9 ก.ย. เวลา 07:02 • ไลฟ์สไตล์

ใครเคยเป็นกันบ้าง ?

ผมเป็นคนชอบลองกีตาร์ และมักโดนพนักงานร้านยั่วให้ลองตัวนั้นตัวนี้ เวลาผมได้โอกาส ก็แทบจะลองหมดทั้งร้าน (พนักงานคงเข็ด) ด้วยความที่เป็นคนชอบลอง และโชคดีที่พอมีความน่าเชื่อถือ ทางร้านจึงยินดีให้ลอง (แบบหมดหิ้ง) เวลาลองจะเทียบกีตาร์กันตัวต่อตัว เหมือนกับนักมวยชกกันเป็นคู่ ๆ แล้วหาผู้ชนะ
คุณจะประหลาดใจในความแตกต่างของคุณภาพเสียงแต่ละตัว ถ้าไม่ได้ลองเทียบกันจะไม่รู้เลย คิดว่าดี แต่พอเทียบกับอีกตัว เราสามารถวางอีกตัวออกได้อย่างรวดเร็ว กีตาร์ราคาแพง ๆ บางทีก็ยังสู้กีตาร์รุ่นกลาง ๆ ไม่ได้เลย (บางทีเน้นดีไซน์สวยงาม หายาก หรืออาจจะฝังทอง)
กีตาร์เมื่อทดลองถึงจุดหนึ่งจะพบว่า คุณภาพมีผลโดยตรงจากเนื้อไม้ ทดแทนกันยาก ไม้ดี กีตาร์เลยแพง
- กีตาร์รุ่นแพงระดับแสนขึ้น คุณภาพจะเริ่มใกล้เคียงกัน แต่ยังคงมีความสวิงในบางตัว แม้เป็นฝาแฝด
- กีตาร์ 2-3 แสน คุณภาพจะเริ่มนิ่งใกล้เคียงกัน แต่ความแตกต่างอยู่ที่คาแรกเตอร์ของตัวกีตาร์ เช่น โทนเสียงสว่างใสหรือเสียงที่เน้นลึก แน่น นุ่ม ฯลฯ (ถ้าเป็น Gibson re59 นี่หยิบตัวไหนก็เสียงดี อยู่ที่ว่าถนัดตัวไหนมากกว่า)
หลังจากลองไปเรื่อย ๆ ชี้ตัวนั้นชี้ตัวนี้ ก็จะเจอตัวท้าย ๆ ที่แอบอยู่มุมร้าน แสงสว่างสาดมาให้ลองสักหน่อย และเมื่อได้จับมาดีดแล้ว... ในใจก็คิด "เอ๊ะ โอ๊ะ !? ... นะ นะ นี่มัน..." (ใช่เลย โอ้วว)
แล้วก็กลับไปนอนฝันถึงกีตาร์ตัวนั้นทั้งวันทั้งคืน วางแผนเก็บเงินกลัวเสี่ย ๆ จะฉกไปเสียก่อน กระวนกระวาย ส่วนในใจก็ย้อนแย้งคอยเบรกตัวเองว่ามันฟุ่มเฟือย สุดท้ายเหตุผลก็ต่อสู้กันในหัวจนฝุ่นตลบ แต่ละคนก็คงมีจุดจบไม่ต่างกันมาก ส่วนผมน่ะเหรอ?
"ไว้เอามาอัดเพลงใหม่พอดีเลย"
ซื้อเถอะ คุ้มค่า ไม่ได้เจอกีตาร์แบบนี้บ่อย ๆ
ปล. กีตาร์ตัวนั้น จนถึงวันนี้ยังไม่เคยเปิดกล่องออกมาเล่นเลย นี่คือเรื่องจริง!
คติสำหรับเรื่องนี้:
"ถ้าคุณไม่หยุดลองกีตาร์ไปเรื่อย ๆ สักวันคุณก็จะเจอตัวเด็ด" (แล้วก็งานเข้า)
คตินี้ใช้ได้กับทุกเรื่อง โดยเฉพาะความรัก!
โฆษณา