Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Bookies Cookies Podcast & Books
•
ติดตาม
14 ก.ย. เวลา 13:00 • หนังสือ
ความสุข ณ จุดที่ยืนอยู่
ผู้เขียน: หนุ่มเมืองจันท์ (สรกล อดุลยานนท์)
สำนักพิมพ์: มติชน/matichon
หมวดหมู่: บริหาร ธุรกิจ , การบริหารธุรกิจ
:
12 ข้อคิด 12 เรื่องราวให้กำลังใจจากหนังสือ 12 เล่ม ที่คัดสรรคมาแล้ว…12 ปี จากนักเขียนอารมณ์ดีที่หนุ่มตลอดกาล “หนุ่มเมืองจันทน์”
:
1.วิธีแก้ปัญหา
ปัญหาในโลกมีอยู่ 2 แบบ..
แบบแรกคือ ปัญหาที่” แก้ไขได้” กับแบบที่สองคือ ปัญหาที่” แก้ไขไม่ได้”
เมื่อมีคนที่มีปัญหามาปรึกษากับตัวพี่หนุ่ม (เมืองจันท์) ตัวพี่หนุ่มจะรับฟังและพยายามให้พวกเขาเหล่านั้นแบ่งปัญหาออกเป็น 2 แบบ คือแบบที่แก้ไขได้กับแบบที่แก้ไขไม่ได้ ซึ่งบางครั้งต้องใช้เวลาเพราะเมื่อเวลาผ่านไป สิ่งต่างๆ ก็จะเปลี่ยนแปลงรวมถึงตัวปัญหาของเรา
เรามักมองปัญหาแบบหยุดนิ่งใหญ่ยังไงก็ใหญ่ยังงั้น โดยไม่คิดเลยว่ามันอาจมีเหตุการณ์หรือสถานการณ์บางอย่างที่ทำให้ปัญหานี้มันเบาบ้างลง
เวลาทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลง ปัญหาก็เปลี่ยนไป
ในขณะเดียวกันความเปลี่ยนแปลงก็สามารถกลายเป็นปัญหาได้ เพราะการเปลี่ยนแปลงย่อมหมายถึงการที่เราจะพบเจอสิ่งใหม่ๆ ที่ไม่อาจขาดเดาได้ เช่นการย้ายโรงเรียน การเข้ามหาวิทยาลัย การหางาน
แต่แทนที่เราจะมองการเปลี่ยนแปลงเป็นปัญหา เราควรมองความเปลี่ยนแปลงในแง่บวก ลองนึกกลับไปว่าชีวิตนี้เราผ่านการเปลี่ยนแปลงมากี่ครั้ง นี้ไม่ใช่ความรู้สึกใหม่ เราผ่านมันมาแล้วและเราก็จะผ่านมันอีกเพราะโลกเราเปลี่ยนตลอดเวลา
แทนที่จะพยายามฝืนให้โลกหยุดนิ่ง ลองเอาเวลามาคิดดูไหมว่าเราจะอยู่กับความเปลี่ยนแปลงอย่างไรให้มีความสุข
.
2.Positive Thinking 0 - 50 - 100
พี่หนุ่มได้รู้จักคำนี้ครับแรกจากหนังสือ “คุยกันเรื่องความคิดกับนายแพทย์ประเวศ วะสี”
คุณหมอประเวศบอกว่าโดยปกติแล้วคนเรามักจะคิดทุกสิ่งในด้านลบ ซึ่งการคิดด้านลบทำให้เสียสุขภาพจิตเมื่อสุขภาพจิตเสียสุขภาพกายก็เสียตาม
การคิดลบจะทำให้กำลังใจของเราหดหาย บางคนหมดกำลังใจทุกครั้งที่คิดจะเริ่มทำอะไร
และพอเราทำอะไรสักอย่างเราจะมองมันเป็นขาวกับดำ คือ สำเร็จและล้มเหลว ถ้าได้ตามเป้าหมายคือ สำเร็จ ถ้าไม่ได้คือล้มเหลว
โดยลืมคิดไปว่าเราทุกคนเริ่มต้นจาก 0 ไปถึง 10 ที่เป็นเป้าหมาย
ถ้าเราเดินมา 5 ก้าวและมีมุมมองในเชิงลบเราจะตัดสินว่าเราล้มเหลวทันที
กลับกันถ้าเรามองมุมบวก การที่เราก้าวมา 5 ก้าวนั้นช่างเป็นการเดินทางที่สะสมความสำเร็จเล็กๆ มาเรื่อยจนเรามาถึงตรงนี้ การมองมุมนี้จะทำให้เรามีกำลังใจที่จะก้าวต่อไป
พี่หนุ่มยังเสริมด้วยว่า คิดบวกได้ ก็ต้องคิดลบให้เป็น
ทัศนคติทางบวกคือสิ่งที่ดีแต่ไม่ใช่เห็นอะไรก็ดีไปเสียหมด ในโลกความจริงเราก็ต่างคิดบวกและลบผสมกันไปหนักไปทางใดทางหนึ่งก็ไม่ดี
ถ้ามีผู้หญิง 2 คน คนหนึ่งคิดบวกตลอดเวลา อีกคนคิดลบตลอดวัน ผู้หญิง 2 คนนี้เดินไปในซอยเปลี่ยวแล้วมีผู้ชายตัวใหญ่กำยำ 3 คนเดินตรงมาหา ถ้าทั้ง 2 วิเคราะห์จากสถานการณ์ตามความเป็นจริง ยังไงความคิดลบก็คงพุ่งขึ้นมาก่อนไม่ว่าจะเป็นคนมองโลกในแง่บวกขนาดไหน
เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะคิดบวกหรือลบ เราก็ต่างต้องใช้ให้เป็นครับ
.
3.เอกลักษณ์
นเรามักเคยทำผิดพลาดบ้างบางครั้ง ทำให้เรารู้สึกแย่และจมอยู่กับมัน
แต่บางครั้งความผิดพลาดหากเราเปลี่ยนมุมมอง ความผิดพลาดหนักหนานั้นอาจจะกลายเป็นเอกลักษณ์ที่ทำให้เราไม่เหมือนใคร และมีมุมมองต่อโลกที่แตกต่างกัน
"หอเอนปิซ่า” หอเอนปิซ่าไม่ได้เอียงเพราะมันถูกออกแบบมาให้เอียง แต่มันเอียงจาก “ความผิดพลาด” ความผิดพลาดที่แปลกประหลาดนี้พอกาลเวลาผันผ่านไปมันกลับกลายเป็น” เอกลักษณ์” ที่ไม่สามารถลอกเลียนได้
ดังนั้นนอกจากเราจะมองหา “ข้อดีจากสิ่งต่างๆ” แล้วเราควรมองหา “ข้อดีจากข้อบกพร่อง” อีกด้วย
.
4.โชคร้าย
มีนิตยสารเล่มหนึ่ง Kid and Family มีบทสัมภาษณ์พนม ยีรัมย์ หรือ “จา พนม” ที่เรารู้จักกัน ในช่วงวัยเด็กคุณจาใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก ครอบครัวเขาทำนาและเลี้ยงช้าง พ่อของจาต้องพาช้างไปยังสถานที่ท่องเที่ยว ครั้งล่ะหลายเดือน
หนึ่งในสิ่งที่จาต้องการคือ วันที่พ่อมากินข้าวพร้อมกันกับครอบครัว จาเป็นคนที่ชอบดูหนังมากต่อให้ต้องเดินเป็น 10 กิโลฯ ไปดูจาก็จะไป เขาชอบหนังมากโดยเฉพาะหนังที่มี “เฉินหลง-เจ็ท ลี” หรือ “พันนา ฤทธิไกร” นั่นเป็นแรงบันดาลใจที่ทำให้จาพนมอยากเป็นสตั้นแมน
และเพราะ” จา” เกิดมาจนเขาจึงมักไม่มีโอกาสในชีวิต ดังนั้นเมื่อไม่มีโอกาสเข้ามาในชีวิต เขาก็ ”สร้าง” มันขึ้นมาซะเลย “จา” ไม่เคยรอโอกาสเขาเดินเข้าไปหาโอกาสและสร้างโชคดีให้กับตัวเอง
“จา” เปลี่ยนจุดด้อยให้เป็นพลังใช้มันผลักดันเพื่อการเติบโต บางคนมองเห็น “จุดด้อย” แต่ไม่เคยมองเห็น” ข้อดี” ของจุดด้อยนั้น
“ความโชคดี” ของ “จา พนม” จึงมาจากการที่เขาเกิดมาจน
.
5.ปัญหา - ปัญญา
คาถา “สยบปัญหา”
“- หากปัญหานั้นแก้ไขได้ จะมัววิตกกังวลไปทำไม แต่ถ้าปัญหานั้นแก้ไขไม่ได้ จะมีประโยชน์อะไรที่จะต้องวิตกกังวล -”
ในโลกแห่งปัญหา เราต้องแยกให้ออกว่า “ปัญหา” กับ “ความทุกข์” นั้นเป็นคนละเรื่องกัน “ปัญหา” คือ “ความจริง” ที่เผชิญอยู่ แต่ “ความทุกข์” เป็น “ความรู้สึก”
“ปัญหา” เหมือนกัน แต่ “ความรู้สึก” ต่อ ปัญหาของแต่ละคนไม่เหมือนกันจะ “ทุกข์” แค่ไหน ก็ขึ้นอยู่กับมุมมองและ ความรู้สึกของคนนั้น
.
6.มุมมอง
ในหลายครั้งสิ่งที่ทำให้ปัญหานั้นไร้ซึ่งทางออกจริงๆ มันอาจจะไม่ได้มาจากเหตุการณ์หรือสิ่งที่เราควบคุมไม่ได้แต่มันอาจจะมาจากมุมมองหรือทัศนคติของเราเอง
มีนักปั่นจักรยานทีมชาติคนหนึ่งชื่อ “ประจักษ์” ครั้งหนึ่งเขาเคยเป็นตะคริวในการแข่งปั่นจักรยานทางไกล
เมื่อขาของเขาไม่มีแรง เขาก็ใช้” มือ” ช่วยกดขาของเขาเพื่อส่งแรงถีบให้จักรยานมันไปข้างหน้า
“ไปไกลเท่าไหร่” พี่หนุ่มมืองจันทร์ถาม
“ได้ไม่ไกลเท่าไรเลยครับ ประมาณ 10 กิโลฯ เอง”
ยามที่เรารู้สึกเหนื่อยล้าหมดแรง สิ่งที่จะทำให้เราสามารถฮึดสู้ขึ้นมาได้คือ “กำลังใจ” ปัญหาคือเราจะสร้างกำลังใจได้ยังไง
คุณประจักษ์บอกว่าเคล็ดลับที่ทำให้เขามีกำลังใจในการปั่นจักรยานต่อไปคือ “การมองไปข้างหน้า”
เขาบอกว่าเขาจะไม่เหลียวกลับไปมองเส้นทางที่ผ่านมาสายตาเพ่งไปที่ทางที่เหลืออยู่ เขามองแต่อนาคต นึกถึงแต่เป้าหมายเขาสร้างกำลังใจจากระยะทางที่ลดลงเรื่อยๆ
มองข้างหน้าอย่างมีความหวังและเชื่อว่าตัวเรานั้นสามารถทำได้
.
7.ความผิดพลาด
การตัดสินใจที่ถูกต้องย่อมเป็นสิ่งที่เราหลากหลายคนต้องการ ไม่มีใครอยากจะตัดสินใจอะไรผิดพลาดในชีวิตหากย้อนกลับไปได้คงมีหลายๆ อย่างที่เราอยากจะตัดสินใจใหม่
แต่ใครๆ ก็รู้ว่าเราแก้ไขอดีตไม่ได้ แต่เราสามารถทำให้อนาคตดีขึ้นจากปัจจุบันที่เราเป็นอยู่ได้ และเนื่องจากสิ่งที่เกิดขึ้นไปแล้วไม่สามารถแก้ไขได้ เราจึงควรเชื่อในทางที่ส่งเสริมเราว่า “สิ่งใดเกิดขึ้นแล้ว สิ่งนั้นดีเสมอ”
ไม่มีใครที่สามารถตัดสินใจได้ถูกต้องตลอดทุกครั้ง คุณธนินท์ เจียรวนนท์ ก็ยังเคยตัดสินใจผิดพลาดในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจปีพ.ศ. 2540 เขาบอกวว่าหากย้อนกลับไปได้เขาจะไม่ยึดติดกับการเป็นเจ้าของธุรกิจ ตอนที่ธุรกิจต่างๆ กำลังรุ่งมีคนมากมายที่อยากซื้อกิจการ แต่ด้วยความยึดติดเขาจึงไม่ยอมขาย
เมื่อเกิดวิกฤตเศรษฐกิจปีพ.ศ. 2540 เขาจึงต้องแบบรับหนี้สินมากมายมหาศาลจากธุรกิจเทเลคอมฯ นักธุรกิจระดับโลกคนแรกๆ ของไทยยังเคยพลาดท่าในผี 2540 แต่เพราะเขาไม่ยอมต่อ “ความผิดพลาด” และ” มุ่งมั่นที่จะแก้ไขปัญหา” อย่ามีสติ เพียงไม่กี่ปี CP ก็กลับมารุ่งโรจน์อีกครั้ง
ตอนที่เราตัดสินใจเราทุกคนล้วนมีความเชื่อว่าเส้นทางที่เราเลือกนั้นถูกต้อง แต่ทุกการตัดสินใจคือการเสี่ยง มันคือการเสี่ยงว่าผลลัพธ์จะออกมาอย่างไร ไม่มีอะไรรับประกันว่าทุกอย่างจะออกมาตามที่เราคิด 100%
จะเสี่ยงมาก-น้อยก็แตกต่างกันตามแต่ล่ะเรื่อง ไม่มีใครรู้ได้จริงๆ ว่า อนาคตจะเป็นยังไง ถ้าถูกก็เป็นเรื่องที่ดี ถ้าผิดพลาดก็ต้องเรียนรู้และแก้ไข
.
8.กาให้อภัย
เมื่อมีความขัดแย้งเกิดขึ้นและมีใครเกิดความคิดที่จะ “ล้างแค้น” หรือ “เอาคืน” สิ่งหนึ่งที่เราควรจะยอมรับให้ได้ก่อนคือโลกนี้ “ไม่ได้ยุติธรรมเสมอไป”
แม้แต่คำพิพากษาของศาล ก็แทบจะไม่มีคู่กรณีไหนเลยที่เห็นพ้องต้องกันว่าคำพิพากษานี้คือความยุติธรรม หน้าตา” ความยุติธรรม” ในความหมายของโจทก์และจำเลยไม่เคยเหมือนกัน
ความยุติธรรมไม่ใช่สิ่งที่ทำให้โลกใบนี้สงบสุข “การให้อภัย” ต่างหากที่ทำให้คนในโลกนี้อยู่ด้วยกันได้ อย่าให้” ความแค้น” มาบดบัง “ความเมตตา” หรือความดีในตัวเรา
และที่สำคัญที่สุดคือ การให้อภัยแก่ศัตรู ไม่เพียงเป็นการชำระล้างจิตใจให้เราหลุดพ้นจากความทุกข์ แต่มันยังเป็นการตัดสินใจที่ใช้ความ “กล้าหาญ” มากที่สุดอย่างหนึ่ง
.
9.จุดหมายที่ปลายเท้า
เคยมีคนกล่าวว่าคนที่หลงป่าส่วนมากไม่ได้ตายเพราะขาดอาหารหรือน้ำ แต่ตายจากการขาด” ความหวัง” เมื่อไม่มีความหวังเป็นพลังในการก้าวเดิน เขาจึงยอมแพ้
มีคนจำนวนไม่น้อยที่อยู่สภาวะ” หลงป่า” สับสนกับอุโมงค์ที่ดำมืดของชีวิต ต้องใช้เวลาอีกนานแต่ไหนกันจึงจะพบแสงสว่าง?
ในภาวะหลงป่า เรามักจะนึกถึงแต่” อดีต” หรือฝันไปไกลถึง “อนาคต” และไม่เคยได้อยู่กับ” ปัจจุบัน”
ไม่ได้มองที่ปลายเท้าเหมือน “จอห์น สตีเฟน อัควารี” อัควารีคือนักวิ่งกีฬาโอลิมปิก ที่วิ่งต่อไปจนกระทั่งถึงเส้นชัยแม้รู้ตัวดีว่าตัวเขานั้นถูกทุกคนทิ้งห่างไปเป็นกิโลฯ เขาเข้าเส้นชัยเป็นคนสุดท้าย
นักข่าวถามกับเขาว่าทำไมเขาจึงไม่หยุดวิ่งทั้งที่รู้ว่าตัวเองไม่มีโอกาสชนะ อัควารีตอบว่า “เพราะประเทศของผมไม่ส่งผมมาแค่ออกสตาร์ต แต่ส่งผมมาเพื่อวิ่งให้สำเร็จ”
ทุกๆ ก้าวของอัควารีคือการแข่งขันกับตัวเอง
เราเองก็ควรทำเช่นเดียวกันนั่นคือ การแข่งขันกับตัวเองและมีความสุขกับทุกก้าวย่าง “อดีต” คือเรื่องที่ผ่านไปแล้ว “อนาคต” คือสิ่งที่ยังมาไม่ถึง
สะสมความสำเร็จทีละก้าว จากวันเป็นเดือน จากเดือนเป็นปี อย่าลืมนะครับว่า “ความพ่ายแพ้” ไม่น่ากลัวเท่ากับ “การยอมแพ้”
ใจที่ยอมแพ้จะบั่นทอนกำลังใจของเรามากที่สุด จงก้าวต่อไป ด้วยความหวัง และกำลังใจ ผู้ที่ไม่ยอมแพ้คือผู้ที่จะไม่มีวันพ่ายแพ้
.
10.ระยะที่มองเห็นในความมืด
พี่หนุ่มได้เคยศึกษาเกี่ยวกับวิธีการวิ่งออกกำลังกายไม่ให้เหนื่อย เขาบอกว่าให้พยายามกำหนดจิตอยู่ที่ลมหายใจ สายตาอย่ามองไกล ให้มองใกล้ๆ ไม่กี่ช่วงก้าว
พอไม่ให้สะดุดสิ่งกีดขวางหกล้ม พี่หนุ่มพยายามทำตามแบบที่เขาบอก แต่ทำเท่าไรสมาธิหลุดตลอด แม้สายตาจะสั้น แต่จิตไม่สั้นตาม ยิ่งมองไกล จิตยิ่งกังวล ยิ่งมองไกล กำลังใจยิ่งหมด
โหย วิ่งมาตั้งนานเพิ่งได้แค่ครึ่งรอบเอง ตั้งใจวิ่งสัก 3 รอบ แต่ได้ยินเสียงโวยวายของ ร่างกายตลอดระยะทาง เริ่มต้นก็ประมาญว่า “เพิ่งครึ่งรอบเอง" สักพัก “ตั้งนาน แค่รอบเดียวเอง” ยิงวิ่งนานเท่าไร กำลังใจที่มีอยู่น้อยก็ยิ่งหดหายไป
แต่พอมีอยู่วันหนึ่งครับ วันนั้นเป็นวันที่มืดเร็วกว่าปกติทำให้เมื่อพี่หนุ่มวิ่งไปสักพักความมืดก็เข้ามาครอบงำ มีเพียงแสงไฟจากเสาไฟและแสงนวลตาสลัวๆ จากพระจันทร์ ความมืดสลัวที่เข้ามาทำให้ต้องมองใกล้โดยปริยาย
เมื่อมองใกล้เป้าหมายอันยาวไกลก็ไม่สามารถบั่นทอนจิตใจของเราได้ ใจของเราอยู่กับปัจจุบันและอนาคตเพียงไม่กี่ก้าว
คุณค่าแห่งความมืด ทำให้เราอยู่กับปัจจุบันและ อนาคตที่ไม่ยาวไกลนัก ทำให้เรามองเห็นในสิ่งที่ไม่เคยเห็น
และวันใดที่เราสามารถผ่านห้วงเวลาที่มืดมิดไปได้ เราจะรู้ว่าเมื่อความมืดมาเยือน อีกพักหนึ่งแสงสว่างก็จะตามมา
.
11.น้ำ และ เกลือ
ในงานหนังสือครั้งหนึ่งที่พี่หนุ่มเมืองจันทร์ไปแจกลายเซ็น เมื่อคนเริ่มจางลงอาจารย์ปกป้อง จันวิทย์ ก็เดินเข้ามาแนะนำหนังสือเล่มหนึ่งให้กับพี่หนุ่มมันคือ วิชาสุดท้าย (ที่มหาวิทยาลัยไม่ได้สอน) ของสำนักพิมพ์โอเพ่นบุ๊ค
ในนั้นมีบทความที่เรียบเรียงมาจากการรวบรวมสุนทรพจน์ที่นักศึกษาชั้นนำได้รับฟังจากคนชั้นแนวหน้าของโลกเช่น
“*เจอรี่ ซักเกอร์ ผู้กำกับเจ้าของผลงาน “Ghost*” ให้เราลองจินตนาการว่าถ้าโลกทั้งใบเหมือน กับแก้วใส่น้ำใบใหญ่ มีเกลืออยู่ในแก้วเล็กน้อย น้ำในแก้วจึงมีรสเค็ม วิธีการแก้รสเค็มในน้ำนั้นมีอยู่ 2 ทาง
ทางแรก คือ พยายามหยิบเม็ดเกลือออก หรือ ทางที่สอง เติมน้ำลงไปเพื่อให้ความเค็มเจือจางลง
“ซักเกอร์” บอกว่าเมื่อวันที่ทุกคนเริ่มออกเดินทาง เราจะเจอสิ่งที่ไม่ชอบมากมาย
ความพยายามที่จะกำจัดสิ่งที่เราไม่ชอบนั้นเป็น เรื่องยากหนทางที่ดีกว่าคือพยายามเติมความรักให้มาก ขึ้นเรื่อยๆ
“ความรักเป็นสิ่งเดียวที่คุณให้ไปมากเท่าไร คุณก็ยิ่งมีมันมากขึ้นเท่านั้น”
เมื่อนึกเปรียบเทียบกับ “ปัญหา” ในการทำงาน
“ปัญหา” ก็เหมือน “เม็ดเกลือ” ไม่มีทางที่เราจะกำจัดปัญหาออกจากชีวิตเราได้หมด
การแก้รสเค็มในชีวิตก็คือ ต้องพยายามเพิ่มความสุขและความสนุกลงไป
ไม่สามารถทำให้ “ปัญหา” หมดไปได้ แต่เราทำให้มันเจือจางลงได้ และสุดท้าย “ซักเกอร์” บอกว่า “ความสำเร็จ” ในชีวิตนั้น
“อย่าวัดตัวเองด้วยความสำเร็จของคุณ แต่จงวัด มันด้วยความสุขของผู้คนรอบตัวคุณ” ถ้าคุณทำให้คนรอบตัวคุณมีความสุข เมื่อนั้นคุณจะทำอะไรก็ได้
.
12.หลุมทราย
ในศัพท์ “กอล์ฟ” จะมีคำว่า “การระเบิดทราย” มันเป็นศัพท์ที่ใช้ในการแก้ปัญหาเมื่อลูกกอล์ฟตกลงในหลุมทราย เมื่อตีกอล์ฟจากหลุมทราย เม็ดทรายก็ต้องกระจุย กระจายเป็นธรรมดาเขาถึงเรียกว่า “ระเบิดทราย”
ในสนามกอล์ฟ “หลุมทราย” เป็นกับดักหนึ่งที่ทดสอบฝีมือของนักกอล์ฟ ถ้าตีพลาดก็มีโอกาสที่ลูกจะตกในหลุมทรายได้ ซึ่งจะแก้ไขสถานการณ์ยากกว่าลูกกอล์ฟที่ตกอยู่บนสนามหญ้า
“เพลเยอร์” บอกว่านักกอล์ฟส่วนใหญ่มัวคิดว่า จะทำอย่างไรจะตีหลบหลุมทรายแต่เขาเลือกซ้อมระเบิดทรายเป็นชั่วโมงๆ ก็เพราะเขารู้ว่าวันหนึ่งเขาต้องตีไปตกในหลุมทรายและถ้าแก้ไขไม่ได้เขาอาจไม่ได้แชมป์
“หลุมทราย” ในสนามกอล์ฟก็เหมือนกับ “ปัญหา” ในชีวิต ระหว่างการเลือก “หนี” ปัญหา กับ การรับว่า ใจ “ปัญหา” คือสิ่งต้องเผชิญคุณ แกรี่ เพลเยอร์ เลือกที่จะยอมรับว่าชีวิตนี้ “หนี” ปัญหาไม่พ้น
เขาจึงฝึกที่จะรับมือกับ “ปัญหา” มากกว่าการ “หนี” ปัญหา
เพราะ“ปัญหา” เป็นส่วนหนึ่งของชีวิต ต้องเจอ ต้องเผชิญอยู่ตลอดเวลาเพียงแต่เราจะผ่านมันมาได้อย่างไรเท่านั้นเอง
“กีฬา” นั้นเราฝึกฝนการแก้ไขปัญหาได้ แต่ในชีวิตจริงคงยากจะฝึกฝน จะแกล้งอกหัก จะแกล้งสอบตก จะแกล้งทำธุรกิจล้มละลายก็คงทำไม่ได้
มีก็เพียงการสร้างสถานการณ์จำลองแบบ ในเชิงธุรกิจเขาจะประเมินสถานการณ์ล่วงหน้าไว้ก่อน 3 แนวทาง ดีที่สุดเป็นอย่างไร สถานการณ์ที่น่าจะเกิดขึ้นเป็นอย่างไร และ เลวที่สุดเป็นอย่างไร
ถ้าดีสุดก็ได้กำไรไป ถ้าแย่สุดก็ต้องเตรียมแผนรับมือ แทบไม่ต่างจากชีวิตเราเลยที่ไม่สามารถคาดเดาได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ทำได้เพียงการวางแผนเพื่อลองรับสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นเท่านั้น
:
:
สุดท้ายนี้ครับความสุข ณ จุดที่ยืนอยู่เป็นหนังสือหายากที่ไม่สามารถหาซื้อได้แล้วตอนนี้ผมโชคดีมากที่มีโอกาสได้ยืมหนังสือเล่มนี้มาจากพี่ท่านหนึ่ง
หนังสือเล่มนี้ครับทำให้ผมได้ลองมองมายังจุดที่ผมยืนอยู่แล้วได้เห็นเลยว่าจริงๆ แล้วชีวิตเราก็มีอะไรที่ดีอยู่มากเลยนะ ขอให้ทุกท่านได้ลองมองมายังจุดที่ทุกท่านอยู่นะครับแล้วท่านอาจจะได้เห็นในสิ่งที่ท่านไม่เคยเห็นก็ได้ ความสุขเล็กๆ ที่รอให้ท่านมองเห็นมันมาโดยตลอด
1 บันทึก
1
4
1
1
4
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย