12 ก.ย. เวลา 03:00 • ท่องเที่ยว
เวียงจันทน์

นรกภูเขาควาย

ทริปนี้เป็นทริปเดินป่าระยะไกลใช้เวลา 4 วัน 3 คืนในเขตป่าสงวนแห่งชาติภูเขาควาย(ປ່າສະຫງວນແຫ່ງຊາດພູເຂົາຄວາຍ) ซึ่งตั้งอยู่ในนครหลวงเวียงจันทร์ ประเทศลาว ต้องบอกเลยว่าทริปนี้เป็นทริปที่พาตัวเองมาลำบากสุดๆ แบกของก็หนัก เดินก็โหด แดดก็ร้อนนน~ สมกับที่ได้ฉายาว่า “นรกภูเขาควาย”
❗️ วันที่ 1: เมื่อเราข้ามด้านที่จังหวัดหนองคายเสร็จเราจะมุ่งหน้าไปยังจุดลงเรือเผื่อเดินทางต่อไปยังหมู่บ้านของคนนำทาง เราใช้เวลานั่งเรือประมาณ 30 นาทีก็มาถึงหมู่บ้าน ที่นี่เราจะทำการเตรียมตัวและจัดกระเป๋าให้พร้อมสำหรับการเดินขึ้นไปยังภูเขาควายจากหมู่บ้านของคนนำทางเราจะนั่งเรือต่ออีกประมาณ 10 นาทีก็จะถึงจุดเริ่มเดิน
จุดขึ้นเรือ
บ้านคนนำทาง
ภูเขาควาย
ในวันแรกถือเป็นวันที่ระยะเดินน้อยที่สุดเรา โดยใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง ก็เดินมาถึงจุดตั้งแคมป์ซึ่งอยู่บริเวณน้ำตก วันนี้ถือว่าเป็นการซ้อมร่างกายเบาๆ ก่อนจะเจอของจริงในวันพรุ่งนี้ 555
แหล่งน้ำบริเวณแคมป์แรก
จุดตั้งแคมป์
ท้องฟ้าย่ามค่ำคืน
❗️วันที่ 2: วันนี้ถือเป็นวันที่ระยะเดินมากที่สุดและเป็นวันที่เดินโหดที่สุด เราต้องตื่นเเต่เช้าเพื่อทานมื้อเช้ารวมถึงเตรียมอาหารกลางวันสำหรับกินระหว่างทางและเริ่มออกเดินทาง เส้นทางในวันนี้โครตจะลำบาก ทางทั้งชัน เดินยากและระยะทางที่ไกลแสนไกล ไกลแบบเดินเท่าไหร่ก็ไม่มีท่าทีว่าใกล้จะถึง อีกทั้งแดดยังร้อนสุดๆ ร้อนจนคิดว่าถ้าเราสังเคราะห์ได้ก็คงจะดีไม่ใช่น้อย จนในที่สุดเราก็ได้เดินขึ้นมาถึงยอด ใช้เวลาเดินประมาณ 8 โมง เหนื่อยสุดๆ
บรรยากาศระหว่างทาง
วิวทุ่งหญ้าสีทองบนยอดภูช้าง
วิวที่เห็นเรียกได้ว่าสวยมากๆ คุ้มค่ากับระยะทางที่เดินว่า (เรามาใช้ช่วงเดือน กพ ทุ่งหญ้าที่เห็นจะเป็นทุ่งหญ้าสีทองแทบทั้งหมดเลย อย่างน้อยก่อนหน้านี้มันคงเป็นสีเขียวแหละ 555// ก็เรียกได้ว่าสวยไปอีกแบบ) แต่ด้วยความที่ยังมีแรงเหลืออีกนิดหน่อยเรากับเพื่อนจึงได้วิ่งขึ้นไปชมวิวบนยอดภูช้าง วิวข้างบนคืออลังการมาก แต่ทางเดินค่อนข้างแคบ และเดินยากพอควรเลย หลังจากชมวิวได้สักพักเราก็ได้เดินต่อไปยังแคมป์เผื่อเก็บแรงไว้เดินขึ้นยอดสูงสุดของภูเขาควายในพรุ่งนี้เช้า
บรรยากาศระหว่างทาง
วิวที่จุดทั้งแคมป์
น้องควายบนภูเขาควาย
บรรยากาศยามเย็น
จุดพักแรมแคมป์ที่สอง
❗️วันที่ 3: ในวันนี้คนที่จะไปขึ้นยอดก็จะเตรียมตัวออกเดินทางแต่เช้าโดยนำไปแค่น้ำและสัมภาระที่จำเป็น (คนที่ไม่ไหวสามารถรออยู่ที่แคมป์ได้) เราใช้เวลาเดินขึ้นยอดไปกลับประมาณ 2 ชั่วโมงกว่าซึ่งถือว่าทำเวลาได้ดีมาก ทางขึ้นยอดนั้นยังคงได้เห็นวิวที่สวยอลังการแบบฉูดฉาดเหมือนเดิม เพิ่มเติมคืออากาศยังร้อนมาก หลังจากลงมาจากยอดเราก็ได้กลับไปเก็บสัมภาระที่แคมป์เผื่อเดินทางต่อไปยังแคมป์ที่สามหรือแคมป์สุดท้าย (แคมป์นี้จะเป็นกระท่อมไม้ให้พัก)
วิวบนยอด
บรรยากาศระห่างทาง
คนนำทางของเรา
กระท่อมพักแรม
การเดินในวันนี้ทางเดินจะเริ่มเป็นทางลาดลงเดินค่อนข้างยากแล้วใช้แรงขามากกว่าตอนเดินขึ้นเยอะเลย และระหว่างทางและจะไปแวะที่ภูพระด่าง ที่ถือเป็นพื้นที่อันศักสิทธิ์ด้านบนมีพระพุทธรูปเก่าแก่อายุหลายร้อยปีตั้งอยู่เป็นจำนวนมากอีกทั้งยังมีพระธุดงค์ที่ต่างพากันขึ้นมาฝึกสมาธิและฝึกวิชากันบริเวณนี้อีกด้วย
ทางเดินไปภูพระด่าง
ภูพระด่าง
❗️วันที่ 4: และแล้วก็ถึงวันสุดท้ายในวันนี้ทางเดินจะมีแต่คำว่า ลง ลง ลง และก็ลง ใครเดินไม่ไหวก็กลิ้งลงได้เลยยยย ซึ่งเราจะเดินลงไปยังจุดที่เรือมาจอดส่งในวันแรกเผื่อขึ้นเรือกลับไปยังบ้านคนนำทาง ถ้าให้รีวิวทางเดินในวันนี้ก็เรียกได้ว่าสงสารหัวเข่าแบบสุดๆ แต่เราก็มาถึงเรืออย่างปลอดภัยแม้ว่าจะมีเดินหลงทางไปบ้าง 555~ ถ้าให้สรุปทริปนี้ถือได้ว่าเป็นทริปที่สนุกและคุ้มค่าสุดๆ
ต้องขอขอบคุณผู้ร่วมทริปทุกคน จิตใจพวกคุณเข้มแข็งมากเรียกได้ว่าเป็นสายลุยสายโหดกันทุกคนเลย ตลอดระยะเวลา 4 วันเราเดินไปทั้งหมด 42.5 กิโลเมตรระยะเวลาในการเดินประมาณ 26 ชั่วโมง (สุดเกิ๊นนนน) สำหรับใครที่อยากมาที่นี่ต้องบอกว่ารีบมาเลยในขณะที่ร่างกายคุณยังไหว มันคุ้มค่ามากจริงๆ
โฆษณา