9 ก.ย. เวลา 02:47 • ธุรกิจ
เรื่องการรู้เวลาว่าใกล้ตาย นั่นบางทีก็เจ็บป่วย แก่ชรา โรคภัยเค้ามาเตือนแล้ว ก็มุ่งมั่นรักษากันไป ไม่ได้คำนึงรับรู้จะตายวันไหน ไม่เหมือนที่นักโทษที่ศาลตัดสินประหาร พอรู้เวลาบ้าง แล้วก็ไม่รู้ว่า เมื่อหมดกายนั้น จะเป็นไปอย่างไร คนเราก็เลยรู้แค่นี่
คราวนี้ เรามาฟังเรื่องราวจากพระที่ท่านปฏิบัติธรรม ที่ท่านพูดเปรยๆ ว่า ..ข้างบนเค้าบอกมาว่าจะให้กลับ ..เราก็รีบขออาราธนา ต่อมาอีกสักสองปี ท่านก็พูดเปรยๆอีก เราก็ของอาราธนาท่านให้อยู่ต่อ
พอมาครั้งที่สาม ..ท่านก็พูด เปรยๆเรื่องงานศพท่าน .ว่าเป็นยังไง ผ่านไปหลังออกพรรษา จนขึ้นปีใหม่ สังขารท่านทรุด แต่จิตใจท่านเป็นปกติ ก่อนท่านจากไป ประมาณสิบวัน เราก็ขออาราธนาท่านอีก ท่านบอกว่า ครั้งนี้ ไม่ได้อยู่กับฉัน ขึ้นอยู่กับปู่ท้าวสักกะเทวราช เราก็ขอปู่ท่าน ท่านบอกว่า มันเลยเส้นที่สามไปแล้ว เหล่าเทพ เค้าจัดงานตอนรับท่านแล้ว
เรื่องของคนที่สามารถทำกายนิ่ง จิตนิ่งได้ เหมือนคนตาย ตัวแข็งเป็นท่อนไม้ ท่านก็สามารถ ออกจากกาย ทิ้งกายชั่วขณะหนึ่ง ไปดู ..สถานที่ต่างๆ ได้ ..แต่ก็ ..ต้องมีเรื่องคล้ายอนุญาตให้ไปได้ ที่ไหนบ้าง ..แล้วมีจิตอีกอย่างหนึ่ง ที่ท่านได้ หูทิพย์ตาทิพย์คล้ายเทพ พอนึกขึ้นไปที่ไหน ก็ไปได้เลย เหมือนกระพริบตา ไปได้แล้ว แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไปได้ทุกที่
ท่านเล่าว่า ผู้ที่ปฏิบัติธรรม บางครั้งเค้าส่งภาพเมืองนรกให้ดู ..ก็เห็นได้แค่ภาพ แต่ก็ไม่ได้รับรู้ความเจ็บปวดทุกข์เวทนาของจิตที่ตกนรก เหมือนเราก็อาศัยกายนี้ อยู่เราก็ไม่รู้จักทุกข์ ทุกข์ของจิต สิ่งนี้ เรื่องราวที่ว่าทุกข์ของจิต ที่ประสมประสานประกอบเป็นสังขารกรรม มันเป็นเนื้อเดียวกัน เป็นมายาหลอก ให้ยึดถือกาย เป็นมายาที่ปกปิดจิต ไม่สามารถ รับรู้จิตของตนเองได้เลย เป็นเพราะจิตนั้น ..มีกรรม ..
ผู้ที่สามารถมองชีวิต การเกิด เกิดตายได้ การเวียนว่ายตายเกิดได้ อดีตชาติเคยเกิดเป็นอะไรมาบ้าง นั่นก็มีเรื่องราวของจิตที่สามารถเข้าไปถึงคำว่า พระอเสขะ คือเรียนรู้มาหมดแล้ว รอเกิดอีกชาติหนึ่ง ท่านก็บรรลุ สำเร็จเป็นพระอรหันต์ ชาติสุดท้ายต้องไปอยู่ป่า เหมือนหันหลังให้กับโลก ไม่กลับมามอง มาพัวพันโลกอีกเลย
เมื่อเราได้มีโอกาสเจอะเจอพระที่ท่านสอน เราก็สร้างบุญกุศลของเราไปปฏิบัติของเราไป ครั้งหนึ่ง เค้าให้รายงานตัว สถานที่ตัดสินที่กว้างขวางมากๆ มีเจ้าหน้าที่ ที่เรียกว่า สุวรรณ เราก็ไปยืนรายงานตัว พอบอกชื่อปุ๊บ บัญชีทีี่ว่า ทำอะไรมาบ้าง ก็ขึ้นมาปั๊บ ..
.แล้วเค้าก็บอกให้ไปทางไหน .เข้าไป นั่นก็เป็นเรื่องราวหนึ่ง ที่เค้าให้มีโอกาสได้เรียนรู้ว่า สิ่งที่เราใช้ชีวิตอยู่นั้น ทำอะไรไว้ ไม่ไดสูญหาย มีการเก็บบันทึกเรื่องราวดีชั่วไปตลอดชีวิต เป็นหลักฐานที่จะตัดสิน ว่าจ้ตจะต้องไปอยู่ภพภูมิใด ทำไม่ดีก็ถูกลงโทษ ไปอยู่สถานที่ทุกข์
เรื่องยมทูต นั้นท่านก็ มีบัญชี ..มีรายชื่อ ว่าจะเก็บจิตดวงไหนไปบ้าง เมื่อถึงเวลา บางดวงจิตมีกรรมตัดรอน ..เสียชีวิตก่อนอายุขัย ..จิตเค้าก็ร่องลอย ไปเรื่อย..หรือว่า อุตบัติตายโหง ผูกคอตาย โดดตึกตาย จิตของเค้าก็อยู่ที่นั่น .นอนร้องครวญครางที่นั้น บางคนก็ว่า ไปพาเค้ากลับบ้าน มันจะกลับได้ได้อย่าง ..เพราะมันไม่มีกายแล้ว แล้วจิตก็มีกรรม จมอยู่ตรงนั้นไปไหนไม่ได้ รอเวลาหมดเวรกรรม เดินออกจากสถานที่นั้น
บางสถานที่ ก็มีจิตที่ยึดที่ ..ที่นี้ของกู หวงแหน..ตระหนี่ ..พอจิตออกจากร่าง ก็ไปนั่งเฝ้านอรเฝ้าที่นั้น เหมือนปู่โสมเฝ้าทรัพย์ ตัวกผอมแห้งลงไป ดำไปทั้งตัว ..
ที่อยุธยา .ทั้งทหารกษัตริย์ ก็ยังอยู่ ..ก็มี เพิ่งอยู่ได้ สี่ห้าวันเอง สี่วันของเค้า เท่ากับร้อยปีโลกมนุษย์ ..
เรื่ิองประตูบุญ ก็เป็นเรื่องราวที่เคยได้ยินได้ฟังมา ประตูนี้ ..เมื่อสร้างบุญกุศลมาดี ก็จะมาปรากฏให้ดู ..ข้างหน้า ..เป็นสีทองใหญ่โตเหลืองอร่าม
เรื่องราวเหล่านี้ เค้าก็ว่าพิสูจน์ไม่ได้ นี่มันยุก AI แล้ว ..ก็ไอ้AI มันมาจากมนุษย์มีกรรม สร้างมันขึ้นมา ให้หลงใหลยึดอยู่ในกรรม ให้เพิ่มพูนกรรม ความโลภทะเยอทะยาน จมอยู่กับโลก แม้แต่คนสร้างก็ไม่รู้จัดว่า ตายแล้วไปไหน เหมือนว่า เห็นโลกก็ยึดโลก ทำไปตามสิ่งที่โลกปรนเปรอให้..ให้มีสุขอยู่กับโลก ต้องเกิดๆตายๆ ด้วยอารมณ์ที่ตนเองใช้ .เป็นหลักฐานกรรม..เมื่อไหร่หนอ..จิตดวงนี้จะหมดเวรกรรม
โฆษณา