Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
ลงทุนแมน
ยืนยันแล้ว
•
ติดตาม
21 ก.ย. เวลา 04:00 • ธุรกิจ
4 กลยุทธ์ ช่วยเพิ่มยอดขาย La Glace จาก 40 ล้าน สู่ 400 ล้าน ที่เจ้าของอายุไม่ถึง 30
ในปีที่ผ่านมา ยอดขายของ La Glace แบรนด์เครื่องสำอางไทยที่โด่งดังบน TikTok
เพิ่มขึ้นจาก 40 ล้านบาท เป็น 400 ล้านบาท
เติบโต 900% ในเวลาเพียง 1 ปี
ด้วยจำนวนทีมงานตอนนั้นแค่ 20 คน
กลยุทธ์และเรื่องราวของ La Glace เป็นอย่างไร ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
La Glace ก่อตั้งขึ้นในปี 2017
โดยคุณเอมลินทร์ ธีรธนากิตติพงษ์ หรือคุณไอติม
และคุณทิวาทัพพ์ ธรารักษ์อนันต์ หรือคุณเฟรนฟราย
ทั้งคู่คือนักศึกษาวัย 20 ปี ที่อยากหารายได้เพิ่ม บวกกับมีคนชอบถามคุณไอติมว่า ใช้สินค้าตัวไหน ทำไมหน้าใสจัง เลยจุดประกายให้สนใจธุรกิจเกี่ยวกับเครื่องสำอาง
คุณไอติม เริ่มต้นจากการเป็นตัวแทนให้กับแบรนด์เครื่องสำอางออนไลน์แบรนด์หนึ่งก่อน พอฐานลูกค้าใหญ่ขึ้น ก็ตัดสินใจทำแบรนด์ของตัวเองขึ้นมา
จึงเกิดเป็น La Glace (ลากลาส) ที่แปลได้ทั้งไอติมและกระจก ซึ่งเข้ากับทั้งชื่อของคุณไอติม
และสินค้าก็คือ เบสเมกอัปผสมกันแดด ที่บางเบา ทาแล้วผิวใสเหมือนกระจก ที่ขายดีมาก ๆ
ช่วงเดียวกันนั้น คุณไอติม ก็เริ่มทำวิดีโอบน YouTube เนื้อหาเกี่ยวกับการแต่งหน้าและการใช้ชีวิตในมหาวิทยาลัย ซึ่งได้รับผลตอบแทนดีเช่นกัน
เรียกได้ว่า สินค้าก็ขายดี ส่วนคอนเทนต์บน YouTube ก็รุ่ง
แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น..
ในช่วงปีที่ 3 ของการทำธุรกิจ เกิดดรามาแบรนด์ La Glace หนักมากในโซเชียลมีเดีย
หลายคนวิจารณ์เรื่องประสิทธิภาพในการกันแดด เพราะตอนแรกชื่อสินค้าคือ กันแดดลากลาส แต่จริง ๆ แล้วเป็นเหมือนเบสเมกอัปมากกว่าครีมกันแดด
3
จากนั้นดรามาก็ขยายเป็นวงกว้าง จากเรื่องคุณภาพ มาสู่เรื่องราคาที่คนวิจารณ์ว่า กลุ่มลูกค้าเป็นนักศึกษา ทำไมขายแพงตั้งหลอดละ 600 บาท
นั่นทำให้คุณไอติมรู้สึกเครียดมากจนเกือบจะคิดสั้น แต่ก็ได้คุณเฟรนฟรายช่วยเรียกสติว่า ไม่ใช่ทุกคนที่อายุแค่ 23 ปี แล้วจะเผชิญเรื่องใหญ่ขนาดนี้ได้ และบอกว่าคุณไอติมจะทำได้
คุณไอติมก็เลยตัดสินใจกลับมาฮึดสู้อีกครั้งหนึ่ง ในปีที่ 4 ของธุรกิจ โดยห่างหายจากโซเชียลมีเดียไปช่วงหนึ่ง แล้วไปเน้นพัฒนาแบรนด์ให้ดียิ่งขึ้น
แต่ระหว่างทางก็มีอุปสรรคเกิดขึ้น ก็คือ การโดนคนรู้จักโกงเรื่องแพ็กเกจจิง รวมถึงแพ็กเกจจิงที่ไม่เข้ากับสินค้าที่เป็นลิปสติก
แต่สุดท้าย La Glace ก็กลับมาอีกครั้ง และมีสินค้าที่มีกระแสบนโลกออนไลน์แทบทุกครั้งที่ออกใหม่
และนี่คือ ผลประกอบการของ บริษัท ไอดีล แอนด์ มาเวลลัส เท็น จำกัด เจ้าของแบรนด์ La Glace ในช่วงที่ผ่านมา
ปี 2019 รายได้ 6.4 ล้านบาท กำไร 0.5 ล้านบาท
ปี 2020 รายได้ 16.9 ล้านบาท กำไร 3.2 ล้านบาท
ปี 2021 รายได้ 13.2 ล้านบาท กำไร 1.1 ล้านบาท
ปี 2022 รายได้ 40.0 ล้านบาท กำไร 1.6 ล้านบาท
ปี 2023 รายได้ 401.3 ล้านบาท กำไร 108.1 ล้านบาท
จะเห็นว่าผลประกอบการเติบโตอย่างโดดเด่นในปี 2023
- รายได้ เติบโต 904%
- กำไร เติบโต 6,456%
คุณไอติมบอกว่า สิ่งนี้เกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัยที่ต่อเนื่องกัน
ซึ่งทั้งหมดเกิดมาจากการทุ่มเทพัฒนาอย่างเต็มที่ หลังจากโดนดรามาหนักก่อนหน้านี้ รวมถึงเข้าไปคุยกับผู้ใหญ่ที่มีประสบการณ์ ในสิ่งที่ตัวเองขาดประสบการณ์
โดยสามารถสรุปออกมาได้ 4 ข้อหลัก ดังนี้
1. การพัฒนาคุณภาพสินค้า
พอแบรนด์โดนดรามาหนัก ต่อให้ออกสินค้าใหม่ที่คุณภาพดีแค่ไหน ก็ต้องยอมรับว่าไม่ค่อยมีใครอยากใช้สินค้าแล้ว แต่ทั้งคู่ก็ไม่ท้อและพัฒนาสินค้าใหม่มาเรื่อย ๆ
โดยเน้นทั้งเรื่องคุณภาพ ราคา ไปจนถึงแพ็กเกจจิง
เพื่อไม่ให้ซ้ำรอยเดิมอีก และเรียกความเชื่อมั่นจากผู้คนกลับมา
และหนึ่งในสินค้าขายดีปีที่ผ่านมาของ La Glace ก็คือ LA GLACE Black Magic Lip And Cheek pH Blush Your Shade หรือบลัชดำ ที่จะเปลี่ยนเป็นสีชมพูโทนต่าง ๆ ตามค่า pH ของผิว
ถือเป็นแบรนด์แรก ๆ ในไทยที่ออกสินค้านี้มา และค่อนข้างแปลกใหม่
โดยทีแรกแบรนด์ตั้งใจให้เป็นแบบ Limited Edition ผลิตแค่ 12,000 ตลับ วางแผนขาย 1 ปี
กลายเป็นว่า 2,000 ตลับ ขายหมดตั้งแต่วันแรก กระแสตอบรับดีสุด ๆ โดยยอดขายล่าสุดตอนนี้เกือบ 1,000,000 ตลับ
2. การวางระบบโครงสร้างองค์กร
คุณไอติมและคุณเฟรนฟราย หาทีมงานมาช่วยเติมเต็มในสิ่งที่ทั้งคู่ขาด โดยทีมงาน La Glace ต้องทำงานได้อย่างสบายใจ และคุณภาพชีวิตต้องดีขึ้นด้วย
เรื่องค่าตอบแทนก็ให้เต็มที่ อย่างปีที่ผ่านมา ก็แจกโบนัสให้พนักงานสูงสุด 12 เดือน เพราะเชื่อว่า ถ้าพนักงานรักในงานที่ทำ สินค้าก็จะดีตาม
อย่างในปี 2023 ก็มีพนักงานกันแค่ประมาณ 20 คน เท่านั้น และตอนนี้ก็ได้ขยายทีมงานอยู่ที่ 35 คน
3. จังหวะเวลาของ TikTok ที่มาแล้ว ต้องรีบคว้าไว้
ตอนแรกคุณไอติมตั้งเป้าหมายยอดขายปี 2023 ไว้ที่ 200 ล้านบาท กลายเป็นว่าทะลุเป้าตั้งแต่กลางปี
ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นเพราะ TikTok ที่บูมมาก ๆ และก็เชื่อว่าในปีต่อ ๆ ไป มันคงไม่บูมเท่านี้ คือมันต้องตอนนี้ และเดี๋ยวนี้เท่านั้น เลยชวนพนักงานมาร่วมลุยด้วยกัน ทำทั้งคอนเทนต์ ออกสินค้าใหม่เรื่อย ๆ
หรือก็คือ ถ้าโอกาสมาแล้ว จังหวะใช่ อย่าลังเล ให้คว้ามันไว้ให้เร็วที่สุด
1
4. Branding คืออีกหัวใจสำคัญ
คุณไอติมให้ความสำคัญกับ Branding มาก การใช้ตัวตนสื่อสารกับลูกค้า ทำให้รู้สึกว่าแบรนด์จับต้องได้
ไปจนถึงภาพลักษณ์ของทีมงาน ที่ลูกค้ามองเข้ามา ทำให้เห็นว่าทั้งทีมงานและเจ้าของแบรนด์ใช้สินค้าจริง
คอนเทนต์ La Glace จะทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าอยากลุกขึ้นมาแต่งหน้า ดูแลตัวเอง โดยคุณไอติมเชื่อว่า Branding ที่ดี จะทำให้ค่าใช้จ่ายด้าน Marketing ลดลง
ที่สำคัญอีกเรื่องก็คือ La Glace เน้นที่ช่องทาง IG และ TikTok เป็นหลัก เพราะเชื่อว่า ไม่จำเป็นต้องไปทุกแพลตฟอร์ม แต่ต้องเลือกช่องทางที่ลูกค้าอยู่ และทุ่มเททำช่องทางนั้น ๆ ให้ดีที่สุด
จะเห็นว่า ทั้ง 4 ข้อที่พูดมา สำคัญทั้งหมด ต่อให้สินค้าจะคุณภาพดีขนาดไหน แต่ถ้าจังหวะเวลาไม่ถูกต้อง TikTok ยังไม่มา เจ้าของและทีมงานไม่อินไปกับแบรนด์
La Glace อาจจะไม่ได้เติบโตเร็วเท่านี้
และหลังจากผ่านมาหลายเหตุการณ์ทั้งการโดนโกง ไปจนถึงดรามาที่หนักหน่วง มาถึงวันนี้ La Glace ก็ได้กลายมาเป็นหนึ่งในแบรนด์เครื่องสำอางไทย ที่เติบโตเร็วที่สุดในยุคนี้ และสร้างยอดขายได้กว่า 400 ล้านบาท ด้วยมือของผู้ประกอบการไทย วัย 27 ปี..
1
References
- คลิปสัมภาษณ์จากช่อง Brinkkty
- งาน Thailand e-Commerce Expo ของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า
ธุรกิจ
8 บันทึก
29
24
8
29
24
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย