ภูเขาเท็นโจ จากตำนานพื้นบ้าน กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวระดับโลก
ภูเขาไฟฟูจิ เป็นภูเขาที่สูงที่สุดในญี่ปุ่น
สูงประมาณ 3,776 เมตร กินบริเวณพื้นที่ของจังหวัดชิซุโอกะ และจังหวัดยะมะนะชิ ซึ่งอยู่ทางตะวันตกของโตเกียว มีทะเลสาบทั้งห้าล้อมรอบอยู่ ทะเลสาบทั้งห้านี่
จึงเป็นจุดชมวิวที่สำคัญของภูเขาไฟฟูจิ
และจุดชมวิวที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากเลย
ก็คือทะเลสาบคาวากูจิโกะ
ทะเลสาบคาวากูจิโกะอยู่บริเวณเชิงเขาภูเขาไฟฟูจิ
ด้วยเพราะเป็นที่ที่มีธรรมชาติที่สวยงามของทะเลสาบ
และสามารถมองเห็นวิวภูเขาไฟฟูจิได้อย่างชัดเจน
ทำให้ที่ทะเลสาบแห่งนี้ล้อมรอบไปด้วยโรงแรม
ร้านอาหารและสถานที่พักผ่อนต่างๆ ด้วยการที่ทะเลสาบแห่งนี้ อยู่ไม่ไกลจากโตเกียวมากนัก จึงได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวมาเที่ยวจำนวนมาก
ที่ข้างๆ ทะเลสาบคาวากูจิโกะจะมีภูเขาเท็นโจ
ที่หากเราขึ้นไปบนยอดเขาจะสามารถมองเห็นได้ทั้งวิวทะเลสาบคาวากูจิโกะและภูเขาไฟฟูจิด้วย
และเมื่อครั้งที่ผมได้ไปเที่ยวที่คาวากูจิโกะ
ผมจึงถือโอกาสลองขึ้นภูเขาเท็นโจ
เพื่อเห็นวิวทะเลสาบและภูเขาไฟฟูจิที่ต่างไปจากเดิม
ผมเดินทางจากเกียวโตไปคาวากูจิโกะ
โดยทางรถบัส Kintetsu Osaka ขึ้นที่หน้าสถานีรถไฟเกียวโต ในตอนเที่ยงคืนนั่งค้างคืนยาวนาน 8 ชั่วโมง
รถบัสมาจอดที่หน้าสถานีคาวากูจิโกะในช่วงสายๆ
แสงอาทิตย์สาดส่องผ่านม่านหน้าต่างรถบัสเข้ามา
เมื่อผมมองสวนออกไปก็เห็นภูเขาไฟฟูจิได้มาแต่ไกลเลย
จากสถานีคาวากูจิโกะเราสามารถเดินเท้าไปขึ้นภูเขาเท็นโจ หรือสามารถต่อรถบัสไปที่เชิงเขาเท็นโจได้ และจากเชิงภูเขาเท็นโจจะมีกระเช้าคาจิคาจิระยะทาง 400 เมตรให้เรานั่งขึ้นไปบนยอดเขาหรือจะเลือกไปทางเดินปีนเขาขึ้นไปก็ได้ ซึ่งแน่นอนว่าเช้าๆ แบบนี้
ผมเลือกทางนั่งกระเช้า 555
กระเช้าคาจิคาจิจะมีรูปปั้นตัวทานูกิติดอยู่บนหลังคากระเช้า บางกระเช้าจะเป็นตัวกระต่าย ทั้งนี้เจ้าตัวทานูกิกับกระต่ายเป็นสัญลักษณ์ของภูเขาเท็นโจ ซึ่งมาจากนิทานพื้นบ้านโบราณของญี่ปุ่น ที่ชื่อเรื่องว่า ภูเขาคาจิคาจิ เนื้อเรื่องกล่าวถึงตายายที่จับเจ้าทานูกิที่เข้ามากินพืชผักเสียหายอยู่เป็นประจำ เจ้าทานูกิได้บอกว่าสำนึกผิดแล้วจะไม่ทำอีกให้ปล่อยตัวเขาไป
ด้วยความใจอ่อนคุณยายจึงปล่อยตัวทานูกิให้เป็นอิสระ
แต่เจ้าทานูกิหาได้รู้สำนึกไม่ แถมยังไปเอาตำข้าวตีหัวคุณยายตาย แล้วเอาคุณยายมาทำเป็นซุปให้คุณตากิน
เมื่อคุณตารู้ความจริงเข้าก็เศร้าเสียใจเป็นอย่างยิ่ง
เรื่องราวไปเข้าถึงหูกระต่ายเข้า
จึงอาสาบอกคุณตาว่าจะลงโทษเจ้าทานูกิแก้แค้นให้กับคุณยายเอง กระต่ายได้ออกอุบายจากทานูกิด้วยเมล็ดถั่ว
โดยให้ทานูกิมาช่วยแบกไม้ข้ามเขาให้หน่อย
พอทานูกิกำลังแบกไม้ข้ามเขาอยู่นั้น กระต่ายก็เอาหินจุดไฟมากระทบกันเป็นเสียง คาจิคาจิ
(เป็นเสียงจุดไฟในภาษาญี่ปุ่น จึงกลายมาเป็นชื่อกระเช้าขึ้นเขาแห่งนี้) กระต่ายจุดไฟที่ไม้บนหลังทานูกิจนไหม้เกียม
กระต่ายหาวิธีแกล้งทานูกิอีกสารพัด
ทั้งเอาเกลือมาช่วยทาหลังหลอกว่าจะแก้แผลไฟไหม้กลายเป็นยิ่งปวดแสบปวดร้อน
ทั้งหลอกให้ทานูกิต่อเรือด้วยดินเหนียวจนสุดท้ายเรือก็รั่วจมลงไป สุดท้ายเจ้าทานูกิก็จมน้ำตายไปต่อหน้าต่อตากระต่าย
ภูเขาเท็นโจแห่งนี้ก็คือสถานที่ที่ถูกกล่าวถึงในนิทานพื้นบ้านนั้นเอง จากนิทานพื้นบ้านที่ออกแนวดาร์กไซด์ได้นำมาเป็นตัวสัญลักษณ์ ของกระเช้าคาจิคาจิบนภูเขาเท็นจิ ซึ่งหน้าตาของพวกมัน ดูน่ารักน่าชังขัดแย้งกับเรื่องราวตำนานของมันเป็นอย่างยิ่ง
ที่ทางขึ้นกระเช้าจะมีรูปปั้นเจ้าทานูกิอยู่บนเรือที่กำลังจะจม กับเจ้ากระต่ายที่อยู่บนเรืออีกลำที่เอาแต่มองไม่ยอมช่วย ที่นำมาจากตอนท้ายเรื่องของนิทานพื้นบ้านมาคอยต้อนรับเราตั้งแต่ทางเข้าเลย
ตลอดเวลาที่ผมอยู่ในกระเช้า ผมสามารถมองเห็นวิวได้รอบตัว ทั้งภูเขาไฟฟูจิ ทั้งทะเลสาบคาวากูจิโกะ และวิวภูเขาธรรมชาติอันสวยงาม ใช้เวลา 3 นาที กระเช้าก็พาผมมาถึงยอดเขา และจากจุดที่กระเช้าส่ง
ต้องเดินขึ้นบันไดไปอีกเพื่อไปให้ถึงจุดชมวิว
เมื่อผมเดินขึ้นมาถึงจุดชมวิว ผมเห็นวิวภูเขาไฟฟูจิอันมหึมาใหญ่ยักษ์อยู่ตรงหน้า
ชัดแจ๋ว พร้อมท้องฟ้าที่เป็นสีฟ้าสดใสไม่มีก้อนเมฆมาบดบัง ที่ด้านล่างเป็นบ้านเรือนจำนวนมากที่เมื่อเทียบขนาดกับภูเขาไฟฟูจิแล้ว ก็เล็กจิ๋วมาก เหมือนยักษ์กับมด
ที่ด้านข้างมีกิ่งก้านใบไม้เปลี่ยนเป็นสีแดงยื่นออกมา
สร้างบรรยากาศอันสวยงามเป็นอย่างมาก
ภูเขาเท็นโจสูง 1,075 เมตร เมื่อเทียบความสูงของภูเขาไฟฟูจิที่สูง 3,776 เมตร
ก็ยังเล็กกว่ามาก แต่จากบนยอดเขาเท็นโจเราสามารถเห็นวิวภูเขาไฟฟูจิ
ได้ชัดเจน เมื่อผมเดินไปที่ด้านข้างจะเห็นแอ่งทะเลสาบคาวากูจิโกะที่โอบล้อม
ด้วยทิวทัศน์ธรรมชาติอันสวยงาม
บนยอดเขาเท็นโจนอกจากเราจะสามารถชมวิวธรรมชาติต่างๆ อันสวยงามแล้ว
ยังมีร้านค้า ร้านขายของที่ระลึก ร้านขนม รวมไปถึงโรงน้ำชาทานูกิ
ที่ช่วยสร้างบรรยากาศเมื่อเราทราบเรื่องราวนิทานพื้นบ้านด้วย
ที่รอบๆ มีรูปปั้นเจ้าทานูกิกับกระต่ายในท่าต่างๆ ตามเนื้อเรื่อง ทั้งตอนที่เจ้าทานูกิกำลังแบกไม้ข้ามเขา
แล้วมีเจ้ากระต่ายกำลังเอาหินมากระทบจุดไฟอยู่ข้างหลัง หรือตอนที่เจ้ากระต่ายขึ้นไปนั่งทับหลังเจ้าทานูกิแล้วเอาเกลือทาหลังจน ทานูกิปวดแสบปวดร้อน ทำออกมาได้น่ารักมาก
ซึ่งขัดแย้งกับเรื่องราวจริงๆ ของนิทานพื้นบ้านอย่างสิ้นเชิง ผมชื่นชมในแนวคิดของคนที่นี้ที่นำนิทานพื้นบ้านโบราณ ที่เป็นเรื่องเล่านำมาผสมผสานเข้ากับธรรมชาติที่เป็นเรื่องจริง อันสวยงามได้อย่างลงตัว เหมือนเจ้าทานูกิกับเจ้ากระต่ายมีชีวิตอยู่ ในภูเขาแห่งนี้จริงๆ
บางครั้งเรื่องเล่าพอเล่ากันมามากๆ จนคนเชื่อ มันก็กลายเป็นเรื่องจริง
บางครั้งเรื่องจริงพอมันสวยงามมากๆ ก็ทำให้ไม่อยากเชื่อว่ามันจะเป็นเรื่องจริง
แต่บางครั้งเรื่องเล่าและเรื่องจริงมารวมกันก็ช่วยสร้างสรรค์เรื่องจริง ให้มีจินตนาการขยายออกไปจนกลายเป็นตำนานที่สืบทอดต่อๆ กันมา
ไม่สำคัญว่าจะเป็นเรื่องจริงหรือเรื่องเล่า
แต่หากมีคนเล่าสืบต่อกันมามันก็ทำให้นิทานที่แต่งขึ้นมานี้ โลดแล่นมีชีวิตได้บนที่แห่งนี้ต่อไป...
- 15
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
