เพราะไม่มีใครคาดเดาอนาคตและฟันธงได้
บทความโดย : ชยันธร ใจมูล
โฆษณา