22 ก.ย. เวลา 06:42
มนุษย์เกิดมาบนความไม่รู้ จึงมีแต่ความกลัวฝังอยู่ในจิตใต้สำนึกทุกคน ไม่มีใครสักคนบนโลกที่ไม่ถูกฝังความกลัวนี้ เริ่มแรกมนุษย์จึงกลัวสิ่งที่ร่างกายไม่อาจรับรู้ได้ ซึ่งมันก็คือท้องฟ้าและอวกาศ สำหรับพื้นดิน เป็นเพราะมนุษย์ได้สัมผัสมัน รู้ว่าแหล่งอาหารเกิดจากดิน แล้วก็เรียนรู้ว่า ท้องฟ้าและอวกาศสร้างเมฆฝน เพื่อให้มนุษย์ได้ใช้เพื่อการหล่อเลี้ยงชีวิต ดังนั้นมนุษย์จึงให้ความสำคัญกับท้องฟ้าและอวกาศ
มนุษย์ทำได้เพียงยื้อแย่งทรัพยากร ที่อยู่ในน้ำ และที่อยู่บนพื้นดิน มันคือแหล่งอาหารสำหรับมนุษย์ เร่ร่อนไปเรื่อยๆ เพื่อหาแหล่งที่อุดมสมบูรณ์ที่สุด ต่อมามนุษย์หยุดเร่ร่อน เริ่มมีอารยรรม เห็นวัดถุแวววาวอย่างทองคำ ที่หาได้ง่ายดาย จึงนำมาทำเป็นเครื่องประดับ จากนั้นก็เกิดการแลกเปลี่ยนทรัพยากรกันไปมา จนนำมาสู่การสร้างเหรียญทองคำในสมัยอิยิปต์ และพัฒนาการมาจนเกิดระบบมูลค่าหรือเงินตรา ทั้งที่โลกบอกว่า "จงสร้างและเลือกเอาจากผืนดิน และเบ่งปันซึ่งกันและกัน"
โลกพยายามบอกพวกมนุษย์หน้าโง่มาตลอดว่า มนุษย์ทุกคนจะต้องเกิดมาบนความไม่รู้ไปจนวันตาย ไม่ว่าจะกี่ศตวรรษ หรือทศวรรษ มนุษย์ก็ไม่มีทางจะรู้ มนุษย์จะสร้างพัฒนาการและวิวัฒนาการสิ่งต่างๆ ทักทอมันเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ เวียนว่ายด้วยกิเลสตัณหาอย่างไม่หยุดยั้ง
ยิ่งหากมนุษย์ หลงระเริง
ขึ้นไปเหยียบดวงจันทร์ได้
มนุษย์จะยิ่งเหิมเกริมหนักขึ้นไปอีก
โลกอาจจะอยากให้มนุษย์กลับสู่ผืนดิน
จึงกระทำเหตุให้เกิดแผ่นดินไหว และน้ำท่วม
อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
ขออภัยหากคำตอบไม่ตรงไปตรงมากับคำถาม
โฆษณา