-ในฐานะที่ผมได้ทำการบ้านด้วยการฟังผลงานก่อนหน้านั้นอย่าง emails i can’t send แค่ผลงานเดียวเท่านั้น ผมรู้สึกเฉยๆกับ emails เหมือนคาแรคเตอร์ยังไม่ชัดด้วย แต่ก็เข้าใจในความพยายามในการเค้นสกิล storytelling แต่การเป็นศิลปินในโลกเพลงป็อปที่ยังไม่มีภาษี hitmaker ยังถือว่าไวเกินไปที่จะใส่ความ personal ลงบนบทเพลง การอาศัยพลัง word of mount จึงยากลำบากในการจูงใจให้คนไปฟังเรื่องส่วนตัวของคนที่ยังไม่รู้ว่าเป็นใครได้มากพอ
-ในเพลงถัดมา Good Graces ก็ติดความปั่นด้วยท่อน I won't give a fuck about you วกวนเป็นเมโลดี้ในท่อน Outro ซึ่งคอนเทนท์แห่งสัญญาใจก็ต่อเนื่องจาก 3 Please เลย ถ้าเป็นเด็กดี ฉันก็จะดีกับคุณมาก แต่ถ้าทำตัวเลวเมื่อไหร่ ฉันก็พร้อมจะเกลียดและไม่แยแสได้ทันที
-Lie to Girls ที่ได้รับอิทธิพล Taylor Swift ยุค 20s เต็มๆ พอเห็นเครดิทของโปรดิวซ์เซอร์เท่านั้นแหละถึงบางอ้อเลยครับ ไม่ใช่ใครที่ไหน Jack Antonoff นั่นเอง (เกือบลืมบอกไปว่า ตา Jack แกได้สัดส่วนไปเกือบครึ่งอัลบั้มนี้) ลูกเล่นคอรัสแอมเบี้ยนในท่อน Outro ลูกเล่นที่โฉบไปโฉบมา กั๊กความโฉ่งฉ่าง การออกแบบการร้องให้มี spoken word ลงไปในเนื้อเพลงโดยไม่สนคำคล้องจอง นั่นแหละคือลายเซ็นต์เขาเลยครับ