21 ก.ย. เวลา 07:00 • หุ้น & เศรษฐกิจ

SET ทำระดับสูงสุดในปี หลังเฟดลดดอกเบี้ย กรอบวันนี้ 1,440-1,470

กสิกร มองหุ้นสหรัฐฯ แข็งแกร่งขึ้น หลังเฟดลดดอกเบี้ย คาด SET วันนี้มีแรงหนุนขึ้นต่อ มองกรอบ 1,440-1,470 แนะนำ DELTA, AURA
บริษัท หลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ประเมินแนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้ (20 ก.ย. 67) หุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง โดย Dow Jones +1.26% ปิดเหนือ 42,000 จุดได้เป็นครั้งแรก และ S&P500 +1.70% ปิดเหนือ 5,700 จุดได้เป็นครั้งแรก ทั้งสองดัชนีขึ้นทำ All Time High ด้านดัชนี Nasdaq Composite +2.51% แตะระดับสูงสุดในรอบ 2 เดือน และ Russell 2000 +2.10% แรงหนุนสำคัญมาจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ประกาศลดอัตราดอกเบี้ย 50 bps เมื่อคืนวันพุธ และส่งสัญญาณว่าจะลดดอกเบี้ยลงอีก 50 bps ภายในปีนี้
กลยุทธ์การลงทุนประจำวัน
นอกจากนี้ตลาดยังได้ข้อมูลผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานที่ลดลงมากกว่าคาด สร้างความหวังว่าเศรษฐกิจกำลังมุ่งสู่เส้นทาง Soft-Landing โดยหุ้นในกลุ่ม Technology, Consumer Discretionary, Communication Services และ Industrials ปรับตัวขึ้น Outperform เมื่อคืนนี้
วันนี้ติดตามการประชุม BOJ ที่จะมีขึ้นเวลา 11.00 น. ซึ่งอาจสร้างความผันผวนต่อตลาด
SET Index ปรับตัวขึ้น 19 จุด (+1.33%) ปิดที่ 1,454.84 จุด ทำระดับสูงสุดในปีนี้ ตามตลาดหุ้นในภูมิภาคโดยได้ปัจจัยหนุนจากการลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ กลุ่ม Electronic, ICT, Packaging และโรงไฟฟ้า ปรับตัวขึ้น Outperform ขณะที่ Bank, Transportation และ Healthcare Underperform
วันนี้คาด SET มีแรงหนุนให้ขึ้นต่อโดยมองกรอบไว้ที่ 1,440-1,470 แนะนำ DELTA รับ Flow ไหลเข้า, AURA หลังราคาทองยังพุ่งขึ้นทำ All Time High
ประเด็นสำคัญที่เป็นกระแสในช่วงนี้และมีผลต่อการลงทุน
  • สหรัฐฯ รายงานจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก (Initial Jobless Claims) ลดลง 12,000 ราย จากสัปดาห์ก่อนหน้า เหลือ 219,000 ราย ในสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 14 กันยายน ซึ่งต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ที่ 230,000 ราย และเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 4 เดือน
  • ธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) ตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 5% ด้วยคะแนนเสียง 8-1 และส่งสัญญาณว่าจะไม่รีบผ่อนคลายนโยบายการเงิน แม้ว่าข้อมูลล่าสุดจะแสดงให้เห็นว่าเงินเฟ้อชะลอตัวลงและเศรษฐกิจกำลังฟื้นตัว BOE ยังคงระมัดระวังเกี่ยวกับแรงกดดันด้านเงินเฟ้อ โดยระบุว่าจะใช้วิธีการค่อยเป็นค่อยไปในการลดอัตราดอกเบี้ย
  • ธนาคารกลางฮ่องกง (HKMA) ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.5% เหลือ 5.25% เป็นครั้งแรกในรอบ 4 ปี สอดคล้องกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) การปรับลดอัตราดอกเบี้ยนี้คาดว่าจะช่วยบรรเทาผลกระทบต่อเศรษฐกิจและตลาดอสังหาริมทรัพย์ของฮ่องกงที่ซบเซามานาน โดยราคาบ้านในฮ่องกงได้ลดลงสู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2559 เนื่องจากต้นทุนการกู้ยืมที่สูง
  • ข้อมูลจากสมาคมผู้ผลิตรถยนต์ยุโรป แสดงให้เห็นว่ายอดขายรถยนต์ใหม่ในสหภาพยุโรปเดือนสิงหาคม 2567 ลดลง 18.3% สู่ระดับต่ำสุดในรอบ 3 ปี โดยเฉพาะในตลาดหลักอย่างเยอรมนี ฝรั่งเศส และอิตาลี ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ลดลงถึง 43.9% ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4
ขณะที่ยอดขายรถไฮบริดเพิ่มขึ้น 6.6% ครองส่วนแบ่งตลาด 31.3% ค่ายรถยนต์ยักษ์ใหญ่ในยุโรปต่างมียอดขายลดลง รวมถึง Tesla และ SAIC Motor จากจีน ทั้งนี้ เยอรมนีได้ประกาศมาตรการลดหย่อนภาษีเพื่อกระตุ้นตลาดรถ EV และคาดการณ์ว่ารถยนต์ไฟฟ้าจะมีส่วนแบ่งตลาดระหว่าง 20-24% ภายในปี 2568
  • รายงานจาก Mastercard คาดการณ์ว่ายอดขายปลีกในช่วงเทศกาลวันหยุดของสหรัฐฯ จะเพิ่มขึ้น 3.2% ในปีนี้ เทียบกับการเติบโต 3.1% ในปีที่แล้ว โดยบริษัทต่างๆ จะเน้นการจัดโปรโมชั่นเพื่อดึงดูดผู้บริโภคที่ระมัดระวังการใช้จ่าย ในช่วงเวลาช้อปปิ้งที่สั้นลงกว่าปกติ ยอดขายออนไลน์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 7.1% และสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ราคาสูงอาจเติบโต 6.7% เนื่องจากต้นทุนการกู้ยืมที่ลดลงและราคาที่ถูกลง
ทั้งนี้ การที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.5% อาจช่วยบรรเทาแรงกดดันทางการเงินของผู้บริโภค ในขณะที่การใช้จ่ายของผู้บริโภคและตลาดแรงงานยังคงแข็งแกร่ง
หุ้นแนะนำวันนี้ Top pick
DELTA : ราคาพื้นฐาน 113.00 บาท
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่ปรับตัวขึ้นแรงโดยเฉพาะหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยี หลังจากตลาดมี Sentiment ที่ดีจากการปรับลดดอกเบี้ยของเฟด มองหุ้นใหญ่อย่าง DELTA น่าจะได้แรงหนุนจากเงินทุนไหลเข้า ในส่วนของปัจจัยพื้นฐาน DELTA มีแนวโน้มผลประกอบการที่แข็งแกร่งในช่วงครึ่งหลังของปี 2567
โดยได้รับปัจจัยบวกจากความต้องการ Data Center และ AI Application ที่มีอัตรากำไรสูง นอกจากนี้การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก ยิ่งเสริมโอกาสการเติบโต โดยบริษัทยังคงเป้าหมายการเติบโตของรายได้ที่ 10-20% และอัตรากำไรขั้นต้นที่ 23-24% แนะนำซื้อที่ราคาพื้นฐาน 113 บาท
AURA : ราคาพื้นฐาน 18.48 บาท
ราคาทองคำที่พุ่งขึ้นทำ All Time High ที่ระดับ 2,585 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หลังจากธนาคารกลางสหรัฐฯ ประกาศลดอัตราดอกเบี้ย ส่งผลดีต่อแนวโน้มการเติบโตของธุรกิจสินเชื่อที่มีทองคำเป็นหลักประกันและการค้าปลีกทองคำ โดยบริษัทมีแผนระดมทุนผ่านการออกตราสารหนี้เพื่อรองรับการขยายธุรกิจ และอาจมีการปรับเพิ่มอัตราค่าธรรมเนียมในอนาคต
ซึ่งจะช่วยเสริมความสามารถในการทำกำไร ทั้งนี้ แม้ว่าบริษัทจะมีผลประกอบการที่แข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง แต่ราคาหุ้นในปัจจุบันยังต่ำกว่าจุดสูงสุดในอดีตอย่างมีนัยสำคัญ สะท้อนว่าอาจยังไม่สะท้อนถึงศักยภาพในการทำกำไรอย่างเต็มที่ ประกอบกับปัจจัยสนับสนุนทางเศรษฐกิจมหภาคและสถานการณ์ความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์ที่อาจส่งผลบวกต่อราคาทองคำในระยะยาว แนะนำซื้อโดยมีราคาพื้นฐานที่ 18.48 บาท
รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ
วันศุกร์ ติดตามตัวเลขเงินเฟ้อของญี่ปุ่น (Japan Inflation) เดือน ส.ค. โดยตลาดคาดการณ์ที่ +3.00% YoY เร่งตัวขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ +2.80% YoY และ เงินเฟ้อที่ไม่รวมราคาอาหารและพลังงาน (Japan Core CPI) ตลาดคาดการณ์ที่ +2.00% YoY เร่งตัวขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ +1.90% YoY ต่อด้วยผลการประชุมดอกเบี้ยนโยบายของ BoJ เทียบกับครั้งก่อนหน้าที่ระดับ 0.25
อ่านเนื้อหาต้นฉบับได้ที่ : https://www.pptvhd36.com/wealth/stock-investment/233021
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมที่เว็บไซต์ https://www.pptvhd36.com
และช่องทาง Social Media
โฆษณา