16 ก.ย. เวลา 06:41 • สุขภาพ
โรงพยาบาลเอกชัย

ไวรัส RSV ภัยร้ายคุกคามเด็ก

ไวรัส RSV หรือ Respiratory Syncytial Virus เป็นสาเหตุของการติดเชื้อระบบทางเดินหายใจ ตั้งแต่ส่วนบน จนถึงส่วนล่าง ส่งผลให้ผู้ป่วยมีอาการหลอดลมฟอยอักเสบ และอาจทำให้ปอดอัดเสบติดเชื้อ โดยเฉพาะผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยง เช่น
👶 เด็กที่มีโรคประจำตัวคลอดก่อนกำหนด
👶 มีโรคปอดเรื้อรัง
👶 โรคทางระบบประสาท
👶 โรคที่ทำให้เด็กขับเสมหะได้ไม่ดี
👶 กล้ามเนื้ออ่อนแรง
👶 โรคหัวใจเรื้อรัง
เมื่อติดเชื้อไวรัส RSV จะมีอาการรุนแรงมากขึ้นเพราะกลไกในการไอและขับเสมหะของร่างกายไม่ดีเท่าที่ควร เมื่อเด็กๆ ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยง ได้รับเชื้อ RSV จะมีแนวโน้มเป็นโรคหอบหืดได้ในอนาคต
โดยเฉพาะกลุ่มที่มีพ่อแม่เป็นโรคหอบหืด หรือเด็กมีภาวะเกี่ยวข้องกับโรคหอบหืด เช่น แพ้อาหาร แพ้นม มีผื่นภูมิแพ้ โดยจะมีความเสี่ยงเป็นโรคหอบหืดได้ตั้งแต่ 5-13 เท่า เมื่อเปรียบเทียบกับเด็กที่ไม่ได้อยู่ในกลุ่มเสียง
✨ มาทำความรู้จัก RSV (Respiratory Syncytial Virus)
เป็นเชื้อไวรัสที่ทำให้ทางเดินหายใจอักเสบในผู้ป่วยทุกช่วงอายุ แต่อาการจะเป็นมากในช่วงวัยเด็ก โดยเฉพาะเด็กอายุน้อย มีการระบาดบ่อยในทุกฤดู โดยเฉพาะช่วงอากาศเย็นหรือหนาว โดยผู้ป่วยจะติดเชื้อ RSV จากการรับเชื้อทางเดินหายใจ เช่น ไอ จาม น้ำมูก สารคัดหลั่ง จากคนสู่คนโดยการสัมผัส หรือละอองน้ำมูกของผู้ป่วยคนอื่น และมีระยะฟักตัวประมาณ 2-7 วัน เฉลี่ย 4 วัน และอาจส่งผลรุนแรงถึงขั้นเป็นโรคปอดบวม ปอดอักเสบ และหอบหืดได้
✨ ผู้ป่วยที่เป็น RSV มีอาการเป็นอย่างไร ?
อาการเริ่มต้นจะมีน้ำมูกใส ต่อมามีอาการไอ จาม ไข้ต่ำๆ ไข้อาจจะมีหรือไม่ก็ได้ขึ้นกับภูมิต้านทานแต่ละคน ถ้าเป็นในเด็กโดยเฉพาะเด็กเล็กจะมีอาการปอดบวม ไอ หอบได้ง่าย เด็กจะมีอาการหายใจเร็ว หอบเหนื่อย บางครั้งเป็นมากจะหายใจดัง “วี้ด” ถ้าเป็นมากขึ้นจะมีอาการหายใจล้มเหลวได้ เช่น หน้าอกบุ๋ม กระสับกระส่าย ซึม กินไม่ได้
โดยผู้ป่วยแพร่เชื้อได้นานประมาณ 3-8 วัน ส่วนมาก 3-4 วันแรก โดยผ่านสารคัดหลั่ง เช่น น้ำมูก น้ำลาย ทั้งนี้ผู้ป่วยที่เป็น RSV แล้ว สามารถเป็นซ้ำได้หลายครั้งตลอดชีวิต แต่อาการจะน้อยลง ดังนั้นผู้ใหญ่จะอาการน้อยกว่าในเด็ก และเด็กโตจะอาการน้อยกว่าเด็กเล็กตามอายุ
ไวรัส RSV ทำให้เด็กๆ มีความเสี่ยงที่จะติดเชื้อไวรัสในช่วงที่แพร่ระบาดได้มากโดยเฉพาะสถานที่ที่เด็กอยู่กันมากๆ เช่น โรงเรียนหรือสถานรับลี้ยงเด็ก ดังนั้นสิ่งที่จะช่วยให้ลูกไม่ป่วยจากโรคนี้ คือ การมีร่างกายที่แข็งแรงและรู้จักวิธีหลีกเลี่ยงภาวะเสี่ยงต่อการติดเชื้อโรค ด้วยวิธีดังต่อไปนี้
👋 ล้างมือบ่อยๆ หลังจากทำกิจกรรม หรือก่อนกินอาหาร
✖️ งดไปในสถานที่แออัด เช่น โรงเรียน สถานเลี้ยงเด็ก
⛄ ทำความสะอาดของเล่น
😷 ผู้ป่วยต้องปิดปากหรือใส่หน้ากากอนามัยเวลาไอจามเพื่อป้องกันการติดเชื้อ หรือเมื่อต้องไปอยู่ในสถานที่ที่มีคนแออัด
✨ ลูกเป็นหวัดหรือติดไวรัส RSV สังเกตได้อย่างไร ?
เด็กที่ติดเชื้อไวรัส RSV มักจะมีอาการเริ่มแรกเหมือนไข้หวัด คือ มีไข้ ไอ น้ำมูกไหล คัดจมูก แต่สิ่งที่พ่อแม่สามารถสังเกตเห็นว่าลูกติดเชื้อ RSV ได้แก่
👉 ไอมาก เสมหะเยอะและเหนียวข้น
👉 อาการหายใจหอบเหนื่อย หน้าอกบุ๋ม
👉 อาจมีเสียงหายใจดังวี้ด ๆ
👉 มีอาการซึม ไม่กินอาหารและน้ำ
👉 มักจะหงุดหงิด กระวนกระวาย
👉 มีสีเขียวคล้ำบริเวณริมฝีปาก หรือปลายมือปลายเท้าเนื่องจากร่างกายขาดอ๊อกซิเจน
หากลูกมีอาการไข้สูงในช่วงที่ไวรัส RSV ระบาด ก็ให้สงสัยไว้ก่อนว่าอาจได้รับเชื้อ จึงควรพาไปให้คุณหมอตรวจเช็คอย่างละเอียด
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ :
ศูนย์กุมารเวช ชั้น 2 อาการกุมารเวช โรงพยาบาลเอกชัย
โทร. (034) 417-999 สายด่วน 1715 ต่อ 9221, 9222
โฆษณา