7 ก.ย. เวลา 02:37 • ความคิดเห็น
เรื่องคำว่าทุกข์ คำว่ากรรม คำว่าอารมณ์ต่างๆ มันก็เกิดขึ้นที่กาย ที่ว่า เกิดมาทีทีไหร่ก็ทุกข์ เราพูดคำว่าอะไรๆก็อารมณ์
แต่เราก็ไม่รู้จักอารมณ์ รู้ว่าอารมณ์หงุดหงิด โมโหนั่นไม่ดี ติเตียนคนนั้นคนนี้ไม่ดี เราก็ใช้กายวาจาใจ ไปตามอารมณ์นึกคิดนั่น อารมณ์นั้นมันเกิดมาให้เราใช้ เราก็ใช้กันจนเคยชิน สิ่งที่ได้คือ กรรม ที่บันทึกลงไปที่ธาตุทั้งสี่ที่แระกอบเรือนกาย มันไม่ได้สูญหายไปไหนเลย ทั้งกรรมดีกรรมชั่ว จิตของเราบันทึก ลงไปที่ที่ธาตุทั้งสี โดยไม่รู้ตัวเลย ว่าเราเกิดมาแต่ละครั้ง สะสมอะไรไว้กับธาตุทั้งสี่
เรื่องกรรมที่ธาตุทั้งสี่ เราจะสะสาง ให้มันเบาบางอย่างไร บางคนก็ไม่เห็นความสำคัญ ในเรื่องของการสร้างบุญกุศล ไม่เรียนว่า ในการสร้างบุญกุศล นั่นเค้าก็ต้องใช้กายวาจาใจ นำกิริยาท่าทาง นอบน้อม ..นอบน้อมต่อบุญกุศลที่ตนเอง จะกระทำขึ้น แล้วก็ไม่ใช่ว่า ทำที่ใจ ..ต้องททำด้วยวิญญาณทั้งหกรับรู้ บันทึกลงไปที่ธาตุทั้ง มีเสียงของตัวเองพูด เสียงสูงๆ คำพูดที่ดีๆ ให้หูเราได้ยินบันทึกลงไปที่ธาตุทั้งสี่
บางคนก็บอกว่า ฉันไม่ได้ทำชั่ว แต่ทำไมทุกข์ยากลำบากกาย บ้างทำบุญคราวละมาก ทำไมทุกข์ยากอยู่ ..มีพระท่าน ..ถามว่า เวลาทำบุญ เอากิริยาอะไรมาทำบุญ เอากิริยากายวาจาใจที่ดีๆ มาทำมั้ย มีความลุกลี้ลุกลน หรือว่า สงบเสงี่ยม เรียบร้อย เพื่อที่ จะได้บุญกุศล ให้กายเป็นบุญ ทำบุญเรียกร้องหาอะไร เรียกร้องร่ำรวย นั่นเรียกร้องหากรรม จืตมารก็เข้ามาส่งเสริม ไม่เกิดเป็นบุญกุศล กลับทำให้โลภมากเข้าๆ ให้มีกรรมมากเข้า มีแล้วก็หยิ่งยโส หลงว่ามีเงินมีทอง เอาไปสร้างกรรมมากขึ้น
เค้าจึงว่า พอหมดกาย ก็หายวับ ไปเส้นทางของทุกข์ ทุกข์ที่ไม่รู้จัก ไปเกิดตรงนั่นตรงนี้ เพราเกิดมาก็ยินดีในสิ่งที่ตนมี หลงใหลอยู่อย่างนั้น ไม่เคยศึกษา ในเรื่องราวของกาย อารมณ์กรรม แล้วก็จิตของตัวเอง
เมื่อมีกาย มันก็มีภาระที่ต้องดูแลกาย ต้องใช้กายนั้นไปหามาวัตถุปัจจัย มาหล่อเลี้ยงกาย ให้สุขสบาย มีอารมณ์ต่างๆเกิดขึ้น ไม่หยุดหย่อน ..เก็บกรรมลงไปที่บันทึกที่ธาตุทั้งสี่มีแต่ขนเข้ามาๆ มันเป็นสีดำสีม่วงสีกรมท่าสีน้ำตาล เป็นนักเก็บสีกรรม ไปทั้งชีวิต ระบายลงไปที่ธาตุทั้งสี ไม่เคยเรื่องราวรู้จัก ว่าจะนำเอาสิ่งดีๆ เก็บสิ่งดีๆลงไป ที่เค้าว่า เกิดมาทั้งทีก็เก็บเกี่ยวบุญกุศลบารมี เมื่อไม่เคยใส่ใจไม่สนใจ ..จะรู้จัก หรือ ไม่รู้จัก ..กายมันก็เดินไปตามหน้าที่ มีแก่เจ็บตาย
เกิดมาทั้งที มีกายต้องแก่ไปๆ ..อารมณ์ก็สลับเกิดขึ้นที่กาย ..อารมณ์ดี ..สบายกายก็ชอบใจ อารมณ์ไม่ดี ไม่สบายใจ ก็ไม่สบายกาย จิตที่อยู่อาศัยกาย ไม่รู้จักอะไร ได้แต่รับรู้ไปตามอารมณ์กรรมที่เกิดขึ้นที่กาย นั่นที่เข้าเรียกว่า จิตไม่รู้ บ้างก็ว่าเป็นอวิชาชาปกคลุมจิตอยู่
มีอารมณ์เกิดขึ้นมา อารมณ์ก็ไปดึงขันธ์ทั้งห้า มากงเล็บเหยี่ยว ขยุมจิตที่อาศัยกาย เพราะฉะนั้น ไม่ว่าจะเลือก การทำมาหากิน ..ไม่ว่าที่ไหน .มันก็มีการบันทึกกรรมอยู่ตลอดเวลา แล้วเราจะทำอย่างไรดี ..ในการแก้ไข ..กรรมที่อยู่กับธาตุทั้งสี่ จิตเรามีปัญญาธรรมเกิดได้เองมั้ย ที่จะแก้ไข .สะสางกรรม นั่นก็เป็นเรื่องราวที่แต่ละคน จะเลือกเหมือนกัน ว่า จะใช้แนวทางใด มาช่วยจิตของตัวเอง ให้ผ่อนคลายทุกข์ ทุกข์ที่ว่านั้น มันรวมๆในคำว่า สิ่งต่างๆไหลมาแต่เหตุ ..
คราวนี้ เมื่อเรารู้ว่า ธาตุทั้สี่บันทึก เรื่องราวต่างๆ ที่ห้อมล้อมจิต หากเราสะสมกรรม อารมณ์กรรมที่ใช้ มีคว่มไม่พอใจโมโห มันก็เก็บของสกปรกลงไป เราก็เลือกเก็บบุญกุศล ปฏิบัติธรรม เก็บสิ่งที่ดีๆ ลงไป เก็บการกระทำที่ดี มีความเมตตา กรุณาจิตของตนเอง .สร้างบุญกุศลขึ้นมาให้สะอาดบริสุทธิ์ ก็เปนการสะสมน้ำที่สะอาด ให้แก่จิต ได้อาศัย เหมือนได้ดื่มกินน้ำที่สะอาดสะอ้าน หล่อเลี้ยงจิตขึ้นมา
โฆษณา