9 ก.ย. 2024 เวลา 07:41 • ท่องเที่ยว

วิหารเซียน .. ศิลปวัฒนธรรมที่เดินชมได้ง่ายๆ ไม่ต้องไปไกลถึงประเทศจีน

"วิหารเซียน" หรืออีกชื่อ คือ "อเนกกุศลศาลา" และมีชื่อในภาษาจีนว่า ต้านฝูเยฺวี่ยน (จีน: 淡浮院; พินอิน: Dàn Fú Yuàn) ซึ่งมีความหมายว่า "สถานที่ที่มีบรรยากาศดั่งสรวงสวรรค์" เป็นแหล่งรวมงานศิลปะ ไทย-จีน ชั้นสูง ที่สำคัญยิ่งในประเทศไทยแห่งหนึ่ง .. ตั้งอยู่ที่ ตำบลห้วยใหญ่ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี (อยู่ไม่ไกลกับวัดญาณสังวรารามวรมหาวิหาร)
วันที่เราไปเยือน "วิหารเซียน" ได้รับความอนุเราะห์จาก คุณจินตนา กุลกอบเกียรติ กรรมการและผู้จัดการ มูลนิธิอเนกกุศลศาลา (วิหารเซียน) ในพระสังฆราชูปถัมภ์ เป็นผู้นำชมด้วยตัวเอง .. คณะผู้เยี่ยมชมต้องขอขอบพระคุณเป็นอย่างสูงไว้ ณ ที่นี้ด้วยค่ะ
"วิหารเซียน" ก่อสร้างเมื่อปี 2531 เพื่อเฉลิมพระเกียรติรัชกาลที่ 9 ในวาระทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 5 รอบ โดยอาจารย์สง่า กุลกอบเกียรติ ได้รับพระราชทานที่ดินจำนวน 7 ไร่ในบริเวณโครงการพัฒนาพื้นที่วัดญาณสังวราราม อันเนื่องมาจากพระราชดำริ เมื่อปี พ.ศ. 2530 .. สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช ในขณะนั้นได้ทรงรับสั่งว่า ด้านวัดเป็นพระวิหาร ด้านนี้เป็นวิหารเซียน
อาจารย์สง่าได้ริเร่มสร้าง "วิหารเซียน" เพื่อให้เป็นที่ท่องเที่ยวเผยแพร่วัฒนธรรมไทย-จีน รวมถึงจัดแสดงศิลปกรรม ศิลปวัตถุจำนวนมาก รวมถึงประดิษฐานเทวรูป เทพเจ้า และเทวดาในลัทธิศาสนาต่างๆของชาวจีนไว้เพื่อสักการะบูชา .. โดยได้รับการสนับสนุนจากผู้ที่เคารพนับถือท่านเป็นจำนวนมาก
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯพระราชทานฤกษืในการก่องสร้างเมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2531 และพระราชทานนามว่า "อเนกกุศลศาลา" ... เมื่อสร้างเสร็จก็ทรงเสร็จพระราชดำเนินทรงเปิดเมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2536
อาจารย์สง่า ได้เป็นผู้นำคณะชาวไทยเชื้อสายจีน พร้อมใจกันน้องเกล้าฯถวายอาคาร "อเนกกุศลศาลา" พร้อมด้วยโบราณวัตถุ และศิลปวัตถุต่างๆที่จัดแสดงไว้ แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ด้วยความรู้สึกสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น
"วิหารเซียน" .. อาคาร 3 ชั้นที่มีสถาปัตยกรรมเป็นวิหารแบบจีน และมีศาลาเก๋งจีนอยู่โดยรอบ โดยมีการจัดวางตามหลักฮวงจุ้ยตามความเชื่อของคนจีน
ทัศนียภาพด้านหน้า ก่อนเข้าสู่บริเวณภายใน .. ป้ายประกอบด้วยรูปปั้นมังกรจีนที่สดใสสวยงาม มีประติมากกรมรูปเต่าหินกำลังชูคอที่น่ารักมาก
ภายในบริเวณ .. ด้านหน้าเป็นลานที่มีประติมากรรมหินอยู่ตรงกลาง “แปดเซียนข้ามทะเล” .. มีหินแกรนิตสลัก ที่ลานชั้นล่างด้านหน้า มีรูปหินสลักขนาดใหญ่ จากประเทศจีนกว่า 60 รายการ
หินสลักจากแกรนิตมีสีแดง,เขียว,ทอง,และเทา สลักโดยช่างจากมณฑลกวางตุ้ง ประกอบด้วยหินแกะสลักรูปสิงโต กิเลน สัตว์ต่างๆในเทพนิยายจีน หินแกะรูป 12 ราศรี
ศาลาสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เทพเข้า และพระพุทธรูป .. ก่อนเข้าไปชมด้านใน
รูปปั้นของคุณสง่า .. ตั้งอยู่ด้านหนึ่งของลานชั้นนอก
หอกลางหรือหอเซียน .. เป็นพิพิธภัณฑ์ที่ออกแบบในลักษณะสถาปัตยกรรมวัดจีนแบบหลวงมี 2 ชั้น ตัวอาคารประดับด้วยงานศิลปะปูนปั้น และภาพวาดแบบจีนโบราณ
ด้านหน้าทางเข้า อเนกกุศลศาลา การจัดวางตำแหน่งสิ่งปลูกสร้างมีทิศทางถูกต้องตามหลังวิชาภูมิลักษณ์หรือฮวงจุ้ย .. ส่วนการประดับตกแต่งภายในอาคารเป็นไปตามคตินิยม และความเชื่อทางเทววิทยาของชาวจีน จึงเป็นงานที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวอย่างสูง
สิงโตปักกิ่งหินสลัก คู่ที่หน้าประตู เป็นสิงโตหินสลักที่ใหญ่ที่สุดในโลก สูง 3.5 เมตร น้ำหนักตัวละ 22 ตัน มีความงดงามอ่อนช้อย มีคำถามจากเพื่อนที่ไปด้วยว่า "รู้หรือไม่ว่า สิงโตตัวไหนตัวผู้และตัวเมีย?"
หลังประตูทางเข้าชั้นแรก ณ ตรงผนังด้นหลังประตู มีลวดลายมังกรเต็มผนัง ... เก้ามังกรบังคมจอมจักรพรรดิราช
"มังกร" ถือเป็นสัญลักษณ์โดดเด่นอันหนึ่งของจักรพรรดิและวัฒนธรรมจีน ซึ่งคนโบราณมีความเชื่อกันว่า "มังกร" คือ สัตว์ที่ทรงพลังและศักดิ์สิทธิ์แห่งฟ้าและดิน
.. ได้รับการกล่าวกันว่ามีความเป็นมิตร มากกว่าความร้ายกาจ เป็นสัญลักษณ์ที่นำมาซึ่งความสุข และความอุดมสมบูรณ์ของบ้านเมือง
ภายในชั้นแรก .. มีการตกแต่งอย่างอลังการด้วยศิลปะแบบจีน และศิลปวัตถุล้ำค่าน่าสนใจมากมายละลานตาไปหมด จัดแสดงศิลปะจีนล้ำค่ำมากมายทั้งโบราณวัตถุและศิลปวัตถุ ... รูปปั้นเทพเจ้าจีนต่างๆมีหลายองค์เทพ คงบรรยายไม่ครบทุกองค์ องค์หลักๆได้แก่ เจ้าแม่กวนอิม
.. เด่นเป็นสง่า ด้วยขนาดที่ใหญ่โต และความสวยงามอันวิจิตร คือ “พระครุฆ คเคศวร” .. จำหลักจากไม้สักทองที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย จัดสร้างขึ้นเพื่อน้อมเกล้าถวายในวาระเฉลิมพระชนม์พรรษาครบ 85 รอบ
.. เพื่อขอเอธิษฐานจิตจากพลังของพญาครุฑ ให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ให้ทรงมีพระพลานามัยที่สมบูรณ์ แข็งแรง พระชมน์มายุยิ่งยืนนาน .. และทรงมอบให้มาประดิษฐาน ณ วิหารเซียน เพื่อเป็นศซิริมงคล
“พระยิ้ม” .. พระศรีอายเมตไตรโพธิสัตว์ ในพุทธลักษณะแบบจีนจะมีลักษณะ “อ้วน” สมบูรณื ยิ้มกว้าง ผู้คนมักจะขอพรให้มีความสุข สุขภาพแข็งแรง และร่พรวยทรัพย์
จัดแสดงศิลปกรรม ศิลปวัตถุจำนวนมาก .. รวมถึงประดิษฐานเทวรูปสำริดจากสมัยราชวงศ์ถัง เทพเจ้า และเทวดาในลัทธิศาสนาต่างๆของชาวจีนไว้เพื่อสักการะบูชา
… อันได้แก่ ศาสนาพุทธ ลัทธิเต๋า และลัทธิขงจื้อ ซึ่งเป็นรากฐานแห่งมรดกทางวัฒนธรรมของจีนไว้ด้วยกัน
หากใครเคยชม "ไซอิ๋ว" ต้องรู้จักกับตัวละครต่างๆ ของศิลปวัตถุนี้ได้อย่างดี ซึ่งสร้างให้มีขนาดใหญ่ เหมือนจริงมากๆ
งานดินเผาชุดพระอรหันต์ 18 องค์ .. ใช้ดินพิเศษที่เผาออกมาแล้วมีสีน้ำตาลสวยงาม แสดงรายละเอียดของงานปั้นแต่ละองค์อย่างงดงาม ทั้งกล้ามเนื้อ เส้นเอ็น การแสดงออกทางอารมณ์และสีหน้า โดยแต่ละองค์จัดแสดงไว้ในตู้กระจกด้านหน้าวิหาร
ยังมีภาพเขียนเก่าแก่รูปแปดเซียนจำนวน 8 ภาพ อายุมากกว่า 500 ปี เขียนโดยศิลปินผู้มีชื่อเสียงในราชวงศ์หมิง ถือเป็นภาพต้นฉบับของรูปแปดเซียนที่มีให้เห็นอยู่ทุกวันนี้
ส่วนภาพวาดที่ประดับอยู่เหนือหน้าต่างทั้งสองด้านของวิหารเซียนก็เป็นภาพที่หน่วยงานเอกชนของไต้หวันมอบให้ มีความพิเศษอยู่ตรงที่สีสันอันสดใสของภาพวาดนั้นทำจากอัญมณีหลากหลายชนิด
เราอาจเคยได้ชมสารคดีเกี่ยวกับ "สุสานจิ๋นซีฮ่องเต้" กันมาบ้างแล้ว .. ซึ่งก็คือ มหาสุสานของจักรพรรดิจีน จิ๋นซีฮ่องเต้ (ฉินสื่อหวงตี้) แห่งราชวงศ์ฉิน ตั้งอยู่ที่ตำบลหลินถง ห่างจากเมืองซีอาน มณฑลฉ่านซี ประเทศจีน สุสานจิ๋นซีฮ่องเต้ได้ค้นพบโดยบังเอิญเมื่อ 29 มีนาคม พ.ศ. 2517 โดยชาวนาในหมู่บ้านซีหยาง ...
แบบจำลองสุสานของจักรพรรดิจิ๋นซีฮ่องเต้ ที่จำลองย่อส่วนมาจากของจริงที่ขุดพบ ซึ่งประเทศจีนได้มอบให้แก่"วิหารเซียน" เป็นแห่งแรก จึงถือเป็นโอกาสดีของชาวไทยที่จะได้ชมหุ่นดินเผาจากสุสานจิ๋นซีฮ่องเต้ของแท้อย่างใกล้ชิดโดยไม่ต้องเดินทางไปไกลถึงเมืองซีอาน
ในบริเวณส่วนจัดแสดงชั้น 1 ยังมีอีกหนึ่งไฮไลท์สำคัญที่ผู้มาเยือนไม่ควรพลาดนั่นก็คือ “หุ่นทหารดินเผา” ของแท้ จากสุสานจิ๋นซีฮ่องเต้ อายุเก่าแก่กว่า 2,200 ปี ที่ถูกขุดพบภายในสุสานจิ๋นซีฮ่องเต้ ในเมืองซีอาน ประเทศจีน ที่มาจัดแสดงให้ชมกัน
น่าทึ่งคือ ตุ๊กตาทหารดินเผาทุกนาย มีใบหน้าที่ไม่ซ้ำกันเลย ซึ่งน่าจะจำลองจากบุคลิกของทหารจริงในเวลานั้น .. ตุ๊กตาดินเผาทั้งหมดอันมีค่ายิ่ง รัฐบาลประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน ได้มอบให้จำนวนมาก เพื่อจัดแสดงเป็นการถาวร
หุ่นทหารดินเผาเหล่านี้ รวมไปถึงชุดม้าสำริดที่พบในสุสานจิ๋นซีนั้น อ.สง่า ได้รับมอบเป็นพิเศษจากรัฐบาลของประเทศจีน โดยความรับผิดชอบประสานงานของกระทรวงวัฒนธรรมจีน
รถม้าสำริด และหุ่นม้าดินเผา .. เป็นวัตถูโบราณและมรดกที่สำคัญของจีน ที่ได้รับมอบจากกระทรวงวัฒนธรรมแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ได้มอบให้
นอกจากนี้ยังมี เครื่องปั้นดินเผาโบราณ เครื่องมือตรวจวัดตำแหน่งแผ่นดินไหว หินแกรนิตจำหลักชุด 12 นักษัตร เครื่องมือตรวจวัดตำแหน่งดวงดาว แบบจำลองกำแพงเดมืองจีน ภาพเขียนศิลปะตุ้นหวง ภาพวาดล้ำค่าจากพระราชวังโบราณ และงานศิลปะจากนักวาดภาพที่มีชื่อเสียงอีกหลายสิบท่าน
โบราณวัตถุและศิลปวัตถุรวม 328 รายการ ที่ทางรัฐบาลจีน และรัฐบาลกวางโจว ร่วมกับรัฐบาลท้องถิ่นโฝวซานได้มอบให้ทางวิหารเซียน
ส่วนภาพวาดที่ประดับอยู่เหนือหน้าต่างทั้งสองด้านของวิหารเซียนก็เป็นภาพที่หน่วยงานเอกชนของไต้หวันมอบให้ มีความพิเศษอยู่ตรงที่สีสันอันสดใสของภาพวาดนั้นทำจากอัญมณีหลากหลายชนิด
ผ้าโบราณที่มีลวดลายองค์พระสัมมาพระพุทธเจ้า แบบศิลปะของชาวทิเบต สวยงามและทรงคุณค่าอย่างยิ่ง
รูปหล่อสำริด18 อรหันต์ ที่แสดงท่ามวยวัดเส้าหลิน จัดแสดงในตู้กระจก
ในบริเวณชั้น 1 ยังมีรูปหล่อของเทพเจ้าและองค์เซียนต่างๆ อีกนับร้อยชิ้น ขนาดเล็กใหญ่ต่างกันไป ไม่ว่าจะเป็น “พระสหัสกรอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์” (กวนอิมพันมือ)
รูปหล่อสำริดโบราณสมัยราชวงศ์ถัง “เทพกวนตี้” หรือเทพกวนอู วีรบุรุษนักรบที่มีชื่อเสียง ได้รับยกย่องด้านความกล้าหาญและซื่อสัตย์จงรักภักดี
“ห้องเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9” .. ความจริงฉันจำไม่ได้ว่า ห้องนี้เรียกห้องอะไร แต่เต็มใจที่จะเรียกชื่อห้องนี้ตามนั้น
ด้านหนึ่งของห้องโถง ประดิษฐานพระบรมรูปของในหลวงรัชดกาลที่ 9 โดยมี พระแท่นบัลลังก์ทอง ที่ทางรัฐบาลจีนมอบให้วางอยู่ด้านหน้า
พระบรมรูปใตกลวงรัชกาลที่ 9
ห้องที่เราได้ชมอีกห้องหนึ่ง เข้าใจว่า เป็นห้องบรรพบุรุษ ... มีรูปหล่อไฟเบอร์ของ อ.สง่า กุลกอบเกียรติ และวัตถุโลราณอื่นๆที่ล้ำค่า
ประติมากรรม พระบามสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 และพระรูปหล่อ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช
บนชั้น 2 ... เป็นที่ประดิษฐานพระวิสุทธิเทพลื่อท่งปิง หรือที่เรารู้จักกันในนามของ องค์โจวซือ ซึ่งเป็น 1 ใน 8 เซียน ผู้มีสติปัญญาเฉียบแหลม มีความทรงจำเป็นเลิศ นับเป็นเซียนองค์ที่ได้รับความนิยมอย่างมากที่สุดองค์หนึ่งในวัฒนธรรมจีน
บนลานระเบียงชั้นที่ 2 ... บนหลังคาของตัวอาคารวิหารเซียน ก็มีศิลปะจากมังกร และตุ๊กตาจีนคู่นั่นซึ่งกำลังประลองวิทยายุทธกันอยู่พอดี .. "ฮก ลก ซิ่ว" ทั้งสามองค์ ซึ่งเป็นครั้งแรกที่เราได้เห็นตั้งประดิษฐานอยู่บนยอดหลังคา
บริเวณชั้น 2 ของวิหารนี้ .. รวบรวมหุ่นไว้จำนวนมาก ตั้งแต่จักรพรรดิตั้งแต่ยุคแรก เรียงมายังยุคต่อๆ ไปหลายพระองค์ ... รวมไปถึงหุ่นอื่นๆ อิริยาบทแตกต่างกันไป
ไฮไลท์เด่น พลาดไม่ได้อีกอย่างหนึ่งบนชั้นสองคือที่ลานระเบียง ซึ่งมีรูปหล่อชุด 19 ท่ามวยจีน .. สวยงามมากจากรูปสลักหินแกรนิตแสดงศิลปะการต่อสู้จีน ท่วงท่า รำมวยจีน แห่งวัดเส้าหลิน ... ถ้าอยู่นานกว่านี้ คงฝึกตามได้หลายกระบวนท่าที่จะช่วยให้ร่างกายแข็งแรง
บริเวณด้านซ้ายและขวาของระเบียงนี้ยังเป็นห้องจัดแสดงงานศิลปกรรมไทย จัดแสดงงานศิลปกรรมไทยอันมากคุณค่า ไม่ว่าจะเป็น หัวโขน หุ่นละครเล็กของครูสาคร ยังเขียวสด แห่งโจหลุยส์ เธียเตอร์ หุ่นกระบอกเล็กฝีมือครูชื้น สกุลแก้ว ศิลปินแห่งชาติ งานแกะสลักจากเชียงใหม่ ชุดเรือจำลองเรือนไทยสี่ภาคจำลอง เครื่องดนตรีไทย ฯลฯ
ชั้นที่ 3 ซึ่งเป็นชั้นบนสุด ... เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธชินราชที่จำลองมาจากพระพุทธชินราชเมืองพิษณุโลก หล่อขึ้นโดยจ่าทวี บูรณเขตต์ และมีภาพพุทธประวัติอันงดงาม 15 ภาพด้วยกัน
"วิหารเซียน" .. จึงเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่รวบรวมศิลปวัตถุและของดีไว้ให้ชมกันมากมาย โดยเฉพาะหุ่นทหารดินเผาจิ๋นซีฮ่องเต้ของแท้ จากสุสานจิ๋นซีฮ่องเต้ เมืองซีอาน ซึ่งถือเป็นสถานที่แห่งแรกในโลกที่ได้รับเกียรติทางการของจีน
ใครที่มีโอกาสไปพัทยาหรือไปชลบุรี .. วิหารเซียน ถือเป็นอีกหนึ่งในสถานที่น่าสนใจที่ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง
โฆษณา