5 ก.ย. เวลา 09:20 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี
วัดไผ่โรงวัว

รูปและนาม หมายถึง ขันธ์๕ ผู้ยึดข้องในขันธ์๕ เป็นพลังงานที่เรียกว่าเหล่าสัตว์(สัตตานัง)

ขันธ์ ๕ เป็นองค์ประกอบที่ทำให้สิ่งมีชีวิตที่ไม่ใช่พืช สามารถดำรงอยู่ได้ในสภาวะที่ข้องอยู่ในระบบวัฏฏะสมมติสงสาร ขันธ์ ๕ ประกอบไปด้วย ๒ ส่วนได้แก่ รูป(ร่างกาย) และ นาม(จิตหรือมโนสำนึก) โดย รูป จะหมายถึง ธาตุลม ธาตุไฟ ธาตุน้ำและธาตุดินที่มาประชุมรวมกัน ส่วน นาม จะหมายถึง จิต อันแยกจิต(มโน) ออกเป็นสี่ส่วน ได้แก่ วิญญาณ(ตัวสภาวะกิริยาที่รู้แจ้ง) สังขาร(ความปรุงฟุุ้งซ่าน) เวทนา(ความพอใจไม่พอใจและเฉยๆ) และสัญญา(ความจำ)
#ขันธ์5
ดังนั้น ขันธ์ ๕ จึงประกอบไปด้วย รูป เวทนา สัญญา สังขารและวิญญาณ นั่นเอง ซึ่ง องค์ประกอบนี้จะถูกพรากออกจากกันถ้าไม่มีสัตว์(หรือ สัตตานัง แปลว่าเหล่าผู้ข้องติดอยู่) มาโอบกุมไว้ให้ขันธ์ทั้ง๕ประชุมเกาะกลุ่มไว้ได้ ดังนั้น จิตจึงไม่ใช่ตัวการในการเวียนว่ายตายเกิด แต่สัตตานังต่างหากที่เป็นภาวะตัวการที่โอบกุมตะครุบขันธ์ทั้งห้าเอาไว้ ไม่ให้ขันธ์ทั้งห้าสูญ ให้ขันธ์ทั้งห้าเวียนว่ายวนอยู่ในการตายซ้ำตายซากไม่รู้กี่นับล้านล้านภพชาติ เราเกิดแล้วตาย เกิด-ตาย-เกิดตายมานับครั้งไม่ถ้วน และแน่นอน เราจำไม่ได้
ก็เพราะทุกครั้งที่เรากระทำกาละและไปเกิดในภพภูมิใหม่ จิตจะสืบสายหรือสืบสันตติมาเป็นสายใหม่ที่มีการก๊อปปี้ไว้ จึงไม่ใช่จิตดวงเดิม แต่เป็นจิตดวงใหม่ที่ถ่ายทอดคุณสมบัติของจิตสุดท้ายเข้าไปในรูปขันธ์ใหม่ แต่สมองของเราไม่ได้เป็นก้อนเดิม ไม่ใช่อันเดิม ดังนั้นจึงแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่สัตว์จะระลึกชาติได้ เว้นเสียแต่ว่าเพียรปฏิบัติวิปัสสนาจนได้ญาณหยั่งรู้ภพชาติที่ชื่อ บุเพนิวาสานุสติญาณ ถึงจะสามารถระลึกชาติก่อนได้ แต่ก็จะระลึกได้ไม่หมดทุกชาติเหมือนอย่างพระพุทธองค์หรอกนะครับ
จิตนั้นเอง จะเบ่งบานเติบโตไปตามวัยตามชาติในรูปขันธ์ใหม่ อาจจะเป็นไปได้ทั้งสัตว์เดรัจฉาน เทวดา สัตว์นรก และ มนุษย์ ฯลฯ และจิตจะสั่งสมพลังงานพ้นสำนึก ตามวิบากกรรมที่ให้ผล และถ้ายังไม่บรรลุธรรมระดับสูง ยามตาย จิตก็จะสืบสายไปโดยมีสัตว์โอบกุมตะครุบไว้ ทำให้ต้องไปเกิดในชาติภพต่อไป เว้นเสียแต่ว่าถ้าได้สภาวะธรรมในระดับอรหัตต์ผลแล้ว จิตก็จะดับสนิท หรือ ดับเย็น กลายเป็นนิพพานธาตุ นั่นเอง
แอดมินพรหมกายิกานัง แห่งเพจเฟ๊ซบุ๊ค "ธรรมะแฟนตาซี"
โฆษณา