ถึงยูเครนจะหงุดหงิด แต่ก็ “ไม่โวยวาย” เมื่อ..ปูตินมาเยือนมองโกเลีย
แล้วถ้ามองโกเลียล้มเหลวในการจับกุมปูตินจะมีการลงโทษหรือไม่? อันนี้ไม่น่าจะต้องนำมาคิดมากกันนะครับ... มันก้อแค่เศษกระดาษ...
หลังจาก ฆ้องและกลองของเครมลินตีสนั่นมาหลายวัน และแล้วการเยือนมองโกเลียของปูตินก็สมหวัง ตูวา ซึ่งเป็นด่านหน้าสำหรับทุกสิ่ง และเขาได้เดินทางไปพบกันที่นั่นเมื่อวานนี้
โดยการจัดการเวลาอันยอดเยี่ยมของรัสเซีย เขาได้พบปะเพื่อนบ้านที่อยู่ห่างไกล ซึ่งเขาไม่ได้เจอะกันมาเกือบๆจะสิบปีแล้ว
Putin visits Mongolia
เป็นเรื่องน่าเสียดายที่ผมไม่ได้เห็น ซอยกู (Sergei Shoigu )ติดตามมา ในฐานะถิ่นเกิด ซึ่งเป็นเรื่องน่าเสียดายที่เสียโอกาสได้กลับบ้านอย่างรุ่งโรจน์และได้รับคำชื่นชม ก็เงียบลง
เอาล่ะๆๆๆ คุณต้องรู้ว่าตั้งแต่ยุคโซเวียต มอสโกมีพื้นฐานอยู่บนการอุดหนุนสิทธิและผลประโยชน์ของชนกลุ่มน้อยเพื่อแสดงความเท่าเทียมกันในทุกภูมิภาค
พ่อของ Shoigu ก็โชคดีที่ได้รับเลือกสิทธินี้ ดังนั้น Shoigu จึงกลายเป็นของประดับในยุคเยลต์ซินของรัสเซีย ในรูปแบบของพลังที่ขาดไม่ได้
ทำให้เขา ก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วมากว่าสามสิบปี และตูวาได้มีส่วนสนับสนุนอย่างมากใน "ปฏิบัติการทางทหารพิเศษ" ในปัจจุบัน
ซึ่งแสดงให้เห็นช่องว่างระหว่างการโฆษณาชวนเชื่อและความเป็นจริง
และในความคิดเห็นบางส่วนเน้นย้ำว่า ตูวา มีความสำคัญพอๆ กับคอเคซัสเหนือ ซึ่งเห็นได้ชัดว่า ผมพูดเกินจริงมากไปหน่อย ฮาาาา....
ในเรื่องการขนส่ง(ของปูติน)เป็นเพียงเรื่องบังเอิญ เนื่องจากที่ตั้งทางภูมิศาสตร์และท่อส่งก๊าซไซบีเรีย 2 ที่คาดว่าจะถูกนำมาใช้ในตอนนั้น และก็ไม่มีอะไรที่มีการก่อสร้างเพิ่มเติม
ดังนั้น ความคิดเห็นของสาธารณชนที่ปลุกเร้าโดยชาวรัสเซียจึงมุ่งเน้นไปที่
"ปูติน ที่มีอำนาจครอบงำ(อย่างมาก)และไม่กลัวว่ามองโกเลียจะเป็นสมาชิกของศาลอาญาระหว่างประเทศและใช้เขาการพบปะครั้งนี้ตบหน้ากรุงเฮกในที่สาธารณะ"
ส่วนท่อส่งก๊าซไซบีเรีย 2 ดูจะไม่มีทางเลือกที่ดีกว่านี้อีกแล้ว และในแผนรอบใหม่ ที่ประกาศโดยมองโกเลีย
ก็ไม่มีร่องรอยของท่อส่งก๊าซใด ๆ ที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับการใช้ทรัพยากรเหล่านี้
จึงควรสังเกตรายละเอียดใน 2-3 อย่างในข้อที่ว่า เมื่อเครมลินเน้นย้ำว่าไม่กังวลเกี่ยวกับการจับกุมประมุขแห่งรัฐในมองโกเลีย
จึงประกันว่าคงได้รับสัญญามาก่อนล่วงหน้า และไม่มีความเป็นไปได้ที่จะจับกุม เคลื่อนย้าย และการโต้เถียงเกี่ยวกับการจับกุมในมองโกเลีย
จะเห็นได้ว่า การจับกุมในมองโกเลียนั้นจำกัดอยู่ที่ทฤษฎีเท่านั้น ในรอยเปื้อนในกฎบัตรสหประชาชาติและช่องโหว่ในระเบียบโลกที่เกิดจากการรุกรานยูเครนของรัสเซียที่ไม่สามารถคาดหวังได้ฉันใด...
ฉันนั้น มันจึงได้รับการซ่อมแซมโดยมองโกเลียที่อ่อนแอไปซะแล้ว
และสิ่งสำคัญอันดับแรกคือ การให้กองกำลังที่ยุติธรรมเข้าช่วยเหลือกองทัพยูเครนเพื่อเอาชนะกองทัพรัสเซียให้ได้โดยเร็วที่สุด
แต่สิ่งนี้จะต้องหันไปใช้ความร่วมมือเชิงกลยุทธ์และการประสานงานทางยุทธวิธีระหว่างค่ายที่ช่วยเหลือยูเครน
เป็นเรื่องน่าอายมากที่จะกล่าวว่าในสหรัฐอเมริกาซึ่งมีอำนาจมากที่สุด ในช่วงนี้ ไบเดน (Biden) อยู่ในภาวะพักฟื้น เดิมทีจะเห็นว่าเขาจะไม่ถูกรบกวนจากการรณรงค์ครั้งนี้
และสามารถใช้วาระ ที่เหลืออยู่เพื่อสร้างชื่อเสียงทางประวัติศาสตร์ได้
และตอนนี้ดูเหมือนว่าอย่างดีที่สุด คือ เขายังคงถูกจำกัดให้อยู่เพียง "ไม่ต้องทำอะไรให้บานปลาย และจะต้องไม่(ก่อ)มีความวุ่นวายที่ควบคุมไม่ได้"
แม้แต่ตอนนี้ ขีปนาวุธนำวิถีที่แม่นยำซึ่งรวมอยู่ในความช่วยเหลือด้านอาวุธหนักยังคงจำกัดให้ใช้ในแค่...เขตอูตง
ด้วยเหตุนี้ เครื่องบินรบของรัสเซียจึง "ได้รับการปกป้อง" ที่ค่อนข้างมากในรัสเซีย และทรัพยากรด้านลอจิสติกส์ของรัสเซียที่ส่งไปยังอูตงก็ไม่จำเป็นต้องได้รับการปกป้อง
แน่นอนครับ...ที่นั่น มีเส้นสีแดงลากอยู่
ตรงนั้น เรารู้ว่ารัสเซียขีดเส้นสีแดงไว้มากมาย ฮาาาา..
แต่กลับไม่มีเส้นสีแดงใดๆที่มีผลกับไบเดน ดังนั้น สถานการณ์นี้จึงบิดเบือนสถานการณ์สงครามไปมาก
ตัวอย่างเช่น ในแนวหน้า ระเบิดร่อน(โดรน)ของกองทัพรัสเซียที่ได้รับผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพดีเยี่ยม
แต่ที่ชายแดนรัสเซีย การโจมตีระยะไกลของกองทัพยูเครนที่ยิงโดยโดรนที่พัฒนาด้วยตนเองนั้น ถูกดักจับได้ง่ายและมีประสิทธิภาพลดลงอย่างมาก
ข้อมูลเมื่อวานนี้แสดงให้เห็นว่ากองทัพรัสเซียยิงโดรนยูเครนตกแค่ 158 ลำ ความสำเร็จของการยิงไม่โดนพวกมันจึงกระจายไปทั่วรัสเซีย
เห็นได้ชัดว่าในสงครามที่กำลังลุกไหม้ ระบบป้องกันภัยทางอากาศของรัสเซียแทบจะลดระดับลงเหลือเพียงการตกแต่งที่สวยงามเท่านั้น
แต่ไม่สามารถปกปิดกลิ่นไหม้ของชาวรัสเซียได้
แต่ในการวิเคราะห์ขั้นสุดท้าย สิ่งเหล่านี้จะไม่เป็นอันตรายต่อรากฐานของกองทัพรัสเซียมากมายนัก
มีเพียงการที่ให้กองทัพรัสเซียถูกโจมตีในแนวหน้าอย่างเจ็บปวดที่สุดเท่านั้น ที่จะสามารถเร่งกำจัดความเย่อหยิ่งของเครมลินได้
ตอนนั้นเมื่อเคิร์สต์ถูกยึด และประมุขแห่งรัฐขู่ว่าจะไม่ยอมเจรจา เพราะเขาดื้อรั้นในแผนการใหญ่ที่ว่าปฏิบัติการพิเศษทางทหารจะชนะอย่างแน่นอน
และหลักฐานก็นำไปสู่ความเย่อหยิ่งและความหวาดระแวง(ของเขา)นั้น เป็นไปตามธรรมชาติ ที่กองทัพรัสเซียยังสามารถต่อสู้ได้
และดันแนวรบส่วนหน้าไปข้างหน้า
ในทางกลับกัน จากข้อมูลที่ผมรับทราบและเชื่อถือได้ กองทัพยูเครนได้ระบุรายชื่อของเป้าหมายแล้ว
และจะเดินทางไปยังสหรัฐอเมริกาเพื่อหารือเกี่ยวกับผลประโยชน์ ฮาาาา
หากเป็นไปได้ ก็จะมีขั้นตอนในการยกเลิกการห้ามใช้อาวุธและไม่ยกระดับ ในสิ่งนี้ คือสิ่งที่ เซเลนสกี( Zelensky )เรียกร้องมาหลายครั้งนับตั้งแต่ปีนี้
กับความหวังมากมาย สำหรับผลลัพธ์ที่ก้าวหน้า
ข้อมูลเพิ่มเติมยังระบุด้วยว่า Zelensky จะไปสหรัฐอเมริกาด้วยตนเองในเดือนหน้า
และทำงานอย่างหนักเพื่อล็อบบี้กลุ่มลาและช้าง
ความหมายนี้ค่อนข้างน่าสนใจ ดูเหมือนว่าจะบ่งชี้ที่ว่า ในอดีตไม่มีความหวังที่จะยกเลิกการแบน ในเดือนนี้ หากเขาต้องการยกเลิกการแบนเขาจะต้องไล่ตามมัน
เหมือนกลไกการตรวจสอบและถ่วงดุล เพื่อให้ฝ่ายที่ "ไม่อัปเกรด และไม่เห็นด้วย" จะต้องได้รับแรงกดดันทางการเมืองเท่าที่จำเป็น
ในสุนทรพจน์ประจำ(ตัว)ของเขา(Zelensky)มันได้ย้ำถึงชะตากรรมของชาวยูเครนอีกครั้งว่า ....เนื่องจากเป็น "ข้อจำกัด".....
"ในเดือนสิงหาคมของปีนี้ เกือบทุกวันเราเห็นรัสเซียเปิดฉากโจมตีบ้าน เมือง หรือหมู่บ้านในยูเครน
แต่ เบื้องหลังความโหดร้ายทุกอย่างมีโศกนาฏกรรมของมนุษย์ ไม่ใช่แค่บ้านที่ถูกทำลาย แต่ชีวิตก็พังทลาย
เมื่อความสามารถโจมตีระยะไกลของยูเครน ต้องโจมตีเพียงแค่เป้าหมายทางทหารที่ถูกต้องตามกฎหมายของรัสเซีย
เมื่อมีการจำกัดความสามารถ ก็ย่อมมีข้อจำกัดสำหรับสงครามครั้งนี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ เราสามารถยุติสงครามนี้ได้อย่างยุติธรรมและปกป้องชีวิตผู้คนให้ได้มากที่สุด" และคำว่า "เรา" ของ Zelensky ก็มีความหมายบางอย่าง
เรา ที่พูดถึง คือ การสนับสนุนยูเครน และมีความเร่งด่วนสุดๆ ที่จะให้ความสำคัญกับผลประโยชน์ของยูเครน
นอกเหนือจากการกระจายผลประโยชน์ภายในในสหรัฐอเมริกาเอง ฮาาา
ในความเป็นจริง ก็ขึ้นอยู่กับประเด็นที่ Zelensky มุ่งเน้น โดยส่วนใหญ่เป็นนโยบายภายในเพื่อดึงดูดผู้มีสิทธิเลือกตั้ง
ว่าจะทำให้ ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง และประชาชน " เชื่อ "ในการเอาชนะกองทัพรัสเซียได้อย่างไร?
เพื่อที่จะพูดคุยเกี่ยวกับความสำเร็จในสหรัฐอเมริกา และในเวทีการเมืองโลก เซเลนสกีต้องใช้สติปัญญาทางการทูตของเขา
แน่นอนว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดคือการตัดสินใจของสหรัฐฯ
เพราะชาวยูเครนต่างไม่กังวลเกี่ยวกับการขยายตัวของสงครามและปฏิเสธอำนาจของเครมลินอย่างเปิดเผยอยู่แล้ว
ทางด้าน "ความเสี่ยงทางประวัติศาสตร์" หากสหรัฐฯ เอาแต่คำนึงถึงการหยิบยกสิ่งของที่ปูตินเขี่ยลงบนพื้น ขึ้นมาเป็นสาระสำคัญ
ดังนั้นแล้ว ผู้มีอำนาจตัดสินใจไม่เพียงแต่จะได้รับความอับอายเท่านั้น แต่ยังยากที่จะได้รับความคิดเห็นเชิงบวกอีกด้วย
ณ จุดนี้ ยูเครนไม่มีทางเลือก ในช่วงยุคโซเวียต ยูเครนมีหน้าที่รับผิดชอบในการสร้างเรือบรรทุกเครื่องบิน เรือดำน้ำ เรือรบ และเครื่องบิน
ในปัจจุบัน ยูเครนไม่มีสายการผลิตสำหรับปืนใหญ่ ขีปนาวุธ และแม้กระทั่งอาวุธปืน เพราะทั้งหมดที่มีเป็นเพียงเสบียงของนาโต้เท่านั้น..
- 4
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
