มีคำถามว่า :-
๑. ทราบว่าในประเทศตะวันตก คนเขาเลิกนับถือศาสนา จะมีผลต่อศาสนาพุทธไหม?
๒. จะเผยแผ่พระพุทธศาสนาอย่างไร? ถึงจะได้ผลในสมัยนี้
.
คำตอบ :-
๑. ถ้าคนในประเทศตะวันตกจะเลิกนับถือศาสนาแล้วกลายเป็นคนไม่มีศาสนา ก็คงไม่มีผลต่อพระพุทธศาสนาสักเท่าใด เว้นไว้แต่มีคนนับถือศาสนาพุทธแล้วเลิกนับถือไป หรือคนในศาสนาอื่นหันมานับถือศาสนาพุทธมากขึ้น อย่างนั้นจึงมีผลต่อจำนวนพุทธศาสนิกชนในประเทศนั้น ๆ
.
ทุกคนมีสิทธิ์ในการที่จะนับถือ หรือไม่นับถือศาสนาใด ๆ ก็ได้ ขึ้นอยู่กับภูมิปัญญา และศรัทธาความเชื่อของแต่ละคน การไม่นับถือศาสนา หรือการไม่มีศาสนา ก็ไม่ได้หมายความว่า คนนั้นจะต้องเป็นคนไม่ดี หรือจะเป็นคนดีทำความดีไม่ได้
.
คนไม่มีศาสนาก็สามารถเป็นคนดี ทำดีได้ สามารถมีความเมตตากรุณา มีความรักความสงสาร เมื่อเห็นผู้อื่นเดือดร้อน ก็อยากช่วยเหลือเขา อยากให้ทานแบ่งปันข้าวของเงินทองต่าง ๆ ไม่ทำผิดศีลก็ได้ สามารถทำสมาธิให้จิตสงบได้
.
เพราะสิ่งเหล่านี้ล้วนมีอยู่ดั้งเดิมในหลักธรรมชาติอยู่แล้ว อันเป็นความดีขั้นพื้นฐาน ที่แม้ไม่มีศาสนาไหนสอน ผู้มีปัญญาก็สามารถที่จะคิดได้เอง ทำได้เอง
.
เพียงแต่เขาไม่อาจรู้ได้ว่า สิ่งที่เขาทำนั้น จะนำไปสู่ความดีที่ยิ่ง ๆ ขึ้นไปกว่านั้นได้อย่างไร ทำอย่างไรจึงจะสามารถปลดเปลื้องทุกข์ที่อยู่ภายในใจให้หมดไปได้อย่างถาวร และเขาจะไม่มีวันรู้ได้เลยว่า ความโลภ ความโกรธ ความหลง ที่อยู่ภายในใจของเขานั้น คือตัวมหาภัยที่ต้องกำจัดทิ้งไปให้ได้สถานเดียว
.
พวกที่ไม่มีศาสนา เขาจะรู้จักการทำดีในเหตุการณ์เฉพาะหน้าเป็นครั้งเป็นคราวไป อะไรที่เขาเห็นว่า ทำแล้วสบายใจ ไม่ไปทำความเดือดร้อนให้กับใคร ไม่ไปเบียดเบียนใคร ไม่ไปรบกวนใคร เขาก็คิดว่า นั่นก็ถือว่าดีแล้วสำหรับเขา บางทีก็อาจมีคิดผิด ทำผิด พูดผิดได้เป็นธรรมดา แต่จะมีใครจะรู้ผิดรู้ถูก ก็ขึ้นอยู่กับภูมิสติปัญญาของแต่ละคนที่มีไม่เท่ากัน
.
แต่คนไม่มีศาสนา จะไม่มีใครสามารถล่วงรู้ได้เลยว่า การทำความดีนั้น มีหลายขั้นหลายระดับ และจะต้องทำความดีอย่างไร จึงจะนำไปสู่การบรรลุถึงความดีขั้นสูงสุด และความดีขั้นสูงสุดนั้น คืออะไร
.
อันนี้ต่างหากคือสิ่งที่เป็นข้อปฏิบัติที่สำคัญ อันคนไม่มีศาสนา ไม่มีวันจะรู้ได้ และศาสนาอื่น ๆ ก็รู้ไม่ได้ เพราะเป็นคำสอนที่มีอยู่เฉพาะในพระพุทธศาสนาเท่านั้น
.
๒. ศาสนาพุทธเป็นคำสอนที่มีเหตุมีผล ที่สามารถตรองตามให้เห็นจริงได้ คนผู้มีปัญญาทั้งหลาย ถ้าได้ศึกษาพระพุทธศาสนาให้เข้าใจอย่างแจ่มแจ้งแล้ว ก็ต้องเห็นจริงตามคำสอนของพระพุทธเจ้า แล้วหันมานับถือพระพุทธศาสนา ตั้งใจปฏิบัติตนอยู่ในหนทางแห่งอริยมรรคมีองค์ ๘ ไปจนวันตาย
.
แม้ชาวพุทธที่นับถือพระพุทธศาสนาอยู่ในปัจจุบัน ก็มีจำนวนไม่น้อยที่ภูมิปัญญายังไม่อาจเข้าใจถึงแก่นแท้ของพระพุทธศาสนาได้ ก็ยังหลงติดอยู่ในสะเก็ด เปลือก กระพี้ ของพระพุทธศาสนาไปก่อน แต่ก็ยังดีกว่าหลุดออกนอกพระพุทธศาสนาไปเสียเลยทีเดียว
.
ชาวพุทธที่เลิกนับถือศาสนาพุทธไป ก็มีเป็นจำนวนไม่ใช่น้อย เพราะความเข้าใจผิด หลงผิดไปติดอยู่ในความดีในระดับสะเก็ด เปลือก กระพี้ของศาสนา ไม่สามารถแทงทะลุเข้าไปถึงความดีในระดับแก่นแท้ของศาสนา นั่นคือ ความหลุดพ้นแห่งใจอันไม่กลับกำเริบได้
.
หากศาสนาพุทธจะเสื่อม ก็เสื่อมเพราะชาวพุทธทำลายศาสนาพุทธเอง คือ ชาวพุทธไม่น้อมนำคำสอนของพระพุทธเจ้า มาประพฤติปฏิบัติ ด้วยการให้ทาน รักษาศีลเจริญสมาธิ อบรมปัญญา ตามแนวทางแห่งอริยมรรค มีองค์ ๘ ศาสนาพุทธไม่ได้เสื่อมเพราะศาสนาอื่นมาทำลายให้เสื่อม
.
ศาสนาอื่นจะมาทำลายศาสนาพุทธได้ ก็ทำลายได้แต่เพียงเปลือกนอกของศาสนา คือศาสนาวัตถุต่าง ๆ เท่านั้น ซึ่งศาสนวัตถุทั้งหลายทั้งปวง ในไม่ช้าก็เร็ว มันก็มีอันต้องแตกต้องสลายต้องพังไปในที่สุดเป็นธรรมดาโดยตัวมันเองอยู่แล้ว เมื่อถึงกาลอันควรหมดอายุ
.
แต่การที่ชาวพุทธไม่ศึกษาพระพุทธศาสนาให้เข้าใจอย่างถ่องแท้ถึงในระดับแก่น แล้วนำมาปฏิบัติให้ถูกต้องอย่างจริงจัง จนได้บรรลุถึงคุณธรรมขั้นสูงยิ่ง ๆ ขึ้นไปจนถึง มรรค ผล นิพพาน นี่! ต่างหาก คือการทำลายพระพุทธศาสนาให้หมดสิ้นไปได้อย่างไม่เหลือซากจริงแท้แน่นอน!!
.
ชาวพุทธจึงควรตระหนักในจุดนี้ให้มาก ๆ เข้าไว้ อย่ามัวแต่ไปโทษศาสนาอื่นว่า ศาสนานั้น ๆ จะมาทำลายศาสนาพุทธของเราเลย
.
จงช่วยกันทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาที่ทรงอยู่ภายในใจตนเองไว้ให้ดี ๆ เถิด หมั่นเจริญศีล สมาธิ ปัญญาให้แก่กล้าเกรียงไกร อย่าปล่อยใจให้ตกเป็นทาสของกิเลสตัณหาทั้ง ๓ ประการ มี กามตัณหา ภวตัณหา วิภวตัณหา หรือชื่อที่เรารู้จักมักคุ้นกันดีว่า ความโลภ ความโกรธ ความหลง นี้ คือ ตัวมหาภัยที่เป็นเหตุก่อภพชาติไม่มีที่สิ้นสุด
.
ถ้าผู้ใดสามารถทำลายกิเลสตัณหาทั้ง ๓ นี้ ให้หมดสิ้นไปจากใจได้มากเท่าไร ชื่อว่า ศาสนาพุทธย่อมเจริญอยู่ภายในใจของผู้นั้นอย่างถาวรมากขึ้นเท่านั้น
.
#ดอยแสงธรรม_๒๕๖๗_๐๙
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
