19 ก.ย. เวลา 18:45 • ข่าวรอบโลก

มหาเกมครั้งใหม่ - The New Great Game: ความสำคัญในทางภูมิรัฐศาสตร์ของเอเชียกลาง

“เอเชียกลาง” เป็นเส้นทางการค้าที่สำคัญมาช้านาน เนื่องจากเป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างยุโรปและเอเชีย รวมถึงเป็นที่ตั้งของเส้นทางสายไหม (Silk Road) ซึ่งเป็นเส้นทางการค้าโบราณที่เชื่อมโยงยุโรป จีน อินเดีย และอาหรับ ดินแดนนี้จึงมีความสำคัญทางยุทธศาสตร์ในการค้า และการขยายอำนาจทางการเมืองในระดับโลก
ฮาลฟอร์ด แมคคินเดอร์ (Halford Mackinder) นักภูมิศาสตร์และนักการเมืองชาวอังกฤษในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 นำเสนอแนวคิด “ดินแดนแกนกลางของโลก” (The Heartland) ครั้งแรกในบทความของเขาในปี 1904 ชื่อ "จุดศูนย์กลางทางภูมิศาสตร์ของประวัติศาสตร์" (The Geographical Pivot of History) โดยมีความเชื่อว่าดินแดนภาคกลางของยูเรเชีย (รวมถึงเอเชียกลาง) มีความสำคัญในการควบคุมโลก เนื่องจากที่ตั้งทางยุทธศาสตร์และทรัพยากรอันมากมาย
ทฤษฎีนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการทำความเข้าใจบทบาทและยุทธศาสตร์ของภูมิภาคเอเชียกลางในเวทีการเมืองโลก แมคคินเดอร์เชื่อว่าดินแดนส่วนกลางของยูเรเชีย ซึ่งขยายจากยุโรปตะวันออกไปจนถึงไซบีเรีย และรวมถึงเอเชียกลาง เป็น "ดินแดนแกนกลางของโลก" พื้นที่กว้างใหญ่นี้ยากที่จะถูกพิชิต เนื่องจากภูมิประเทศที่เป็นที่ราบกว้างและไม่สามารถเข้าถึงได้ง่ายทางทะเล แมคคินเดอร์เชื่อว่าผู้ที่สามารถควบคุมดินแดนแกนกลางของโลกได้จะมีศักยภาพในการครองโลก
ที่ตั้งของดินแดนแกนกลางของโลกถือเป็นจุดยุทธศาสตร์ระหว่างอารยธรรมหลัก ๆ หลายแห่ง ทำให้มันมีข้อได้เปรียบทางภูมิรัฐศาสตร์อย่างมาก แมคคินเดอร์กล่าวว่า "ใครก็ตามที่ปกครองยุโรปตะวันออกจะควบคุมดินแดนแกนกลางของโลก ใครก็ตามที่ปกครองดินแดนแกนกลางของโลกจะควบคุมเกาะโลก และใครก็ตามที่ปกครองเกาะโลกจะควบคุมโลก" "เกาะโลก" (World Island) ที่กล่าวถึงคือพื้นที่ยูเรเชียและแอฟริการวมกัน และแมคคินเดอร์เชื่อว่าผู้ใดที่ควบคุมดินแดนแกนกลางของโลกได้จะมีศักยภาพในการแผ่อิทธิพลไปทั่วโลก
เอเชียกลาง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของดินแดนแกนกลางของโลก มีความสำคัญทางยุทธศาสตร์เนื่องจากตั้งอยู่ที่จุดตัดระหว่างเอเชีย ยุโรป และตะวันออกกลาง เอเชียกลางเคยเป็นศูนย์กลางของเส้นทางการค้า ในปัจจุบันมีทรัพยากรธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ เช่น น้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ และแร่ธาตุต่าง ๆ สิ่งเหล่านี้ทำให้เอเชียกลางกลายเป็นจุดสนใจของมหาอำนาจทั่วโลกที่ต้องการควบคุมทรัพยากรและขยายอิทธิพลในภูมิภาค
ด้วยตำแหน่งสำคัญทางยุทธศาสตร์ เอเชียกลางได้กลายเป็นจุดสำคัญในภูมิรัฐศาสตร์ระดับโลก โดยมักถูกเรียกว่า "มหาเกมครั้งใหม่" (The New Great Game) คำนี้สะท้อนถึงการแก่งแย่งอำนาจระหว่างจักรวรรดิในศตวรรษที่ 19 แต่ในบริบทของปัจจุบันนั้นสื่อถึงการแข่งขันกันในด้านอิทธิพลเหนือภูมิภาค ทรัพยากร และความมั่นคง ระหว่างตัวแสดงระดับภูมิภาคและระดับโลก
การปรากฏตัวของประเทศสำคัญ เช่น จีน รัสเซีย สหรัฐอเมริกา และมหาอำนาจในภูมิภาคอย่างอินเดีย ตุรกี และอิหร่าน ได้สร้างพลวัตทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ซับซ้อนซึ่งมีอิทธิพลต่ออนาคตของเอเชียกลาง
##บริบททางประวัติศาสตร์
"มหาเกม" (The Great Game) เป็นการแข็งขันระหว่างจักรวรรดิอังกฤษและจักรวรรดิรัสเซียที่พยายามครอบครองและมีอิทธิพลเหนือภูมิภาคเอเชียกลาง อันหมายรวมถึงประเทศ อัฟกานิสถาน อิหร่าน และปากีสถานในปัจจุบันด้วย ในปลายศตวรรษที่ 18 และ ศตวรรษที่ 19 ซึ่งมีความสำคัญต่อทั้งสองมหาอำนาจจากมุมมองทางยุทธศาสตร์และเศรษฐกิจ
การแย่งชิงนี้เกิดขึ้นจากการเล็งเห็นถึงความสำคัญด้านยุทธศาสตร์ที่เกี่ยวกับผลประโยชน์ของจักรวรรดิและการขยายตัวของอาณานิคม จักรวรรดิอังกฤษขยายอิทธิพลและการควบคุมในอินเดีย ซึ่งเป็นหนึ่งในอาณานิคมที่สำคัญที่สุดของอังกฤษ
ในขณะเดียวกัน จักรวรรดิรัสเซียเริ่มขยายดินแดนของตนลงทางใต้เข้าสู่เอเชียกลาง บริเวณที่เรียกว่า “สเตปป์ยูเรเชีย” (Stepp Urasia) ซึ่งมีเมืองสำคัญอย่างทาชเคนต์ (Tashkent) ซามาร์คันด์ (Samarkand) และบูคารา (Bukhara) การเผชิญหน้าระหว่างสองมหาอำนาจเกิดขึ้นเนื่องจากทั้งสองฝ่ายต้องการขยายอิทธิพลของตนเหนือภูมิภาคแห่งนี้นั่นเอง
จักรวรรดิอังกฤษมองว่าการขยายตัวของรัสเซียในเอเชียกลางเป็นภัยคุกคามต่อผลประโยชน์ของตนในอินเดีย โดยเฉพาะในด้านความมั่นคงของอาณานิคม การป้องกันการรุกรานทางทหารจากรัสเซียกลายเป็นเป้าหมายหลักของนโยบายการต่างประเทศของอังกฤษในภูมิภาค นอกจากนั้น อังกฤษยังต้องการขยายการค้าและควบคุมเส้นทางการค้าที่ผ่านดินแดนเหล่านี้เพื่อเชื่อมต่อกับยุโรปและจีน
เพื่อรับมือกับการขยายตัวของรัสเซีย อังกฤษได้ส่งนักการทูต นักสำรวจ และทหารเข้าไปยังเอเชียกลางและอัฟกานิสถาน ซึ่งกลายเป็นแนวหน้าในการแข่งขันทางอำนาจ และเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญที่อังกฤษมองว่าเป็น “รัฐกันชน” (Buffer State) จากการรุกรานของรัสเซีย
อีกด้านหนึ่งจักรวรรดิรัสเซีย ซึ่งในขณะนั้นกำลังขยายอาณาจักรของตนในทวีปยุโรปและเอเชีย มองว่าเอเชียกลางเป็นดินแดนที่สำคัญในการเชื่อมต่อกับภูมิภาคที่อุดมไปด้วยทรัพยากรและการทำการค้า รัสเซียมองว่าการควบคุมเอเชียกลางจะช่วยเพิ่มอำนาจทางเศรษฐกิจและการเมืองของตนในภูมิภาค
ในช่วงทศวรรษที่ 1830 และ 1840 รัสเซียสามารถควบคุมดินแดนบางส่วนในเอเชียกลางได้ และขยายอิทธิพลเข้าสู่เมืองต่าง ๆ เช่น ทาชเคนต์ และซามาร์คันด์ ทำให้ความตึงเครียดกับอังกฤษเพิ่มขึ้น การแข่งขันเพื่ออำนาจทางภูมิรัฐศาสตร์ในดินแดนนี้กลายเป็นหัวใจหลักของมหาเกม
อัฟกานิสถานกลายเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญที่สุดในศึกมหาเกม เนื่องจากตั้งอยู่ระหว่างอินเดียที่อยู่ภายใต้การควบคุมของอังกฤษ และดินแดนของรัสเซียในเอเชียกลาง อังกฤษพยายามรุกเข้าควบคุมอัฟกานิสถานเพื่อป้องกันการรุกรานจากรัสเซีย และในปี 1839 อังกฤษได้เริ่มสงครามกับอัฟกานิสถานครั้งแรก หรือที่รู้จักกันในชื่อ “สงครามอังกฤษ-อัฟกานิสถานครั้งที่หนึ่ง” (First Anglo-Afghan War)
อย่างไรก็ตาม การทำสงครามของอังกฤษในอัฟกานิสถานไม่ได้ประสบความสำเร็จมากนัก เนื่องจากต้องเผชิญกับการต่อต้านจากประชาชนและกองกำลังท้องถิ่น
การพ่ายแพ้ของอังกฤษในสงครามครั้งนี้ได้แสดงให้เห็นถึงความยากลำบากในการควบคุมอัฟกานิสถาน ในขณะเดียวกัน รัสเซียก็ค่อย ๆ ขยายอิทธิพลของตนเข้าใกล้พื้นที่ดังกล่าว สงครามอัฟกานิสถานครั้งที่สอง (1878-1880) ทำให้เกิดการแทรกแซงของอังกฤษอีกครั้ง แต่ครั้งนี้อังกฤษสามารถเข้าควบคุมบางส่วนของนโยบายการต่างประเทศของอัฟกานิสถานได้สำเร็จ
ในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 และต้นศตวรรษที่ 20 การแข่งขันระหว่างอังกฤษและรัสเซียในเอเชียกลางเริ่มคลายตัวลง สาเหตุหลักเกิดจากปัจจัยภายในของทั้งสองประเทศ เช่น การเมืองภายในและสงครามในยุโรป ในปี 1907 ทั้งสองประเทศได้ลงนามใน "สนธิสัญญาอังกฤษ-รัสเซีย" (Anglo-Russian Convention) ซึ่งเป็นข้อตกลงที่แบ่งอิทธิพลในเอเชียกลางออกเป็นส่วน ๆ อังกฤษได้รับอิทธิพลในอัฟกานิสถานและเปอร์เซีย
ขณะที่รัสเซียได้รับอิทธิพลในบางส่วนของเอเชียกลาง สนธิสัญญานี้เป็นจุดสิ้นสุดอย่างเป็นทางการของสงคราม "มหาเกม" แต่กระนั้นก็ตามภูมิภาคเอเชียกลางยังคงเป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์ที่สำคัญในยุคต่อมา รวมถึงในช่วงสงครามเย็นที่เกิดการแข่งขันครั้งใหม่ระหว่างมหาอำนาจอย่างสหรัฐอเมริกาและสหภาพโซเวียต
การล่มสลายของสหภาพโซเวียตในปี 1991 ได้เปลี่ยนภูมิทัศน์ทางภูมิรัฐศาสตร์ใหม่ ทำให้ประเทศเอเชียกลาง เช่น คาซัคสถาน อุซเบกิสถาน คีร์กีซสถาน เติร์กเมนิสถาน และทาจิกิสถาน ได้รับเอกราช อย่างไรก็ตาม สุญญากาศทางอำนาจที่เกิดขึ้นจากการล่มสลายของสหภาพโซเวียตได้จุดประกายการแข่งขันใหม่ในหมู่มหาอำนาจที่กระหายที่จะสร้างอิทธิพลในภูมิภาคที่อุดมไปด้วยทรัพยากรนี้
##ความมั่งคั่งทางทรัพยากรและผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ
เอเชียกลางอุดมไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติอย่างน้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ แร่ธาตุ และอื่น ๆ ประเทศอย่างคาซัคสถานและเติร์กเมนิสถานเป็นผู้ผลิตน้ำมันและก๊าซรายใหญ่ ทรัพยากรด้านพลังงานของเอเชียกลางไม่เพียงแต่สำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศเหล่านี้เท่านั้น แต่ยังเป็นปัจจัยสำคัญต่อความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศอย่างจีนและรัสเซียอีกด้วย
การกระจายเส้นทางพลังงาน เช่น ท่อส่งก๊าซจีน-เอเชียกลาง และท่อส่งทรานส์แคสเปียน แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของเอเชียกลางในตลาดพลังงานโลก ผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจของมหาอำนาจโลกในเอเชียกลางมักปรากฏผ่านโครงการการลงทุน การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และความร่วมมือทางยุทธศาสตร์ โครงการริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางของจีน (BRI) เป็นปัจจัยสำคัญในเรื่องนี้
ซึ่งมุ่งสร้างเส้นทางสายไหมยุคใหม่ (เส้นทางสายไหมศตวรรษที่ 21) ที่ช่วยเพิ่มความเชื่อมโยงและการค้าระหว่างจีนกับยุโรป โดยมีเอเชียกลางเป็นจุดเชื่อมโยงสำคัญ อย่างไรก็ตาม การพึ่งพาการลงทุนจากจีนที่เพิ่มขึ้นก่อให้เกิดความกังวลต่อบางประเทศในเอเชียกลางเกี่ยวกับการถูกลดทอนอธิปไตยและการพึ่งพาพันธมิตรรายเดียวมากเกินไป
##การแข่งขันทางภูมิรัฐศาสตร์: รัสเซียและจีน
รัสเซียและจีนได้กลายเป็นผู้เล่นหลักในเอเชียกลาง โดยแต่ละฝ่ายพยายามสร้างอิทธิพลของตน รัสเซียซึ่งมีประวัติศาสตร์อันยาวนานในภูมิภาคนี้ผ่านมรดกจากสหภาพโซเวียต ยังคงมองว่าเอเชียกลางเป็นส่วนหนึ่งของเขตอิทธิพลของตน องค์การสนธิสัญญาความมั่นคงร่วม (CSTO) และสหภาพเศรษฐกิจยูเรเซีย (EEU) เป็นตัวอย่างของความพยายามของรัสเซียในการรักษาฐานที่มั่นในภูมิภาคโดยส่งเสริมความร่วมมือด้านเศรษฐกิจและความมั่นคง
ในทางตรงกันข้าม จีนมุ่งขยายอิทธิพลของตนผ่านวิธีการทางเศรษฐกิจ โดยเน้นการลงทุนและความสัมพันธ์ทางการค้า การพึ่งพาเศรษฐกิจระหว่างประเทศในเอเชียกลางและจีนที่เพิ่มขึ้นเป็นความท้าทายต่อรัสเซีย ซึ่งกลัวว่าบทบาทของตนในภูมิภาคที่ตนถือว่าสำคัญเชิงยุทธศาสตร์จะลดน้อยลง การแข่งขันทางภูมิรัฐศาสตร์นี้มักนำไปสู่ความตึงเครียดในเรื่องอิทธิพลและการเข้าถึงทรัพยากร
##ผลประโยชน์และการมีส่วนร่วมของสหรัฐอเมริกา
สหรัฐอเมริกาแสดงความสนใจในเอเชียกลางเช่นกัน โดยมุ่งหาวิธีถ่วงดุลอำนาจระหว่างรัสเซียและจีน หลังจากเหตุการณ์ 11 กันยายน 2001 สหรัฐฯ ได้มีส่วนร่วมทางทหารในอัฟกานิสถาน โดยใช้ฐานในเอเชียกลางเป็นการสนับสนุนด้านโลจิสติกส์ อย่างไรก็ตาม การมีส่วนร่วมของสหรัฐฯ ในภูมิภาคนี้มีการเปลี่ยนแปลงไปตามปัจจัยต่าง ๆ เช่น การเปลี่ยนแปลงของรัฐบาลและนโยบายต่างประเทศ
กลยุทธ์ของสหรัฐฯ ในเอเชียกลางมักเน้นที่การส่งเสริมประชาธิปไตย สิทธิมนุษยชน และความมั่นคง สถานที่ตั้งยุทธศาสตร์ของภูมิภาคสำหรับปฏิบัติการต่อต้านการก่อการร้าย และศักยภาพในฐานะตลาดสำหรับธุรกิจของสหรัฐฯ เป็นเหตุผลเพิ่มเติมสำหรับการมีส่วนร่วมของสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม อิทธิพลของสหรัฐฯ ลดลงในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ซึ่งถูกบดบังโดยอิทธิพลทางเศรษฐกิจของจีนและความสัมพันธ์ทางประวัติศาสตร์ของรัสเซีย
##พลวัตและความร่วมมือระดับภูมิภาค
ประเทศในเอเชียกลางต่างพยายามฝ่าเส้นทางอันท้าทายท่ามกลางแรงกดดันทางภูมิรัฐศาสตร์จากมหาอำนาจต่าง ๆ ในขณะที่ให้ความสำคัญกับผลประโยชน์แห่งชาติ ความต้องการการเติบโตและการพัฒนาเศรษฐกิจทำให้ประเทศเหล่านี้ต้องใช้แนวทางการต่างประเทศแบบยืดหยุ่นและเป็นมิตรกับทุกฝ่าย (Multi-vector policy)
โดยมีปฏิสัมพันธ์กับผู้เล่นหลายฝ่ายในเงื่อนไขของตนเอง องค์การความร่วมมือเซี่ยงไฮ้ (SCO) เป็นเวทีสำคัญสำหรับความร่วมมือระดับภูมิภาค ซึ่งส่งเสริมความมั่นคง เศรษฐกิจ และความสัมพันธ์ทางวัฒนธรรมระหว่างประเทศสมาชิก รวมถึงจีน รัสเซีย และประเทศในเอเชียกลาง
นอกจากนี้ ประเทศในเอเชียกลางยังพยายามเสริมสร้างความร่วมมือในภูมิภาคผ่านองค์กรต่าง ๆ เช่น ความร่วมมือทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาคเอเชียกลาง (CAREC) และข้อตกลงทางการค้าระหว่างกัน ความคิดริเริ่มเหล่านี้มีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมเสถียรภาพระดับภูมิภาค ต่อต้านลัทธิหัวรุนแรง และส่งเสริมการพึ่งพาเศรษฐกิจระหว่างกัน เพื่อลดอิทธิพลจากภายนอก
##ความท้าทายและโอกาส
แม้ว่าเอเชียกลางจะได้เปรียบทางภูมิรัฐศาสตร์ที่สำคัญเนื่องจากที่ตั้งและทรัพยากรของภูมิภาค แต่ก็ต้องเผชิญกับความท้าทายมากมายเช่นกัน ปัญหาต่าง ๆ เช่น ความไม่มั่นคงทางการเมือง การปกครองแบบเผด็จการ ความขัดแย้งทางชาติพันธุ์ และความกังวลด้านสิ่งแวดล้อม ล้วนเป็นความเสี่ยงต่อการพัฒนาและความมั่นคงของภูมิภาค มรดกด้านพรมแดนในยุคโซเวียตทำให้เกิดความไม่เท่าเทียมกันทางชาติพันธุ์และข้อพิพาทเรื่องดินแดน ซึ่งทำให้การทูตระดับภูมิภาคซับซ้อนมากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ ระเบียบโลกที่เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งมีลักษณะของชาตินิยมที่เพิ่มขึ้นและการปกป้องผลประโยชน์ของตนเอง ก่อให้เกิดความไม่แน่นอนต่อภูมิรัฐศาสตร์ของเอเชียกลาง การแข่งขันระหว่างมหาอำนาจเพื่ออิทธิพลในภูมิภาคนี้อาจนำไปสู่ความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นและเป็นแหล่งของความขัดแย้ง โดยเฉพาะในเรื่องความมั่นคงด้านพลังงานและการพึ่งพาทางเศรษฐกิจ
อย่างไรก็ตาม ความท้าทายที่เอเชียกลางต้องเผชิญยังเป็นโอกาสสำหรับนวัตกรรมด้านการปกครอง ความร่วมมือ และการพัฒนาเศรษฐกิจอีกด้วย ภูมิภาคนี้สามารถทำหน้าที่เป็นสะพานเชื่อมระหว่างตะวันออกและตะวันตก โดยใช้ประโยชน์จากตำแหน่งที่มีความสำคัญทางยุทธศาสตร์ในการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างมหาอำนาจต่าง ๆ ส่งเสริมเสถียรภาพ และดึงดูดการลงทุน
##สรุป
มหาเกมครั้งใหม่ (The New Great Game) ในเอเชียกลางแสดงให้เห็นถึงการมีการเล่นที่ซับซ้อนของอำนาจ ทรัพยากร และภูมิรัฐศาสตร์ในโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เมื่อผู้เล่นระดับโลกแข่งขันกันเพื่ออิทธิพล ประเทศในเอเชียกลางต้องนำทางยุทธศาสตร์อย่างรอบคอบเพื่อปกป้องอธิปไตยของตน และส่งเสริมผลประโยชน์ของตน
การใช้แนวทางการต่างประเทศที่สมดุล ส่งเสริมความร่วมมือระดับภูมิภาค และการลงทุนในการพัฒนาอย่างยั่งยืน จะทำให้เอเชียกลางไม่เพียงปกป้องทรัพยากรของตนได้เท่านั้น แต่ยังเพิ่มบทบาทของตนในเวทีโลกอีกด้วย
ในท้ายที่สุด ความสำคัญทางภูมิรัฐศาสตร์ของเอเชียกลางจะยังคงเป็นประเด็นสำคัญในการวิเคราะห์ เนื่องจากมีตัวละครที่ซับซ้อนระหว่างมหาอำนาจระดับภูมิภาคและระดับโลกยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะกำหนดอนาคตของภูมิภาคที่สำคัญนี้ ผลลัพธ์ของมหาเกมครั้งใหม่นี้จะส่งผลอย่างมีนัยสำคัญ ไม่เพียงแต่ต่อเอเชียกลางเท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบต่อภูมิรัฐศาสตร์โลกในวงกว้างอีกด้วย
- พี่ฟิล์ม
21 -09 - 2024
โฆษณา