16 ก.ย. เวลา 02:30 • ธุรกิจ

สรุปโมเดล Tasiting ขายเบอร์เกอร์อย่างไร ? ให้โตแซง Burger King และ McDonald's ในประเทศจีน

“แบรนด์จีน กำลังไล่ต้อนแบรนด์อื่นในโลก”
เรื่องนี้อาจไม่เกินจริง เมื่อหลาย ๆ แบรนด์ที่เคยเป็นผู้นำตลาดกำลังตกที่นั่งลำบากมากขึ้น หลังถูกแบรนด์จีนแย่งชิงส่วนแบ่ง และค่อย ๆ ขยับเข้ามาแทนที่
หนึ่งในนั้นก็คือ ตลาดฟาสต์ฟูดแดนมังกร ที่กำลังถูก “Tasiting” แบรนด์เบอร์เกอร์ของคนจีน ไล่ต้อนเจ้าตลาดเดิมอย่าง KFC และ McDonald's
เรื่องราวของ Tasiting น่าสนใจอย่างไร ?
ลงทุนเกิร์ลจะเล่าให้ฟัง
Tasiting (ถาซื่อถิง) หรือ Tastien
คือ แบรนด์เบอร์เกอร์สัญชาติจีน ที่ก่อตั้งขึ้นในปี 2012
1
ปัจจุบัน เป็นแบรนด์ฟาสต์ฟูดที่ได้รับความนิยมอย่างมาก จากคอนเซปต์ “เบอร์เกอร์สไตล์ตะวันตก ที่ผสมผสานกับรสชาติจีนแบบดั้งเดิม”
โดยไฮไลต์ของ Tasiting คือการนำเมนูสไตล์จีน มารังสรรค์ในรูปแบบเบอร์เกอร์ เช่น เบอร์เกอร์ไส้เป็ดปักกิ่ง, ไส้เต้าหู้สไตล์เสฉวน, ไส้เนื้อพะโล้ แต่ก็มีเมนูเบอร์เกอร์ทั่วไปอย่างไส้ไก่ทอด หรือเนื้อแบบดั้งเดิม
1
ที่สำคัญคือ วัตถุดิบสำคัญอย่าง ขนมปังเบอร์เกอร์ ก็ไม่ใช่ขนมปังเบอร์เกอร์ธรรมดา ๆ เพราะทำมาจากแป้งที่นวดด้วยมือ ตามวิธีการทำขนมปังดั้งเดิมของจีน
นอกจากนี้ ยังมีการดัดแปลงเมนูของทานเล่นให้เหมาะกับคนจีน เช่น เมนูรากบัวทอดกรอบ ที่พัฒนามาจากเฟรนช์ฟรายส์อีกด้วย
ความแตกต่างนี้เอง ทำให้ Tasiting ที่เปิดให้บริการมาเพียง 12 ปี มีสาขามากถึง 7,200 แห่งในประเทศจีน
1
ขณะที่แบรนด์ฟาสต์ฟูดเจ้าดังระดับโลก ที่อยู่ภายใต้เครือ Yum China Holdings กลับมีจำนวนสาขาในประเทศจีนน้อยกว่า Tasiting เสียอีก
- Burger King ประมาณ 1,600 สาขา
- Pizza Hut ประมาณ 3,500 สาขา
- McDonald's ประมาณ 5,900 สาขา
2
ที่น่าสนใจก็คือ ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา Tasiting ขยายสาขาใหม่เร็วมาก ซึ่งกำลังไล่ตาม KFC แบรนด์ฟาสต์ฟูดที่มีจำนวนสาขามากที่สุดในจีน มาติด ๆ
แล้วอะไร ที่ทำให้ Tasiting ก้าวขึ้นมาเป็นผู้เล่นที่น่าจับตามอง ที่เข้ามาเขย่าวงการฟาสต์ฟูดในจีน ?
1. ภาพลักษณ์ของแบรนด์ที่ชัดเจน
3
Tasiting ชูจุดขายการเป็นแบรนด์ฟาสต์ฟูดของจีน
โดยเน้นการสื่อสาร ผ่านเทรนด์ที่ชื่อว่า “Guochao” ซึ่งเป็นเทรนด์ที่กำลังครองใจวัยรุ่นจีน เน้นไปที่ความเป็นพื้นเมือง หรือการบ่งบอกถึงความเป็นจีน
ทำให้ทั้งเมนูและคอนเซปต์ของแบรนด์ ออกแบบมาเพื่อเอาใจชาวจีนโดยเฉพาะ พร้อมทั้งสื่อสารถึงเอกลักษณ์ความเป็นจีน ผ่านการตกแต่งร้าน โลโก และแพ็กเกจจิงที่มีความสวยงามด้วยลวดลายแบบจีน
แถมล่าสุด Tasiting ยังเสริมภาพลักษณ์ของแบรนด์จีนให้แข็งแกร่งขึ้น ด้วยการใช้ดารา และเซเลบริตีชื่อดังของจีน มาเป็นพรีเซนเตอร์
2
รวมไปถึงสื่อสารผ่านสโลแกน เช่น “แฮมเบอร์เกอร์จีนมาแล้ว!” “เบอร์เกอร์จีน ผลิตในจีน” “Tastien ผู้สร้างเบอร์เกอร์ในจีน” และ “คนจีนชอบเบอร์เกอร์จีน”
2. Value for Money หรือความคุ้มค่าของเงินที่จ่ายไป
2
Tasiting เข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภคยุคใหม่ จึงชูจุดขายเบอร์เกอร์ในราคาที่ถูกกว่าร้านฟาสต์ฟูดอื่น ๆ
ข้อมูลจาก Dianping แอปพลิเคชันรีวิวอาหารของจีน พบว่าราคาเฉลี่ยต่อมื้อของร้านฟาสต์ฟูด 3 ร้าน
- Tasiting อยู่ที่ 90 บาท
- McDonald's อยู่ที่ 125 บาท
- KFC อยู่ที่ 160 บาท
2
หรือก็คือ Tasiting มีราคาถูกกว่าฟาสต์ฟูดร้านดัง ประมาณ 30-40% เลยทีเดียว
1
ซึ่งกลยุทธ์นี้ก็สัมพันธ์กับเทรนด์การใช้เงินของคนจีนในปัจจุบัน ที่ต้องการความคุ้มค่า และหันมาใช้จ่ายกันอย่างประหยัดมากขึ้น
เรียกได้ว่า Tasiting ตอบโจทย์ผู้บริโภคทั้งเรื่องรสชาติที่ถูกปาก, การเติบโตของกระแสชาตินิยมและความต้องการสินค้าและบริการที่สอดคล้องกับวัฒนธรรมของผู้บริโภคชาวจีน และราคาที่ถูกกว่าร้านฟาสต์ฟูดทั่ว ๆ ไป
1
จากเรื่องราวทั้งหมดนี้ จึงไม่แปลกใจเลยว่า ทำไม Tasiting ถึงกลายเป็นผู้ท้าชิงคนสำคัญ ในตลาดบ้านเกิด
และเป็นแบรนด์ฟาสต์ฟูดที่เติบโตเร็ว เกินกว่าที่ใครจะจินตนาการถึง..
>> สำหรับใครที่อยากเรียนรู้เรื่องเชนฟาสต์ฟูดในจีนต่อ
ร่วมเดินทางไปหาคำตอบด้วยกัน ในซีรีส์ INSIGHTS ที่ YouTube ช่องลงทุนแมน หรือกดดูลิงก์ https://www.facebook.com/longtunman/videos/1048351712801055/
ยังมีเรื่องราวธุรกิจ เศรษฐกิจจีน ที่น่าสนใจอีกเพียบ
โฆษณา