เมื่อเป็นผู้จัดการแล้ว พฤติกรรมเปลี่ยนไป
กว่าจะได้เป็นผู้จัดการในองค์กรใด ๆ ก็ตาม เราคงต้องมีความสามารถอันโดดเด่นในการเป็นพนักงานระดับล่างมาก่อน แล้วค่อยไต่ขึ้นไปเป็นระดับหัวหน้างาน ช้าบ้างเร็วบ้าง ขึ้นอยู่กับองค์กรที่เราอยู่และสายงานที่เราเชี่ยวชาญ ข้อสำคัญเราอยู่ถูกที่ถูกทางหรือไม่ งานที่เราทำอยู่ถูกจริต และความสามารถจริง ๆ ของเราหรือไม่ด้วย
ครั้นได้เป็นผู้จัดการแล้ว (ไม่ว่าจะอยู่ในองค์กรเดิมหรือไปเป็นผู้จัดการในองค์กรอื่น) หลายคนก็อาจจะนึกภาคภูมิใจ ครึ้มอกครึ้มใจในตำแหน่งผู้บริหาร ที่นอกจากรายได้ที่เพิ่มขึ้นแล้ว อำนาจในการตัดสินใจ หน้าตาในสังคม และผลประโยชน์ต่าง ๆ ก็ตามมา ผู้จัดการหลายคนบุคลิกเปลี่ยนไป
จากคนที่เข้ากับคนง่ายหยอกล้อกับพนักงานได้ทุกระดับ กลายมาเป็นคนเจ้าอารมณ์ อดทนได้น้อยลง ใช้อำนาจ ใช้จ่ายฟุ่มเฟือย และเริ่มดูถูกฝีมือพนักงานที่อยู่ในระดับต่ำกว่า แม้ว่าจะเคยเป็นเพื่อนร่วมงานกันมาแต่ก่อน นัยว่าคลุกคลีมากอาจจะทำให้ปกครองกันลำบาก
การไม่คลุกคลีกับพนักงานในปกครองมากเกินไปก็เป็นกลยุทธ์ในการบริหารงานอย่างหนึ่ง ผู้จัดการอาจมีพนักงานในทีมมาก หากเลือกวิธีที่จะคลุกคลีตีโมงด้วยก็ต้องทำให้เหมือนกันทุกคน หากทำไม่ได้ หรือทำได้แต่เฉพาะกลุ่มที่ตนเองเคยคุ้นเคยด้วย ก็คงต้องละเอาไว้บ้าง ไม่เช่นนั้นอาจจะบริหารทีมไม่ได้ และอาจถูกกล่าวหาว่าเล่นพรรคเล่นพวก แบ่งแยกเพื่อปกครองก็ยิ่งจะไปกันใหญ่ ทีนี้การบริหารทีมงานเพื่อให้ประสบผลสำเร็จตามที่ได้รับมอบหมายมาก็อาจจะกลายเป็นเรื่องยากได้
ต้องอย่าลืมว่าการเป็นผู้จัดการที่มีอำนาจมากขึ้น ภาระก็จะต้องเพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว ในมุมมองของนายจ้าง เมื่อเขาจ้างเราด้วยค่าจ้างที่เพิ่มขึ้น เขาย่อมต้องหวังผลประโยชน์จากเรามากขึ้น หากเราทำรายได้ให้กับนายจ้างไม่พอกับที่เขาจะจ้างเราไว้ เราก็อาจจะถูกบังคับให้ต้องไปหางานใหม่ทำ ในองค์กรใหญ่ ๆ มุมมองแบบนี้อาจเห็นได้ยาก แต่ถ้าเราเป็นผู้จัดการในองค์กรขนาดเล็ก เรื่องรายได้ขององค์กรและภาระในการจ้างผู้จัดการย่อมเป็นอะไรที่เรามองข้ามไปไม่ได้ ....
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
