14 ก.ย. เวลา 17:22 • ไลฟ์สไตล์

ฤดูฝนเมื่อหลายปีมาแล้ว

ขี่มอเตอร์ไชค์หลบฝน ในใจก็คิดว่า ค่ำนี้ต้องส่งต้นฉบับ เขียนเรื่องอะไรดีนะ
สายตาทอดมองไปไกล ผิวกายปะทะลมฝน
เอาละ...ได้เรื่องที่จะเขียนแล้ว
เรื่องนี้ตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ภูเก็ตโพสต์ ปี 2554
เหตุการณ์ที่เราพูดถึงจึงเกิดขึ้นในช่วงเวลานั้น
ในวันที่ฉันหนาว
ในวันที่ฝนตกพายุเข้าฉันอาศัยชายคาร้านค้าริมทางเป็นที่หลบฝน เวลาผ่านไปเนิ่นนานไม่มีทีท่าว่าฝนจะขาดสาย สายตาฉันเหม่อมองไปข้างหน้าอย่างไร้จุดหมาย เจอแต่ภูเขา...
ภูเขาที่มีแต่ป่าคอนกรีต ต้นไม้ถูกแทนที่ด้วยบ้าน อาคารที่มีความสูงไม่มากนัก ถนนคอนกรีตสลับกับดินลูกรังบางช่วง
ภาพภูเขาที่สมบูรณ์เต็มไปด้วยต้นไม้ใหญ่เป็นป่าต้นน้ำของชุมชน ทั้งยังเป็นป่าสงวนแห่งชาติกำลังถูกบุกรุก ตัดโค่นด้วยการอ้างสิทธิครอบครองที่ดิน ภายหลังจากต้นไม้ถูกทำลายมากมายได้ทิ้งร่องรอยไว้เป็นหลักฐาน...
ภาพเหล่านั้นยังแจ่มชัดในความทรงจำ ที่จำได้ไม่ลืมก็คือชาวบ้านผู้อนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติของชุมชนถูกฟ้องร้องตกเป็นจำเลย มากถึง 17 คน คนที่ออกเอกสารสิทธิ์นั้นลอยนวล แล้วปล่อยให้คนในชุมชนออกมาป่าวประกาศ เรียกร้องสิทธิ และปกป้องทรัพยากรของตนเองโดยลำพัง
ชาวมอแกลนจากบ้านทับตะวัน ฝั่งทะเลตะวันตกของพังงา ถูกสึนามิกวาดเอาบ้านเรือนหายไปทั้งหมู่บ้านกว่าจะได้รับการช่วยเหลือใช้เวลาพอสมควร เพราะว่าพวกเขาไม่มีเอกสารสิทธิ์ครอบครองที่ดิน
หลังจากนั้นถูกกระหน่ำซ้ำเติมด้วยการถูกกลุ่มทุนฟ้องร้องขับไล่ที่ เพราะที่ตรงนั้น...ตรงที่ชาวมอแกลนอาศัยตั้งบ้านเรือนอยู่มาตั้งแต่ดั้งเดิมสวยงามเหมาะสำหรับพัฒนาเป็นที่พักสำหรับนักท่องเที่ยว คนที่ออกเอกสารสิทธิ์นั้นลอยนวล แล้วปล่อยให้คนในชุมชนออกมาป่าวประกาศ เรียกร้องสิทธิ และปกป้องทรัพยากรของตนเองโดยลำพัง
ฝนตกนานแค่ไหนแล้วฉันไม่แน่ใจ ฉันกอดอกเพื่อขับไล่ความเย็นที่ห่อหุ้มร่างกาย
เหลือแต่ความเหน็บหนาวที่แทรกตัวอยู่ในทุกอณูของหัวใจ
ฉันเหน็บหนาวอย่างโดดเดี่ยว ถูกละเมิดสิทธิ ถูกรังแกและข่มเหง...
เพียงเพราะฉันคือ...ประชาชน ต้องอดทนได้ทุกอย่าง แม้ปัญหามันคับคั่งประเดประดังอยู่ในใจ
ฉันคือประชาชนต้องห้อยโหนทุกวันวี่
ฉันคือประชาชนผู้ดิ้นรนทุกเช้าค่ำ เหงื่อไคลมันไหลฉ่ำหน้าก็ดำตัวก็เหนียว
บทเพลง ฉันคือประชาชน ของ น้าหงา คาราวาน ดังแว่วเข้ามา
ฉันกระพริบตาถี่ๆ ไล่น้ำฝนที่ไหลปนกับน้ำตา แล้วขี่มอเตอร์ไชค์ตากฝนออกไป
โฆษณา