7 ก.ย. 2024 เวลา 15:38 • หุ้น & เศรษฐกิจ

กองทุนวายุภักษ์ รับประกันผลตอบแทนยังไง?

หลายคนคงได้ยินข่าวว่ากระทรวงการคลังกำลังจะปัดฝุ่น นำกองทุนวายุภักษ์กลับมาระดมทุนอีกครั้งหนึ่ง นัยยะเพื่อจะใช้สนับสนุนตลาดหุ้น และอาจจะสงสัยว่า...
  • กองทุนวายุภักษ์คืออะไร?
  • หุ้นที่กำลังจะระดมทุนคืออะไร?
  • มีการคุ้มครองผลตอบแทนขั้นต่ำและคุ้มครองเงินต้น คุ้มครองยังไง?
  • และรัฐจะเอาเงินจากไหนมารับประกัน?
ผมจะลองมาสรุปให้ฟัง...
ต้องเล่าย้อนกลับไปว่ากองทุนวายุภักษ์เนี่ย เริ่มเปิดตัวตั้งแต่ยี่สิบปีก่อน ในช่วงปี 2003 หลังวิกฤตต้มยำกุ้ง ที่ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทยอยู่แค่แถวๆ 500 (ซึ่งเด้งมาจากที่เคยลงไปต่ำสุดแถวๆ 200 แล้ว)
ในขณะที่รัฐเองก็ต้องใช้เงิน เพื่อเพิ่มทุนในรัฐวิสาหกิจหลายแห่งโดยเฉพาะธนาคารรัฐ กองทุนจึงถูกออกแบบมาให้มี หุ้น 2 ประเภท คือ ประเภท ก. และ ประเภท ข.
คิดง่ายๆว่า “หุ้นประเภท ข.” คือ ผู้ถือหุ้น ของกองทุน ซึ่งปัจจุบันรัฐบาลเป็นเจ้าของทั้งหมด
ในขณะที่ “หุ้นประเภท ก.” ที่มีลักษณะคล้าย ตราสารหนี้ มากกว่า แต่เป็นหนี้ที่รับผลตอบแทนเท่ากับเงินปันผลของเงินลงทุน (เรียกว่าเป็น dividend-linked bond ก็ไม่ผิดนัก)
โดยที่กองทุนมีกลไกผลตอบแทนขั้นต่ำ (ได้ยินล่าสุดว่า 3% นะ) โดยรัฐไม่ต้องมีภาระในรับประกันเพิ่ม แต่ใช้ผลตอบแทนเงินปันผลของเงินลงทุน และส่วนของผู้ถือหุ้นประเภท ข. มาช่วยรับภาระ
 
เช่น ถ้าปีนั้นเงินปันผลของเงินลงทุนรวมสูงกว่าผลตอบแทนขั้นต่ำ หุ้นทั้งสองประเภทก็แบ่งเงินปันผลกันไป
 
แต่ถ้าเงินปันผลปีนั้นให้ผลตอบแทนต่ำกว่าผลตอบแทนขั้นต่ำ หุ้นประเภท ก. ก็จะได้ส่วนแบ่งเงินปันผลก่อน และหุ้นประเภท ข. ก็จะได้รับส่วนแบ่งของเงินทีหลัง และน้อยกว่าหุ้นประเภท ก. ได้รับ
ถ้าไม่พอก็ยังมีเงินสำรองจากกำไรสะสมมาช่วยได้
ส่วนการประกันเงินต้นก็เช่นกัน เงินต้นของ หุ้นประเภท ก. จะได้รับคืนก่อน เท่ากับว่าได้รับการประกันโดยส่วนของ “หุ้นประเภท ข.”
ในรอบแรก ปี 2003 รัฐมีส่วนของผู้ถือหุ้น “ข.” อยู่ประมาณ 3 หมื่นล้านบาท ในขณะที่มูลค่ากองรวมอยู่ที่หนึ่งแสนล้าน (มีหุ้น (กู้) ประเภท ก. อยู่ 7 หมื่นล้าน)
ตอนปิดกอง ดัชนีหุ้นไทยขึ้นไปเกือบ 1500 จาก 500 ตอนเริ่มโครงการ เมื่อจ่ายคืนหุ้นประเภท ก. จนหมด เงินของรัฐเพิ่มขึ้นมาถึง 3 แสนล้านบาท
ถ้ารอบนี้ รัฐระดมทุนผ่านหุ้น ก. ขึ้นมา 1.5 แสนล้าน และรัฐไม่ถอนเงินลงทุนจากกองทุนเลย กว่า หุ้น ก. จะขาดทุน หุ้นไทยในอีกสิบปีข้างหน้าต้องลดลงไปกว่า 60% ผลขาดทุนถึงจะเริ่มกินเข้าไปในส่วนของหุ้น ก. ซึ่งไม่น่าเกิดขึ้นได้ (หวังว่านะครับ)
#กองทุนนี้จึงมีความปลอดภัยค่อนข้างมาก (ถ้ารัฐไม่ถอนเงินออกก่อนหมดโครงการนะครับ) ยิ่งถ้าผลตอบแทนขั้นต่ำไม่น้อยกว่าพันธบัตรรัฐบาล ผมเชื่อว่าคนลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล (โดยเฉพาะนักลงทุนสถาบัน) น่าจะสนใจมากเพราะปลอดภัยและมีโอกาสได้รับผลตอบสูงกว่าพันธบัตรรัฐบาล จากผลตอบแทนของเงินปันผลของตลาดหุ้นไทยที่อยู่ประมาณ 3.4%
ล่าสุดได้ยินว่า คปภ ลด risk charge ให้กองทุนประเภท ก. เหลือ 0% เท่าพันธบัตรรัฐบาล ยิ่งทำให้น่าสนใจขึ้นไปอีกสำหรับบริษัทประกัน
แต่ ประเด็นที่สำคัญ คือ กองทุนวายุภักษ์คงทำได้แค่เป็นแรงซื้อระยะสั้น ชั่วครู่ ชั่วยาม ในวันที่เราเชื่อว่าตลาดหุ้นเราต่ำกว่าราคาที่ควรจะเป็น
 
แต่ถ้าปัจจัยพื้นฐาน ความสามารถในการทำกำไร และศักยภาพของบริษัทจดทะเบียนไม่ปรับตัวดีขึ้น การปรับตัวขึ้นของตลาดก็อาจจะไม่ยั่งยืนก็ได้
 
เพราะสุดท้ายนักลงทุนก็หวังจะได้ผลตอบแทนจากการลงทุนของเขา ไม่ใช่แค่การพยุงราคาหุ้นในระยะสั้นนะครับ
1
โฆษณา