27 ก.ย. เวลา 03:37 • ปรัชญา

ทำไมเทวดายังมีชนชั้น

ได้อ่านพบว่าสวรรค์ขั้นปรนิมมิตวสวัตดี คือสวรรค์ชั้นที่ ๕ มีทั้งเทวดา แล้วก็มีมารอยู่ด้วย สงสัยว่าทำไมสวรรค์ชั้นนี้จึงมีทั้งเทวดา มีทั้งมาร ?
คำว่ามาร อย่าไปตีความว่าเป็นยักษ์ หรือเป็นอะไร ให้ตีความอย่างนี้ แล้วจะเข้าใจง่ายขึ้น เทวดาก็คือบุคคลที่มีหิริโอตดัปปะ
ถ้ามีน้อยก็เป็นเทวดาชั้นต่ำ ถ้ามีมากก็เป็นเทวดาชั้นสูง เทวดายังมีชั้นนะ เพราะฉะนั้นไม่ต้องไปโกรธหรอกว่า มนุษย์มีการแบ่งชนชั้นวรรณะ ถ้าจะไม่ให้มนุษย์มีชั้น ต้องไปแก้ที่เทวดาก่อน ถ้าแก้เทวดาไม่ตก มนุษย์ก็ยังมีชั้น ทำไมเทวดามีชั้นล่ะ ก็เทวดายังมีความละอายบาป ความกลัวบาปไม่เท่ากัน
เหมือนเจ้าหน้าที่บางคน ใครเอาเงินร้อยไปติดสินบน ปฏิเสธเสียงแข็งว่าไม่เอา หัวเด็ดตีนขาดไม่เอา ถ้าอย่างนั้นเงินพันเถอะนะ เออ...ก็ดีเหมือนกัน หิริโอตตัปปะมันหายไปเสีย
บางคนเงินพันไม่เอา แล้วเงินหมื่นล่ะ ไม่เอา แสนล่ะ เออ... ก็เข้าท่าเหมือนกัน นี่หิริโอตตัปปะ มันเหนียวแน่นไม่เท่ากัน บางคนเงินแสนไม่เอาเงินล้านก็ไม่เอา แต่พอบอกว่า ถ้าอย่างนั้นเอาลูกปืนไหม? ทันทีเลยลูกปืนไม่เอา เอาเงินดีกว่า
หิริโอตดัปปะก็มีมากขึ้นมาอีกระดับ แต่ว่าก็ยังไม่ถึงที่สุดถึงกระนั้น ก็มีอีกพวกหนึ่งแสนไม่เอา ล้านไม่เอา เอาบินมาจ่อหัวก็ไม่เอา ไม่ยอมโกงใคร ตายเป็นตาย รักษาศีลยิ่งกว่าชีวิต เพราะฉะนั้นคนนี้หิริโอตตัปปะเยี่ยมเลย ตายไปจะเป็นเทวดาชั้นสูงทีเดียว นี่เทวดาก็ยังแบ่งเป็นชั้น ๆ ตามอำนาจของหิริโอตตัปปะ คือความละอายบาปกลัวบาปที่ผู้นั้นมีอยู่ในตัว
มนุษย์ก็เช่นกัน กำลังใจของแต่ละคนไม่เท่ากัน เพราะฉะนั้นตราบใดที่ยังเป็นมนุษย์ มันก็มีชั้นอยู่อย่างนี้แหละ ที่บอกว่าคอมมิวนิสต์ปราบระบบชนชั้นได้หมดน่ะ ไม่มีทางหรอก ก็ไปดูนายกรัฐมนตรีของคอมมิวนิสต์เองเป็นไร นั่นก็กรรมกรเก่า แล้วเขายอมกินข้าวอย่างกรรมกรไหม เขาก็ไม่กิน เพราะคอมมิวนิสต์เองก็มีชั้น กำลังใจของคนไม่เท่ากัน ความสามารถของคนก็ไม่เท่ากัน แล้วจะให้คนมันเท่ากันทั้งโลกนั้นทำยาก
ของยาก ๆ อย่างนี้ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเราเคยทำมาแล้ว คือไม่ว่าจะเป็นกรรมกร จะเป็นเศรษฐี จะเป็นเจ้าพระยามหากษัตริย์ หรือจะเป็นใครก็ตาม พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงพยายามฝึกคนเหล่นี้ ตั้งแต่ฝึกให้มีศีล มีสมาธิ มีปัญญา คือฝึกมรรคมีองค์ ๘ ให้เหมือน ๆ กัน แล้วในที่สุดจะมีธรรมกายเหมือนกัน คนเราถ้าปฏิบัติธรรมถึงจุดนั้นจึงจะเสมอกัน ถ้าไม่เช่นนั้นไม่มีทางเสมอกันหรอก
ทีนี้ในจำนวนเทวดาทั้งหลาย เนื่องจากยังไม่หมดกิเลส เทวดาพวกหนึ่งยังมีความเห็นผิดอยู่ คือมีมิจฉาทิฏฐิ เราก็เลยเรียกว่าเป็นฝ่ายมาร ส่วนเทวดาที่มีความเห็นถูก เราก็เรียกว่าเป็นฝ่ายพระ เทวดายังไม่หมดกิเลส บางทียังคิดชั่ว ๆ คิดชั่วเมื่อไร เป็นมารอยู่บนสวรรค์นั่นแหละ
คราวนี้ มารคืออะไร ถ้าโดยคำแปล มารแปลว่า ผู้ล้างผลาญความดี แบ่งเป็น ๕ ฝูง มารฝูงที่ ๑ กิเลสมาร คือนิสัยไม่ดีในตัวของเรา เช่น เป็นคนขี้โกรธ โลภมาก เป็นคนอยากดัง นิสัยไม่ดีเหล่านี้ จะล้างผลาญตัวเองไม่ให้เจริญ
มารฝูงที่ ๒ ขันธมาร คือร่างกายของเรา มันเป็นมารขัดขวางตัวเอง ไม่ให้ทำความดีได้สะดวก เช่น เกิดมาก็ตาสั้น ต้องใส่แว่นร่างกายพิกลพิการแต่กำเนิด ขาเป๋ แขนโก่ง ตาบอด สารพัดจะเป็น นี่ขันธมารมันเล่นงานเรา
มารฝูงที่ ๓ อภิสังขารมาร ได้แก่ความชั่วในอดีตที่เราทำเอาไว้แล้ว มันตามมาเล่นงานเราในภายหลัง เช่น เมื่อหนุ่ม ๆ เจ้าชู้ ไปถึงไหนมีเมียที่นั่น ลูกเขาเมียใครก็จีบดะเรื่อยไป เพราะฉะนั้นแม้ไม่เจ้าชู้แล้ว ก็ไม่มีใครไว้ใจเลย จะขึ้นบ้านใครชวนเขาไปวัด เพื่อนมันไม่ยอมให้ลูก ให้เมียมันมาเข้าใกล้เราหรอก อภิสังขารมารเล่นงานเอาหรือเมื่อตอนหนุ่ม ๆ สาว ๆ เคยโกงใครเอาไว้ ตอนหลังน่ะเลิกโกงแล้วไม่เอาอีกแล้ว ถือศีลมาตั้ง ๒๐ ปี พวกยังไม่เชื่อเลย
มารฝูงที่ ๔ เทวบุตรมาร มีตั้งแต่ตัวหยาบ จนกระทั่งตัวละเอียด ตัวหยาบเป็นอย่างไร ยกตัวอย่าง จะสวดมนต์สักหน่อย หมามากัดกันเกรียวอยู่ข้างห้อง นั่น ๆ เจ้าหมาพวกนั้นเป็นเทวบุตรมาร นั่งสมาธิอยู่ดี ๆ ยุงกัดเสียอีกแล้ว ยุงนี้ก็เทวบุตรมาร แม้ที่สุดเทวดาที่เป็นมิจฉาทิฏฐิมาเข้าฝัน ให้ไปเล่นการพนัน ให้เลิกไปวัด นั่นก็เทวบุตรมารนะ
มารฝูงที่ ๕ มัจจุมาร คือความตาย หนีกันไม่พ้น จะไปทอดกฐินสร้างโบสถ์สักหลัง พญามัจราชมาเอาชีวิตไปเสียก่อน เลยไม่ทันได้ทำความดี
นี่.. มารเป็นอย่างนี้ เพราะฉะนั้นมารจะอยู่บนสวรรค์อย่างสวัตตีมาร หรืออยู่บนโลกมนุษย์ก็ได้ทั้งนั้นแหละ
โดยคุณครูไม่เล็ก
จากหนังสือ หลวงพ่อตอบปัญหา ๕
นรก - สวรรค์ (หน้า ๒๓-๒๕)
ภาพดีๆ ๐๗๒, เพจการบ้าน
โฆษณา