15 ก.ย. เวลา 03:17 • ความคิดเห็น
วิธีจับโกหก
ผมบอกเลยว่า คนจะโกหกคุณได้ยากมากๆ ถ้าหากว่าคุณฝึกจนชํานาญ
1
1 คนที่โกหกจะไม่ชอบตอบอะไรที่สั้นๆ
ยกตัวอย่างเช่น สมมุติว่าคุณไปถามแฟนคุณว่า เมื่อคืนไปไหนมา คนที่ไม่โกหกจะตอบแค่ว่าไม่ไปไหน ไม่มีเรื่องราวอะไรเพิ่มเติม แต่ถ้าหากว่าคุณไปถามคนที่เขามีความผิด เขาจะตอบว่า โห.. แค่ฉันทํางานก็เหนื่อยแล้ว จะให้ฉันไปไหนอีก พฤติกรรมของคนโกหกส่วนมาก มักจะตอบคําถามด้วยคําถาม และมักจะเป็นอะไรที่อ้อมค้อม ถ้าหากว่าคุณลองนึกดูดีๆนะครับ เวลาที่เขาไม่โกหกกับเขาโกหกเนี่ย มันมีความแตกต่างกัน คุณจะเห็นจุดสังเกตได้
2 เปลี่ยนบทสนทนา
คนที่โกหกเนี่ย มีเหตุผลในการโกหกทั้งนั้น ซึ่งเขาอาจจะไม่อยากบอกคุณ เพราะกลัวคุณเสียความรู้สึก บางทีสิ่งที่ง่ายกว่าการโกหกก็คือการเปลี่ยนเรื่องคุยไปเลย มันอาจจะทําให้เขาไม่ต้องรู้สึกผิดกับตัวเองด้วย ไม่ต้องรู้สึกว่าเขาต้องโกหกคุณด้วย แล้วก็สามารถหลีกเลี่ยงการตอบคําถามที่คุณถามมาได้ด้วย ถ้าหากว่าคุณเจอคนที่คุณถามเขา แล้วเขาเปลี่ยนเรื่องเมื่อไหร่ ก็ให้คุณรู้ไว้เลยว่า เขามีบางอย่างที่ปิดบังคุณอยู่ในคําถามนั้น
3 ภาษากาย
กริยาท่าทางต่างๆที่มันแสดงออกมา ตอนที่เขาโกหกคุณ เคยได้ยินประโยคนี้ไหม คําที่บอกว่า คนโกหกมักจะชอบหลบตา แต่บางคนที่โกหกเป็นเนี่ย เขาจะรู้ว่าการหลบตามันชัดเจนเกินไป เขาจะพยายามจ้องตาคุณ ซึ่งมันอาจจะทําให้คุณสับสนได้ ขอให้คุณสังเกตดีๆ
4 โยนคําถามที่คุณรู้คำตอบไปก่อน คําถามที่คุณรู้คําตอบอยู่แล้ว ว่าคําตอบไหนเป็นคําตอบที่ถูกหรือคําตอบที่ผิด โยนไปสักสามสี่คําถาม แล้วคุณก็ดูว่า เวลาเขาตอบความจริง กิริยาท่าทางเขาเป็นยังไง แล้วหลังจากนั้นให้คุณโยนคําถามสุดท้าย คําถามที่แท้จริงที่คุณอยากรู้ คุณลองดูซิว่าปฏิกิริยาท่าทางของเขาเนี่ยเปลี่ยนไปไหม จากสามสี่คําถามที่ผ่านมา ถ้าเขาโกหก คุณจะเห็นปฏิกิริยาท่าทางอีกอย่างหนึ่งทันที โดยที่คุณจะรู้ได้ด้วยตัวคุณเอง
5 เขาจะจำเหตุการณ์ที่ไม่น่าจะจำได้ง่าย
มันมีกรณีศึกษาของ FBI ที่ตํารวจถามผู้ต้องสงสัยคดีฆาตกรรมว่า เมื่อสามสัปดาห์ก่อนคืนวันพุธตอนสามทุ่ม คุณทําไรอยู่เหรอ ผู้ต้องสงสัยก็บอกว่า อ๋อ..สามสัปดาห์ก่อนเหรอ ผมออกไปเดินเล่นที่สวนสาธารณะครับ เดินออกไปดูดบุหรี่สักสองสามตัว คุยโทรศัพท์สักหน่อย แล้วผมก็กลับบ้านมาตอนสี่ทุ่มครับ ตํารวจรู้ทันทีว่า ผู้ต้องสงสัยคนนี้กําลังโกหกอยู่
เพราะว่าคนปกติ ไม่สามารถจําเรื่องราวเมื่อ 3 สัปดาห์ก่อนได้รวดเร็วและถูกต้องขนาดนี้ ภายในช่วงเวลาเสี้ยววินาที ทั้งๆที่มันเป็นเรื่องที่ไม่สําคัญ นอกจากว่า สิ่งนั้นมันเป็นกิจวัตรประจําวันของเขาอยู่แล้ว เขาถึงจะจําได้
แต่ถ้าเกิดว่ามันไม่ใช่กิจวัตรของเขา นั่นแปลว่าเขากําลังโกหกอยู่ เขารู้ล่วงหน้าว่าเขาต้องถูกถาม ว่า 3 สัปดาห์ก่อนวันพุธ 3 ทุ่ม ไปไหนมา เขาจึงเตรียมคําตอบเอาไว้รอ มันเลยเป็นการถูกจับได้ว่า คนๆ นี้โกหก คนธรรมดาทั่วไป เรื่องไม่สําคัญ ผ่านไปสองสามวันก็ลืมแล้ว ยกตัวอย่างเช่น คุณลองนึกดูสิว่า เมื่อสามวันที่แล้วตอนสามโมง คุณทําอะไรอยู่ คุณต้องใช้เวลานึกพอสมควร ไม่สามารถใช้เวลาไม่กี่นาทีจะนึกได้เลย ไม่มีใครทำได้แบบนั้นครับ
6 ไม่โกรธ เมื่อถูกกล่าวหาทั้งๆที่ควรจะโกรธ
สมมติว่า เพื่อนคุณเดินมาบอก นี่เธอขโมยเงินฉันไปหรือเปล่า ถ้าคุณไม่ได้ขโมย คุณจะรู้สึกโกรธ ถูกไหม ทําไมมาหาว่าฉันขโมย ฉันดีกับแกตั้งหลายอย่าง ฉันคบกับแกมาตั้งนาน แต่ทําไมแกถึงหาว่าฉันขโมยเงินแก คุณโกรธที่คุณกําลังโดนดูถูกอยู่ ว่าเขามองว่าคุณเป็นขโมย
แต่ถ้าหากว่าคุณทํา แล้วเพื่อนมาพูดกับคุณแบบนี้ คุณจะไม่ได้แสดงอาการโกรธแบบเมื่อกี้
เพราะลึกๆในใจคุณ คุณรู้อยู่แล้วว่าจริงๆแล้วกูนั่นแหละเอาไป แต่คุณจะเป็นการสับสนแทนว่า แล้วมันรู้ได้ยังไงว่าเราเอาไป ความโกรธมันจะถูกทับด้วยความสับสนที่คุณมีในใจ เพราะฉะนั้นมันเลยเป็นการที่ว่า ไม่รู้สึกโกรธเมื่อถูกกล่าวหา ถ้าหากว่าผู้ถูกกล่าวหากําลังโกหกอยู่
7 โกรธ กับ คําถามที่ไม่ควรโกรธ
คําถามธรรมดาๆ สามารถกลายเป็นคําถามที่คุกคามได้ ถ้าหากว่าคุณเอาไปถามคนที่เขากําลังจะโกหกคุณอยู่
ยกตัวอย่างเช่น คุณถามแฟนคุณว่า ทําไมวันนี้เลิกงานดึกจัง ถ้าหากว่าแฟนคุณบริสุทธิ์เขาจะพูดอย่างใจเย็น และก็ไม่โกรธอะไร แต่ถ้าหากว่าแฟนคุณกําลังโกหกคุณอยู่ คําถามง่ายๆแบบนี้มันจะกลายเป็นการคุกคามสําหรับเขาทันที เพราะในความเป็นจริงแล้วเขาไม่ได้ไปทํางาน ที่กลับมาดึกๆเขาไปที่อื่นมา
แล้วคุณจะได้คําตอบแบบไหนรู้ไหม เขาจะตอบคุณว่า นี่ไม่เคยไว้ใจกันเลยใช่ไหมเนี่ย ฉันทํางานมาก็เหนื่อย ทําไมถึงต้องกลับมาเจอคําถามแบบนี้อีก นี่คือการโกรธโดยไม่จําเป็น ซึ่งนี่คือวิธีการจับโกหกอย่างนึง อันนี้คนใช้กันเยอะมาก ลองไปสังเกตดูดีๆครับ
8 สัญชาตญาณของคุณครับ
อันนี้ไม่มีหลักฐานอะไรเลยครับ แต่ว่าการที่คุณรู้สึกแบบนี้ กับคนนี้ ว่าทําไมคนๆนี้ดูไม่จริงใจ ทําไมมันดูไม่น่าไว้ใจเลย กับพฤติกรรมแบบนี้ นี่คือสัญชาตญาณของคุณ ซึ่งการจะเชื่อสัญชาตญาณของคุณ มันก็ต้องเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง เพราะมันไม่มีหลักฐานอะไรมากมาย มันเป็นแค่ความรู้สึกของคุณ สัญชาตญาณมันเป็นตัวบ่งบอก ว่า.. คุณควรระวังตัวเอาไว้กับคนๆนี้ แล้วคอยสังเกตตามพฤติกรรมอื่นๆ ต่อไปครับ
โฆษณา