20 ก.ย. เวลา 08:04 • การตลาด

เคยไหมครับ?

เลื่อน Facebook หรือ IG อยู่ดีๆ
แล้วจู่ๆ ก็เจอโพสต์ขายของ
แบบว่า “ลดราคาวันนี้เท่านั้น” หรือ “ไม่ซื้อถือว่าพลาด!”
อารมณ์แบบ... โอ้โห้! รู้สึกเหมือนโดนยัดเยียดให้ซื้อเต็มๆ
แทบอยากจะเลื่อนหนีในทันที! 🏃‍♂️💨
แต่ทำไมบางโพสต์ เรากลับรู้สึกว่า
เนียนจังเลย… ไม่รู้สึกว่ากำลังขายของ
อ่านแล้วก็อิน เผลอกดสั่งซื้อซะงั้น!
นี่แหละครับที่เขาเรียกว่า “ป้ายยา” 😆
ทำให้นึกถึงเพื่อนผมคนนึง
เปิดร้านคาเฟ่เล็กๆ บรรยากาศชิลๆ
วันแรกที่เปิดร้าน เขาก็โพสต์ภาพเครื่องดื่ม
พร้อมแคปชั่นแบบอัดโปรฯ แน่นๆ
“ซื้อ 1 แถม 1! เฉพาะวันนี้เท่านั้น”
ผลก็คือ ลูกค้าแห่กันมาเต็มร้าน
แต่พอผ่านไปแค่สองสามวัน
คนเริ่มน้อยลง เพราะอะไร? 🤔
เพื่อนผมเลยลองเปลี่ยนวิธี
จากโพสต์เน้นขายของ
กลายเป็นโพสต์เล่าเรื่องราว
เขาเล่าถึงที่มาของเมล็ดกาแฟ
ที่คัดเลือกมาอย่างดีจากไร่ในภาคเหนือ
การคั่วที่ทำให้ได้รสชาติที่หอมกรุ่น
บาริสต้าที่ใส่ใจในทุกแก้วกาแฟ ☕️
แถมยังโพสต์ภาพบรรยากาศในร้าน
ตอนเช้าๆ มีลูกค้าประจำมานั่งจิบกาแฟ
อ่านหนังสือ ฟังเพลงเพราะๆ
แคปชั่นก็เปลี่ยนไป
จาก “ซื้อ 1 แถม 1” เป็น “เช้านี้คุณจิบกาแฟอุ่นๆ แล้วหรือยัง?” 🥰
คนอ่านแล้วรู้สึกเหมือนอยู่ในร้านจริงๆ
อุ่นใจ เหมือนมีเพื่อนชวนคุย
รู้สึกว่า… ร้านนี้น่านั่งจัง
เช้ามาเลยแวะไปเยี่ยมเยียนซะหน่อย
นี่แหละครับ “ป้ายยา” แบบเนียนๆ
ไม่ Hard Sell แต่ขายได้แบบไม่รู้ตัว!
แล้วเราจะเขียนโพสต์ยังไง
ให้ดูเหมือนป้ายยา แต่ไม่ Hard Sell?
มาดูกันครับ!
1. เล่าเรื่องราว (Storytelling):
แทนที่จะบอกว่า “สินค้าของเราดี”
ลองเล่าเรื่องราวที่เกี่ยวกับสินค้า
เช่น ที่มาของการผลิต ลูกค้าที่ประทับใจ
หรือเหตุการณ์ที่น่าสนใจเกี่ยวกับสินค้า
คนจะรู้สึกเชื่อมโยงมากขึ้นครับ
2. เน้นประโยชน์มากกว่าคุณสมบัติ:
แทนที่จะบอกว่า “กันน้ำ กันแดด”
ลองเปลี่ยนเป็น “ปกป้องผิวได้ตลอดวัน
ไม่ว่าฝนตกแดดออกก็มั่นใจได้”
คนจะเห็นภาพมากขึ้น และรู้สึกว่าสินค้า
มีประโยชน์ต่อเขาจริงๆ 🌞🌧
3. ใช้คำถามกระตุ้นความสนใจ:
เช่น “เคยไหม? ที่ต้องเจอปัญหานี้…?”
“คุณมีปัญหานี้อยู่หรือเปล่า?”
คำถามแบบนี้จะดึงให้คนหยุดอ่าน
และรู้สึกว่าโพสต์นี้เกี่ยวข้องกับตัวเขา
เหมือนเพื่อนที่รู้ใจ คอยช่วยแก้ปัญหาให้
4. แทรกความรู้และเคล็ดลับ:
ลองให้ความรู้ที่เกี่ยวข้องกับสินค้า
เช่น หากขายสกินแคร์ ลองให้ความรู้
เรื่องการดูแลผิวในแต่ละสภาพผิว
แล้วค่อยแนะนำสินค้าไปในตัว
คนจะรู้สึกว่าได้ประโยชน์มากกว่าการถูกขายของ
5. ใช้ภาพบรรยากาศและประสบการณ์จริง:
ภาพคนใช้สินค้าในชีวิตประจำวัน
หรือภาพบรรยากาศการใช้สินค้า
จะทำให้คนรู้สึกว่าสินค้าดูเข้าถึงง่าย
และน่าใช้มากขึ้นครับ
การขายของไม่จำเป็นต้องใช้แคปชั่น
ที่กดดันหรือยัดเยียดลูกค้า
ลองเปลี่ยนมาใช้การเล่าเรื่อง
ให้ลูกค้ารู้สึกเชื่อมโยงกับสินค้า
ป้ายยาแบบเนียนๆ ไม่ต้อง Hard Sell
แต่ยอดขายมาเองครับ! 😄💸
----
ถ้าชอบคอนเทนต์แบบนี้ อย่าลืมกดไลค์ กดติดตาม
และถ้าคิดว่าเป็นประโยชน์ ก็แชร์ต่อให้เพื่อนๆ ได้เลยนะครับ! 😊
แล้วพบกันใหม่ กับคอนเทนต์ดีๆ มีสาระแบบนี้
ในโพสต์หน้าครับ! 👋
#ContentKitchen #เสกคอนเทนต์ปั้นธุรกิจ #เสกคอนเทนต์ปั้นยอดขาย #เสกคอนเทนต์ปั้นแบรนด์
โฆษณา